Life is a tragedy when seen in close-up, but a comedy in long-shot.” – Charlie Chaplin
1.
ในห้องทำงานสีขาวสะอาดตา ร่างสูงมองออกไปนอกหน้าต่างที่ขึ้นเป็นฝ้าจางๆ เกร็ดน้ำแข็งจากหิมะยังคงเกาะบางๆอยู่ที่ขอบหน้าต่าง ด้านนอกทั้งอาคารและทางเดินเต็มไปด้วยสีสันประดับประดาไปด้วยของขวัญ ต้นคริสต์มาส กวางเรนเดียร์ และซานตาครอส ผู้คนต่างพากันออกมาเฉลิมฉลองทำให้บรรยากาศของโซลในตอนนี้อบอวลไปด้วยความสุข ความอบอุ่น รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ช่างแตกต่างกับห้องทำงานเงียบๆของเขาเสียเหลือเกิน
ชายหนุ่มถอนหายใจหนัก มือหนาหยิบตำราแพทย์ด้านหัวใจที่อ่านค้างไว้มาเปิดดู ดวงตาคมไล่อ่านทีละตัวอักษรอย่างตั้งใจ แม้จะเป็นแพทย์เฉพาะทางแต่เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นแพทย์เวรประจำแผนกฉุกเฉินในคืนวันคริสต์มาสอีฟอย่างนี้เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธด้วยที่เป็นหนุ่มโสดไร้พันธะ คงดีกว่าที่จะให้คนที่มีครอบครัวหรือคนรักได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างนี้ ส่วนเขายินดีฉลองกับเพื่อนร่วมงานและคนไข้ในโรงพยาบาล อาจจะเป็นโชคดีที่ตั้งแต่เข้าเวรวันนี้เคสฉุกเฉินมีแค่อุบัติเหตุเล็กน้อยเท่านั้น แค่ทำแผลนิดหน่อยก็ปล่อยให้กลับบ้านได้ เขาจึงได้ใช้เวลาว่างจากการตรวจที่แผนกฉุกเฉินมาค้นคว้าเพิ่มเติม เผื่อว่าจะมีข้อมูลดีๆน่าสนใจสามารถใช้รักษาผู้ป่วยภายใต้การดูแลของเขาได้
“คุณหมอจองคะ!” เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นจากภายนอกพร้อมกับเสียงอึกทึก
ยุนโฮรีบฉวยเอาเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดมาใส่ทับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าโดยไม่ลืมหยิบสเตทโตสโคปที่วางอยู่ไปด้วย ร่างสูงกำยำก้าเท้ายาวๆไปตามทางที่คุณพยายาลเดินนำไป ไม่ทันไรก็ไปหยุดข้างเตียงเลื่อน หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดนอนอยู่บนเตียงอย่างกระสับกระส่าย ดวงตาคมสะดุดไปชั่วครู่เมื่อเห็นเจ้าของดวงหน้าหวานที่ตอนนี้ชื้นด้วยไรเหงื่อ
“ซอฮยอน…” เสียงครางเบาๆหลุดออกมาจากคุณหมอหนุ่มทันทีที่เห็นเธอ
…ซอฮยอนท้องอย่างนั้นหรือ กับใครกัน แล้วคริสล่ะ
“ซอ จูฮยอน ตั้งครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ เจ็บท้องคลอด ปากมดลูกเปิด 8 เซนติเมตรแล้วค่ะ” เสียงพยาบาลรายงานฉุดเรียกเขาขึ้นจากความสงสัย ตอนนี้ยังไงคงต้องทำคลอดก่อนแล้วค่อยเรียบเรียงเคียงถาม
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับที่มือน้อยแน่น เขาเอ่ยกับว่าที่คุณแม่ที่กำลังอยู่ในความเจ็บปวดด้วยสุรเสียงอ่อนโยน “ซอฮยอน-อาห์ จำพี่ได้ไหม พี่จะเป็นคุณหมอทำคลอดให้เธอเองนะ”
“พี่ยุนโฮ” เสียงหวานแหบแห้งเรียกชื่อเขาเมื่อมองได้ถนัดขึ้น
“พี่จะดูแลทั้งเธอและลูกให้ปลอดภัย ไว้ใจพี่นะซอฮยอน” เขาเอ่ยกับเธอก่อนหันไปบอกพยาบาลให้พาเธอไปยังห้องเตรียมคลอด ส่วนเขาแยกไปเตรียมตัวเพื่อทำหน้าที่เป็นคุณหมอทำคลอดให้กับเธอ
กว่าชั่วโมงที่ซอฮยอนอดทนกับความเจ็บปวด โดยมียุนโฮรับหน้าที่เป็นทั้งคุณหมอและญาติเพียงคนเดียวที่คอยให้กำลังใจ จนก้าวเข้าสู่วันใหม่หญิงสาวก็ได้ให้กำเนิดทารกน้อยเพศชายหน้าตาน่ารักน่าชัง .. เด็กชายเกิดในวันคริสต์มาส ราวกับว่าเป็นของขวัญชิ้นน้อยๆแสนล้ำค่าที่ซานตาครอสมอบให้เธอ
รอยยิ้มอบอุ่นเคลือบริมฝีปากทันทีที่เธอเห็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอและคนรัก หญิงสาวรับทารกน้อยจ้ำม่ำจากพยาบาลมาไว้ที่แนบอก ดวงตากลมสวยพินิจมองเจ้าตัวเล็กทีละส่วน ดวงหน้ากลมและแก้มยุ้ยๆ ผิวขาวจัดออกชมพูของทารกแรกคลอด ดวงตาที่ยังคงปิดสนิทรับกับจมูกเล็กและปากแดงจุ๋มจิ๋ม .. น่ารักเกินกว่าจะเป็นลูกชาย โตขึ้นคงสวยเหมือนพ่อ .. คุณหมอหนุ่มเฝ้ามองทุกอากัปกิริยาของคุณแม่คนใหม่อย่างอ่อนโยนแม้ในใจยังเต็มไปด้วยความสงสัย
“ซอฮยอน..” เขาเรียกเธออย่างคนตั้งใจที่จะถามแต่สุดท้ายกลับกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป เหลือเพียงเสียงเรียกชื่อเธออย่างแผ่วเบา
หญิงสาวละสายตาจากลูกน้อยเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอพอจะรู้ได้ถึงความข้องใจที่บุรุษหนุ่มตรงหน้ามี “ถามมาเถอะค่ะ ฉันตอบได้”
ยุนโฮนิ่งไปอยู่อึดใจ เขาถอนหายใจหนักก่อนที่จะเอ่ย “เด็กคนนี้…”
“เค้าคือลูกของคริสค่ะ” เธอตอบอย่างสัตย์จริง ดวงตาหลุบมองลงที่ลูกชายตัวน้อย หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้เขาได้เห็นหยาดน้ำใสที่กำลังเอ่อล้นอยู่ริมสองตา
“แต่คริส…” ยุนโฮถามกลับเกือบจะทันที
“คริสเสียไปก่อนที่จะได้รู้ว่าเค้าจะได้เป็นพ่อ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนอยากมีแท้ๆ .. พี่คะ พี่ว่าคริสจะดีใจไหมคะที่เค้ามีลูกชายน่ารักขนาดนี้” หญิงสาวตอบพร้อมกับคำถามที่ถามราวกับว่าเธอกำลังพูดกับตัวเอง
ดวงตาคมมองภาพสองแม่ลูกตรงหน้าอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไร คริส วูเป็นรุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ที่เรียนตามกันมา คริสรักกับซอฮยอนตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัย เขารู้จักคริสครั้งแรกก็เพราะครั้งหนึ่งเพื่อนร่วมรุ่นเคยเข้าใจผิดว่าเขาไปเดทกับเด็กภาษาศาสตร์ผมม้าหน้าใส แต่สุดท้ายกลับเป็นคริสที่ไปเดทกับซอฮยอน ด้วยส่วนสูงและรูปร่างที่คล้ายคลึงกันจนทำให้เพื่อนที่เห็นเพียงแค่ด้านหลังเข้าใจผิด ก็ใครเลยจะนึกว่าผู้ชายเกาหลีร่างสูงกำยำท่าทางดีจะเรียนแพทย์มากกว่าดารา
ที่เขารู้คริสและซอฮยอนอาศัยอยู่ด้วยกันฉันท์คนรักหลังจากเรียนจบ ทั้งสองไม่เคยทะเลาะกันแม้สักครั้ง คริส…ชายหนุ่มหน้าตานิ่งขรึมมักจะกลายเป็นคนขี้แกล้งและยิ้มเสมอเมื่ออยู่กับเธอ เธอ..ซอฮยอน หญิงสาวแสนอ่อนหวานจะกลายเป็นเด็กผู้หญิงช่างพูดคอยบ่นคอยดุคนรักไม่เว้นวัน เขามองแล้วก็นึกแปลกใจอยู่ทุกครั้งว่าความรักมันช่างประหลาดนัก คนเรามักจะมีด้านที่ไม่น่าเชื่อเสมอเมื่ออยู่กับคนคนนั้น หากความรักไม่ได้สวยงามอย่างที่นึกฝัน คริสจากไปด้วยอุบัติเหตุ ปิดฉากอนาคตแสนสวยงามตรงหน้าของคุณหมอหนุ่มรูปงามและนักประพันธ์สาวแสนสวย
ไม่มีข่าวคราวใดจากซอฮยอนอีกเลยหลังจากงานศพคริสที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย หญิงสาวหายเงียบไปจนทุกคนรอบข้างเป็นห่วง บ้างก็ว่าซอฮยอนยังทำใจไม่ได้กับอุบัติเหตุที่เกิิดขึ้น บ้างก็ว่าเธอย้ายไปอยู่อาศัยที่เมืองอื่นตามลำพังอย่างคนไร้ญาติ เขาเองไม่ได้ติดใจไถ่ถามจนเมื่อได้พบเธอวันนี้ … วันที่หนึ่งชีวิตน้อยๆลืมตาขึ้นดูโลกโดยมีสองมือของเขาเป็นสองมือแรกคอยโอบอุ้ม
…แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปซอฮยอน
2.
เสียงนกร้องประสานกับเสียงหวานละมุนจากเพลงกล่อมเด็ก ซอฮยอนมองทารกน้อยที่เธออุ้มไว้แนบกาย เด็กชายหลับสนิทหลังจากที่เธอเพิ่งป้อนนมไปเมื่อครู่ หญิงสาวค่อยๆวางลูกน้อยลงที่บนเตียงก่อนจะตระคองกอดไว้อย่างเบามือเธอหยุดร้องเพลงกล่อมเด็กที่ฟังแล้วแสนเศร้าก่อนจะเปลี่ยนมาลูบศรีษะทุยน้อยพร้อมกับค่อยๆปล่อยตัวเองไปกับความคิด
“มีลูกกันเถอะนะซอฮยอน เธอก็รู้ว่าฉันอยากมีลูก” เสียงกระเง้ากระงอดของชายหนุ่มร่างโตดังขึ้น อีกครั้งแล้วที่คริสยังคงแสดงความตั้งใจในเรื่องเดิมๆ “อย่าคุมเลยนะซอ” เค้าพูดก่อนจะโยนแผงยาคุมกำเนิดขนาดเล็กทิ้งลงถังขยะไปต่อหน้าต่อตาอย่างที่อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหัวยิ้ม
…ทำตัวเป็นเด็กอีกตามเคย แล้วอย่างนี้จะเป็นพ่อคนได้ยังไงกัน
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองที่คนตัวเล็กกว่าพลางส่งสายตาอ้อนวอน ร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรคุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มือหนาเอื้อมไปจับกุมมือน้อยๆของเธอเขย่าเบาๆอย่างต้องการขอความเห็นใจ เขาเองรักเธอจะตายอยู่แล้ว คบกันอยู่ด้วยกันมาถึงตอนนี้ตัวเขาเองก็อยากจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเสียที ถึงแม้ใครจะบอกว่าพวกเขายังไม่พร้อมที่จะมีลูก คริสเพิ่งเริ่มทำงานได้เพียงไม่กี่ปีและยังต้องศึกษาแพทย์เฉพาะทางต่อ ในขณะที่งานเขียนบทละครของซอฮยอนกำลังก้าวหน้า แต่เขาเชื่อแสนเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี
ซอฮยอนมองคนตรงหน้า ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหากแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ดวงหน้าสวยราวกับรูปสลักเข้ากับผมสีอ่อนทอประกายผิดจากชายชาวเอเชียทั่วไป ดวงตากลมโตคมกริบเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายจนยากจะอธิบาย ทั้งหยอกเย้า ซุกซน ดื้อรั้น จริงจัง และอ้อนวอน คนรักหนุ่มของเธอนี้ไม่เหลือภาพรุ่นพี่มาดเท่แสนเคร่งขรึม คุณหมอคนเก่งของไข้หรือนักเรียนแพทย์ดีเด่นของอาจารย์ เขาเป็นแค่คริส วู ผู้ชายที่รักเธอหมดหัวใจ
“ใครบอกว่าซอคุม อันนั้นมันของเมื่อเดือนที่แล้ว ขอบคุณนะที่ช่วยทิ้งให้” เธอบอกเขากลับไปนิ่งๆพร้อมกับรอยยิ้มหวานละไมไปให้
เพียงแค่ได้ยินชายหนุ่มก็ดีใจจนตัวลอย “ไม่คุมแล้วจริงๆนะซอ อย่ามาหลอกให้ฉันดีใจเล่นนะ”
สองสัปดาห์หลังจากนั้นคริสก็ต้องพาซอฮยอนมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเมื่อหญิงสาวมีความปกติบางอย่างกับร่างกาย เขาทั้งสวดภาวนาอ้อนวอนกับพระเจ้า ขอให้ความหวังของเขาเป็นจริงเสียที .. พระเจ้า ได้โปรดประทานพรให้ลูกด้วย ให้ลูกได้มีบุตรสมใจหวังด้วยเถิด
ชายหนุ่มกุมมือเรียวบางของคนที่อยู่ข้างๆแน่นขณะที่รอผลตรวจ มือของเขาเย็บเฉียบแต่กลับชื้นไปด้วยเหงื่อ ซอฮยอนรู้ดีว่าเขาซ่อนความสับสนวุ่นวายใจภายใต้ท่าทีนิ่งเฉยนั้น
“ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะ ซอฮยอนแท้ง อายุครรภ์ยังแค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้นเอง ผมคงต้อง….” เพียงเท่านั้นเองที่เขาสามารถจับใจความได้ เสียงนายแพทย์หนุ่มยังคงดำเนินต่อไป หากแต่สมองของเขาไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้ว
แท้ง..คำเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัว คริสเสียใจไม่น้อยที่สิ่งที่เขาหวังไม่เป็นดั่งใจคิด แพทย์ผู้ดูแลซอฮยอนอธิบายให้เขาเข้าใจอีกครั้งเมื่อเขามีสติมากขึ้น “เด็กเพิ่ง 1-2 สัปดาห์เท่านั้นเอง เขายังไม่เป็นตัวเลย อายุครรภ์เด็กขนาดนี้ปกติแล้วจะเป็นความผิดปกติของโครโมโซม ซึ่งก็เป็นไปตามการคัดเลือกตามธรรมชาติ คุณเองเรียนทางด้านนี้มาน่าจะรู้”
…รู้แล้วยังไง ในเมื่อความรู้ด้านการแพทย์ที่เรียนมาไม่อาจช่วยเขาได้ในเวลานี้
…รู้แล้วยังไง จะทำให้เธอเสียใจน้อยลงหรือยังไง
คริสได้แต่หันไปหยอกเย้าร่างบอบบางที่อยู่บนเตียง ดวงตาหวานแดงก่ำ หยาดน้ำตาพร่าพราวเกาะอยู่ที่แพขนตางอนหากแต่ไม่ได้ปล่อยให้รินไหลออกมา สำหรับเธอแล้วคงเจ็บปวดมากกว่าเขาหลายเท่านัก ทั้งเจ็บกายและผิดหวัง..เสียใจ แม้จะผิดหวังที่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไข แต่เธอสำคัญมากกว่าสิ่งใดในตอนนี้ เขาควรจะต้องดูแลคอยให้กำลังใจเธอเพื่อที่จะก้าวผ่านเวลานี้ไปด้วยกัน
“ว้า แล้วที่ฉันแพ้ท้องแทนเธอล่ะซอ ฉันรู้สึกเหมือนฉันแพ้ท้อง ไม่ใช่หรอกเหรอเนี่ย” เขาแกล้งทำโวยวาย มือหนาเอื้อมไปยีที่ผมม้าด้านหน้าของเธอจนยุ่งไปหมด
“……..” ไม่มีเสียงตอบใดจากอีกฝ่าย น้ำใสแจ๋วเอ่อล้นที่สองตา จมูกได้รูปแดง หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างไว้แน่นอย่างไม่รู้เจ็บ ดวงหน้าหวานบอกอาการราวกับจะร้องไห้ได้ทุกขณะจิต
“ไม่เป็นไรหรอกนะซอ ไว้เราค่อยพยายามใหม่อีกก็ได้นี่ เธอก็แข็งแรง ฉันก็แข็งแรง เห็นไหม ปล่อยแค่ไม่ทันไรเธอก็ท้องแล้ว แต่ถ้าเธอไม่มั่นใจ ฉันยินดีจะสร้างความมั่นใจด้วยการทำมันบ่อยๆ ดีไหมซอ”
“คริส คนบ้า!” ร่างบอบบางลุกขึ้นมาแทบจะทันทีที่ได้ยินคำเขา มีอย่างหรือ คนกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานกลับมัวแต่มาพูดจาสองแง่สามง่ามแบบนี้ กำปั้นเล็กทุบรัวซ้ำๆไปที่หน้าอกของคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง ชายหนุ่มพยายามปัดป้องก่อนที่จะตัดสินใจรวบเธอไว้ด้วยสองแขนแกร่ง หญิงสาวยังคงพยายามทำโทษเขาแล้วก็หยุดนิ่ง เพียงแค่อยู่ในอ้อมกอดของเขา เพียงแค่ได้รับอุ่นไอที่คุ้นเคย ความแข็งแกร่งที่เธอพยายามสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วงกลับพังทลายลงในพริบตา เสียงร้องไห้สะอื้นสะอึ้นดังขึ้นพร้อมกับความเปียกชื้นจากหยาดน้ำตาที่ชุ่มอยู่ตรงหน้าอกเสื้อ คริสปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มกระชับกอดแน่นขึ้นราวกับจะบอกเธอว่า .. ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร
เขาดันตัวเธอออกเมื่อเห็นเธอดีขึ้น สองมือหนาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนเปรอะอยู่บนแก้มนวลใสอย่างทนุถนอม คริสก้มลงประทับจูบอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปากสีชมพู หยาดน้ำตาที่่เหมือนกับจะแห้งไปกลับไหลลงมาอีกครั้ง
…ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับเรา ทำไมถึงต้องเป็นเราสองคน
ซอฮฮยอนใช้เวลาพักฟื้นเพียงแค่ไม่นาน ความจริงแล้วเธอปกติที่สุดเท่าที่เธอจะเป็นได้ แต่เพราะความเป็นห่วงของคริส เขาจึงขอร้องให้เธอพักผ่อนอยู่ซักหนึ่งสัปดาห์แล้วค่อยดำเนินชีวิตตามปกติอีกครั้ง น่าแปลกที่ความผิดหวังได้รับการเยียวยาเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ หญิงสาวไม่ได้รู้สึกว่างเปล่าอย่างที่ควรเป็น อาจเป็นความรักของเขา .. ความรักของเรา .. ที่ช่วยรักษาทุกอย่างให้หายดีราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
สุขภาพจิตใจของซอฮยอนดีจนน่าตกใจ แต่สุขภาพกายกลับน่าเป็นห่วง หญิงสาวมักจะมีอาการอาหารไม่ย่อยและเสียดท้องจนต้องแอบตื่นขึ้นมากลางดึก เธอรู้ตัวดีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของเธอ หากแต่ไม่อาจรู้ว่ามันคืออะไร ซอฮยอนไม่กล้าบอกคนรักด้วยกลัวเขาเป็นห่วง คริสมักจะทำอะไรเกินไปเสมอเมื่อเป็นเรื่องของเธอ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึกปลุกหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมา ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาของวันใหม่ แต่คริสยังไม่กลับบ้าน ซอฮยอนตั้งสติอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์มาไว้ที่แนบหู
“ซอฮยอนใช่ไหม คริสเกิดอุบัติเหตุ เธอรีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยได้ไหม” เสียงใครซักคนที่แสนคุ้นหูดังขึ้นมาตามสาย
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบดี ซอฮยอนก็แทบจะหายตัวไปที่โรงพยาบาล ในยามวิกาลอย่างนี้ ด้วยคำพูดอย่างนี้ ทุกอย่างทำให้เธอร้อนรนจนแทบหายใจไม่ออก จากที่เป็นคนขับรถช้าอย่างที่คริสมักว่าว่าเธอขับรถรอไฟแดง เธอกลับใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีจากบ้านมายังที่หมาย หญิงวิ่งออกจากรถที่จอดเทียบไว้ส่งๆโดยที่ประตูยังไม่ปิดสนิทมายังห้องฉุกเฉิน ที่เบื้องหน้านายแพทย์อาวุโสกำลังยืนหน้าเครียดกับยุนโฮรุ่นพี่ของคริสที่เธอเคยเจอตั้งแต่สมัยเรียน ไม่นานนักผู้สูงวัยกว่าจะเดินจากไป หญิงสาวอีกคนในชุดเสื้อกาวน์สีเขียวเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วคุยอะไรกับนายแพทย์หนุ่มอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ทั้งคู่จะสังเกตเห็นเธอ
…ได้โปรดอย่าเดินมา ได้โปรดอย่าบอกฉันว่าเขาเป็นอะไร ได้โปรด
คำภาวนาของเธอเหมือนกับจะไม่เป็นผล แพทย์หญิงอีกคน แทยอนเพื่อนสนิทของคริส เธอคนนั้นเดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจ ก้าวแต่ละก้าวช่างแสนช้าในสายตาของซอฮยอน ยิ่งใกล้ก็ยิ่งบีบหัวใจเหลือเกิน เธอคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหยุดที่ตรงหน้าแล้วพูดอะไรบางอย่างที่ซอฮยอนได้ยินไม่ถนัด
คริส… สาหัส .. เราช่วยจนถึงที่สุดแล้ว .. ไม่ทำงาน .. จากไป .. ซอฮยอนไม่สามารถเรียบเรียงสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินได้ถนัดนัก ราวกับว่าสมองของเธอหยุดทำงานไปชั่วขณะ ความรู้สึกเจ็บปวดไหลปรี่ขึ้นมาจนเธอเจ็บไปหมดทั้งหน้าอก ยิ่งกว่ามีใครเอาหัวใจของเธอออกมาทั้งเป็น เรือนร่างบอบบางในชุดนอนสีขาวทรุดลงทั้งยืนจนหญิงสาวอีกคนที่ตัวเล็กกว่าต้องช่วยประคอง
“แทยอน แท… คริส… เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ” ซอฮยอนถามอีกฝ่ายขาดๆหายๆด้วยแรงสะอื้น หยาดน้ำใสแข่งกันไหลรินลงมาตามนวลแก้ม ใบหน้าหวานสวยตอนนี้ซีดยิ่งกว่ากระดาษขาว ดวงตากลมโตที่เคยส่องประกายวาวระยับกลับว่างเปล่า
“เขาไปแล้วซอฮยอน คริส… เสียแล้ว” แทยอนเจ็บปวดไม่แพ้กันที่ต้องเป็นคนแจ้งข่าวร้ายให้กับคนรักของเพื่อนสนิท ยิ่งได้เห็นดวงหน้าที่เปื้อนเปรอะไปด้วยน้ำตาโดยที่เธอไม่อาจะช่วยอะไรได้เธอก็ยิ่งเสียใจ คุณหมอสาวโอบประคองคนที่กำลังร้องไห้อย่างต้องการเป็นที่พึ่งแทนอีกคนที่จากไป
…แล้วฉันจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไรโดยไม่มีเธอ
หญิงสาวตัดสินใจจัดงานศพของคริสเงียบๆ คริสไม่มีญาติที่ไหนอีกนอกจากคุณป้าที่อาศัยอยู่ที่แคนาดา นางเดินทางมาร่วมพิธีศพหลานชายคนเดียวก่อนที่จะเดินทางกลับไปแคนาดาดังเดิม หญิงสาวตัดสินใจหยุดงานประพันธ์ไว้ชั่วคราวเพื่อไปพักผ่อนต่างจังหวัด ที่ที่เธอและคริสมักจะไปเสมอๆเมื่อคราวที่เขายังมีชีวิตอยู่ เธอปฏิเสธความช่วยเหลือจากแทยอนโดยบอกแค่เพียงว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอรู้ร่างกายของเธอกำลังอ่อนแอเช่นเดียวกับจิตใจที่แสนเปราะบาง ซอฮยอนตั้งใจไว้ในทีแรกว่าจะไม่ไปปรึกษาแพทย์เรื่องอาการป่วยของตนเอง แต่เมื่อคิดถึงคำที่อีกคนคอยบ่นเสมอก็ทำให้เธอพาตัวเองมาที่โรงพยาบาลเล็กๆในเขตต่างจังหวัด
“คุณกำลังตั้งครรภ์…” คำพูดแสดงความยินดีที่คุณหมอพูดตามปกติกลับไม่ปกติสำหรับเธอ ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินประโยคบอกเล่าสั้นๆง่ายๆนั้น หญิงสาวยังสับสนจนต้องถามซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันคำตอบ “คุณตั้งครรภ์ได้ 10 สัปดาห์แล้วนะครับ หมอขอแสดงความยินดีด้วย”
เหมือนเสียงอื้ออึงดังอยู่เต็มหัว เธอเห็นภาพคริสยิ้มตื่นเต้นดีใจราวกับเด็กๆ ภาพคริสมากอดเธออย่างอบอุ่น ภาพคริสเดินอวดใครๆว่ากำลังจะได้เป็นพ่อคน ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาได้จากไปแล้ว อยู่ๆคำถามมากมายต่างก็พรั่งพรูออกมาจากเรียวปากสวย
“ฉันท้องเหรอคะ ฉันท้องได้ยังไงกัน”
“ฉันเพิ่งแท้งไปเองนะคะ เมื่อสองเดือนที่แล้ว เพิ่งขูดมดลูกมาด้วยซ้ำ คุณหมอแน่ใจแล้วเหรอคะ”
“แล้วลูกของฉันจะเป็นอะไรไหมคะ เขาจะปลอดภัยไหมคะ จะแข็งแรงเป็นปกติไหม”
นายแพทย์อารมณ์ดีหัวเราะขันที่ได้ฟังคำถามจากว่าที่คุณแม่ เขาขอตรวจสุขภาพของมารดาและความสมบูรณ์ของครรภ์ก่อนแล้วจึงค่อยๆอธิบายให้เธอฟังอย่างคนใจเย็น “ผลการตรวจออกมาว่าคุณกำลังตั้งครรภ์จริงๆ เด็กในครรภ์แข็งแรงสมบูรณ์เท่าที่เด็กอายุ 10 สัปดาห์ควรเป็น ที่อัลตร้าซาวด์เมื่อครู่คุณคงได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่กำลังเต้น อาการผิดปกติของคุณตลอดระยะเวลาสองเดือนนั่นคงเป็นอาการแพ้ท้องของคุณ ซึ่งคุณแม่แต่ละคนจะมีอาการแพ้ท้องแตกต่างกันไป”
หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่านี่มันใช่เรื่องจริงหรือเปล่า มือเล็กๆที่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปให้เธอรู้สึกเจ็บคงเป็นสิ่งเดียวที่บอกว่าเธอไม่ได้ฝัน หูของเธอไม่ได้ฝาด สมองของเธอไม่ได้เลอะเลือนเพราะคิดถึงเขามากเกินไป ที่ผ่านมาที่เธอคิดว่าตัวเองป่วยแท้จริงแล้วเธอกำลังตั้งครรภ์
“เป็นไปได้ว่าไข่ใบนี้ได้รับการผสมและอาจจะเจริญเติบโตช้ากว่าแล้วก็ไปฝังตัวอยู่ในมดลูกตามปกติ ปาฏิหาริย์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างน่าตกใจใช่ไหมคุณซอฮยอน”
…ปาฏิหาริย์อย่างนั้นหรือ ถ้าเพียงแต่เขาได้มีส่วนร่วมในปาฏิหาริย์ของเธอก็คงดี
ซอฮยอนเฝ้าดูแลทนุถนอมทารกในครรภ์น้อยๆ หญิงสาวมีความสุขที่ได้อุ้มท้องลูกที่เกิดจากความรักของทั้งเขาและเธอแม้คริสจะไม่มีโอกาสได้ร่วมยินดี แต่เธอมั่นใจว่าเขาจะยังคงมองเธอ เฝ้าดูแลเธอและลูกจากบนฟ้าไกล รอยยิ้มของเธอกลับมาอีกครั้ง อย่างน้อยพระเจ้าก็ไม่ใจร้ายกับเธอจนเกินไปนัก พระองค์ยังใจดีพอที่จะประทานความสุขเล็กๆหล่อเลี้ยงจิตใจเธอ
3.
“เธอย้ายไปอยู่กับพี่ดีไหมซอฮยอน”
ยุนโฮแทบจะกัดลิ้นตัวเองทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกไปจากปาก เขาเห็นดวงตากลมโตฉายแววประหลาดใจ หญิงสาวทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่ยั้งไว้ได้ทัน คุณหมอหนุ่มอยากจะเขกศรีษะตัวเองแรงๆที่มัวแต่มองคุณแม่ลูกอ่อนเห่กล่อมลูกน้อยที่กำลังหลับไหลจนเผลอหลุดอะไรแปลกๆออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทุกๆวันเขามักจะมาเยี่ยมสองแม่ลูกเสมอจนเพื่อนร่วมงานต่างก็ประหลาดใจกับพฤติกรรมใหม่นี้ ถ้าพูดกันตามจริงแล้วเขาก็ยังแปลกใจตัวเอง แม้จะเหนื่อยล้าจากการตรวจคนไข้แค่ไหน เพียงแค่เดินเข้ามาในห้องของเธอและลูก ความเหน็ดเหนื่อยกายใจกลับมลายหายไปเสียสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความสบายใจ
แน่นอนว่าซอฮยอนปฏิเสธไม่รับความปรารถนาดีจากเขา ผู้หญิงที่ตั้งท้องคนเดียวอย่างเด็ดเดี่ยวทั้งๆที่เพิ่งเสียพ่อของลูกไปอย่างเธอไม่มีทางรับความช่วยเหลือจากใครได้ง่ายๆแม้จะเป็นความช่วยเหลือจากรุ่นพี่สมัยเรียน เพียงไม่ถึงสัปดาห์ซอฮยอนและลูกชายก็แข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาล หญิงสาวกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านที่เธอและคริสเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เธอทั้งดูแลลูกอ่อนด้วยตัวคนเดียวและยังต้องทำงานหนักโดยแทบจะไม่ได้พักบวกกับความเครียดที่ถาโถม กายที่อ่อนล้าจึงประท้วง ซอฮยอนล้มป่วยจนทรุดป่วยหนักจนเธอต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากทั้งยุนโฮและแทยอนให้มาช่วยดูแลลูกน้อย
แทยอนมองหญิงสาวที่นอนซมไข้ตรงหน้า ร่างระหงผอมบางผิดจากหญิงแรกคลอดทั่วไป ใบหน้าขาวไร้สีเลือดแลดูซีดเผือดอย่างน่าตกใจ แต่คนที่นอนอยู่กลับไม่รู้ถึงสภาพอันน่าเป็นห่วงของตัวเอง ยังคงพยายามจะลุกขึ้นมาทำงานทั้งๆที่ลุกขึ้นเองยังไม่ไหว กระทั่งแทยอนเองทนไม่ไหว เอื้อมมือไปจับคนตรงหน้าให้นอนนิ่งๆเสียที
“นอนไปเถอะน่าซอฮยอน อย่าดื้อนักเลย เธอคิดบ้างไหมว่าถ้าเธอเป็นอะไรไปอีกคนแล้วลูกจะอยู่ยังไง” คำพูดของแทยอนเหมือนกับตบหน้าเธอแรงๆให้เธอรู้สึกตัวว่าเธอทั้งดื้อทั้งบ้าแค่ไหนที่ทำอย่างนี้ ฝืนทำทุกอย่างทั้งๆที่ตัวเองไม่ไหว “ย้ายไปอยู่กับพี่ยุนโฮเถอะนะซอ ฉันจะได้สบายใจ คริสก็จะได้สบายใจ”
แทยอนพูดกับคนรักของเพื่อนอย่างเห็นว่าเป็นเพื่อนของเธออีกคน ถ้าเป็นไปได้เธออีกก็อยากจะช่วยซอฮยอนได้มากกว่านี้ หากว่าครอบครัวของเธอมีคนน้อยกว่านี้ซักเท่านึงเธอคงทำได้ แต่ในความเป็นจริงบ้านของเธอคือสภาพแวดล้อมที่เป็นมลภาวะในการเลี้ยงดูเด็ก ทั้งพ่อแม่ที่ทะเลาะกันทุกวันจนแก่ ลูกชายคนโตที่วันๆเอาแต่กินกับนอนไม่เอาถ่าน ไหนจะน้องสาวคนเล็กที่แสนเอาแต่ใจ แทยอนจึงไม่กล้าแม้แต่จะเสนอความช่วยเหลือ เมื่อรู้ว่ายุนโฮรุ่นพี่คนสนิทพร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เธอจึงรับอาสามาเกลี้ยกล่อมอีกแรง
“พอปิดต้นฉบับเล่มนี้เธอก็หยุดโหมงานซักพัก ไปพักกับพี่ยุนโฮ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องทำความสะอาดบ้านทั้งหมดเอง แถมคุณป้าแม่บ้านก็ยังช่วยเลี้ยงเด็กได้ด้วย อยู่ไปก่อนเถอะนะซอฮยอนแล้วค่อยๆคิดว่าจะทำยังไงต่อไป”
คนป่วยซมไข้ได้แต่นอนนิ่งราวกับตุ๊กตา มีเพียงหยาดน้ำที่รินไหลออกมาเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่าเธอมีชีวิต เธอรู้ว่าการเป็นคุณแม่ลูกอ่อนนั้นยากยิ่ง โดยเฉพาะการดูแลคนเดียวโดยที่ไม่มีใครช่วยแบ่งเบา เธอรู้ทั้งหมดเพียงแต่คิดว่าจะสามารถทำมันได้ ถ้าเพียงแค่เธอสามารถส่งต้นฉบับบทประพันธ์เรื่องนี้ได้ทันแล้วทุกอย่างก็คงจะคลี่คลาย แต่อะไรๆมันก็ไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด หญิงสาวต้องตื่นมาให้นมลูกน้อยที่ตื่นมาร้องทุกๆสี่ชั่วโมง บางครั้งก็ร้องโยเยแบบที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจนสุดท้ายคนเป็นแม่ก็ร้องไห้ไปพร้อมๆกัน เวลาเพียงน้อยนิดที่ว่างจากการดูแลลูกเธอก็ต้องทำงาน ต้นฉบับที่ถูกส่งกลับมาให้แก้ครั้งแล้วครั้งเล่า คงถึงเวลาที่เธอต้องยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง ดวงตากลมโตปิดลงอย่างช้าๆทั้งที่น้ำตากำลังไหล มันคงไม่ผิดอะไรใช่ไหมที่ฉันจะตัดสินใจแบบนี้
“แล้วชิน…” จู่ๆหญิงสาวก็ลืมตาขึ้นมาถามถึงลูกชายตัวน้อย เธอตั้งชื่อเขาว่าชิน .. ชิน วู .. ชินที่แปลว่าศรัทธา และความเชื่อ เหมือนที่พ่อและแม่ของเขาเชื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น และมันก็เกิดขึ้นจริงๆราวกับฝัน
“อยู่กับพี่ยุนโฮน่ะ ขานั้นรักเด็ก แค่อุ้มก็เงียบกริบเลย ถ้าไม่รู้ฉันคงนึกว่าเขาเคยมีลูกมาก่อน” แทยอนตอบ เธอไม่ได้เซ้าซี้เพื่อเอาคำตอบใดจากซอฮยอนต่อไป แม้ไม่มีคำตอบใดแต่เธอก็รู้ดีว่าคนตรงหน้าตัดสินใจยอมรับความช่วยเหลือแล้ว
ซอฮยอนย้ายมาพักอยู่ที่บ้านของยุนโฮ ไม่ไกลนักจากโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ ชายหนุ่มจัดห้องให้เธอและลูกแยกออกมาแบบเป็นส่วนตัว ข้าวของเครื่องใช้มากมายถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่จัดตกแต่งอยู่ภายในห้องเล็กโปร่งสบายสมกับเป็นห้องเด็กอ่อน เพียงแค่ไม่นานที่เธอย้ายเข้ามา นายแพทย์หนุ่มก็มีกิจวัตรใหม่ ยุนโฮกลายเป็นคนตื่นเช้า เขาตื่นมารับประทานอาหารเช้าที่เธอทำ เลิกงานแล้วตรงกลับบ้านทันที ไม่แวะไปสังสรรค์ที่ไหน เขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าสุขใจแค่ไหนที่มีเธออยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน สิ่งที่ชายหนุ่มที่มีดีกรีเป็นถึงนายแพทย์ไม่เคยเข้าใจคืออะไรบางอย่างในตัวเธอดึงดูดเขา ทำให้เขามองเธอได้ไม่รู้เบื่อ ซ้ำร้ายยังเผลอยิ้มตามอยู่เสมอ
เหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อเธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ชินอารมณ์ดีและเลี้ยงง่าย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเด็กน้อยรับรู้อารมณ์ได้จากคนเป็นแม่ เด็กชายชินติดคุณลุงยุนโฮที่สุด แค่ได้ยินเสียงทุ้มอบอุ่นของคุณลุง ชินก็แทบจะถลาไปให้อุ้ม ซอฮยอนเองก็เริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นเนื่องจากมีคนแบ่งเบาภาระ แม้ว่าในตอนแรกเธอจะอึดอัดด้วยไม่เคยใกล้ชิดขนาดอยู่ร่วมชายคากับชายใดนอกเหนือไปจากคริส แต่เพราะยุนโฮเข้ากับคนง่าย ไม่นานหญิงสาวก็คุ้นเคยกับการมีเขาเคียงข้างทุกวันจนเธอรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว
“พี่ยุนโฮ ซอจะพาชินไปซื้อของที่ห้างนะคะ” เสียงหวานปลุกเขาให้ตื่นทั้งๆที่เพิ่งนอนไม่ไปไม่กี่ชั่วโมง ชายหนุ่มลืมตาช้าๆก่อนจะเห็นหญิงสาวยืนอยู่หน้าประตูแต่งตัวพร้อมที่จะออกไปข้างนอก สองแขนเรียวเล็กอุ้มทารกน้อยในชุดหล่ออย่างชำนาญ
“ไปไหนกันคะแม่ลูก” เขาถามด้วยความสงสัย
“ซอต้องไปซื้อของใช้ของชินน่ะค่ะ อาจจะต้องซื้อชุดฤดูหนาวไว้ซักหน่อยด้วย อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวลูกจะป่วย” หญิงสาวบอกเขาถึงแผนการในวันนี้
“พี่ไปด้วย รอพี่แป๊บนึงสิ” ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากที่นอนทันทีที่พูดจบก่อนจะเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหวือเข้าห้องน้ำไปไม่ทันให้อีกคนได้ทัดทาน
ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางกรุงโซล ผู้คนมากมายต่างเดินกันขวักไขว่ ซอฮยอนเดินเข้าร้านออกร้านนี้โดยมียุนโฮอุ้มชินเดินตามอยู่ไม่ห่าง ภาพชายหนุ่มอุ้มเด็กน้อยแก้มยุ้ยหน้าตาน่ารักน่าชังนั้นทำให้คนเดินผ่านไปมองอย่างทั้งเสียดายปนอิจฉา
“พี่ยุนมาทำไมก็ไม่รู้ เพิ่งได้นอนไปแค่แป๊บเดียวเอง ซอกับชินมาเองก็ได้” เธอบ่นพลางเลือกของไปพลาง มือเรียวบางเอื้อมหยิบหมวกใบน้อยขึ้นมาสวมใส่ให้กับเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนเขา
“ซอฮยอน! คริส! มาทำอะไรในร้านเสื้อผ้าเด็กจ๊ะเนี่ย” เสียงเรียกคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของยุนโฮ “ฉันเกือบจะเดินผ่านไปแล้วนะเนี่ย มองอยู่ตั้งนานว่าเป็นเธอหรือเปล่า”
“ฮวานฮี กลับมาตั้งแต่เมื่อไร” หญิงสาวทักขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าใครเป็นเจ้าของเสียงเรียก ฮวานฮีเพื่่อนรักสมัยวิทยาลัยที่ห่างเหินกันไปเพราะอีกฝ่ายต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ
“อ้าว นี่ไม่ใช่…” ฮวานฮีเอ่ยขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นผู้ชายตัวสูงชัดๆ ด้วยส่วนสูง ลักษณะท่าทาง ช่างเหมือนอีกคนเหลือเกิน แต่กลับไม่ใช่
“นี่พี่ยุนโฮ เอ่อ.. รุ่นพี่ของคริสน่ะ”
“แล้ว…”
“ส่วนนี่ลูกชายของฉัน” ร่างระหงถูกเพื่อนสาวดึงออกไปจากตรงนั้นแทบจะทันที ฮวานฮีโค้งให้กับชายหนุ่มน้อยๆอย่างขออนุญาต มือก็ทั้งลากทั้งถูพาเพื่อนสาวไปหยุดยืนอยู่ไม่ไกลนักจากยุนโฮ
“มันเกิดอะไรกันขึ้นซอฮยอน” ดวงตาเรียวเล็กที่มักจะเต็มไปด้วยประกายยิ้มมองอีกคนเครียดขึ้ง “ที่ฉันรู้เธอย้ายไปอยู่กับคริสและก็กำลังวางแผนอนาคตกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“คริสเสียได้ปีกว่าแล้วฮวานฮี” ซอฮยอนตอบเสียงเรียบ ปีกว่าแล้วที่เขาจากไป ภายใต้ท่าทางปกตินั้นหัวใจเธอยังกระตุกทุกทีที่นึกถึงคืนนั้น ความทรงจำอันแสนปวดร้าวที่สุดในชีวิตเธอ
“โธ่ ซอ แล้วชิน…?”
“ชินเป็นลูกคริส ฮวานฮี ลูกชายที่คริสเฝ้าฝันอยากจะมี โชคดีที่ฉันได้รับความช่วยเหลือจากพี่ยุนโฮ ไม่งั้นเราสองแม่ลูกคงแย่ ฉันพยายามโทรหาเธอเพื่อจะบอกข่าวแต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย..” หญิงสาวอธิบายให้เพื่อนสนิทฟัง เพื่อนรักที่ห่างหายใช้เวลาคุยกันชั่วครู่ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายไปทำธุระที่ค้างอยู่ ฮวานฮีไม่ลืมที่จะขอทั้งที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของซอฮยอน คราวนี้เธอสัญญาว่าจะไม่ทิ้งให้เพื่อนต้องผ่านช่วงเวลาโหดร้ายลำพังอย่างแน่นอน ฮวานฮีจากไปโดยทิ้งคำถามมากมายไว้ให้กับคนสองคนโดยที่เธอไม่รู้ตัว
ทั้งยุนโฮและซอฮยอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายแพทย์หนุ่มสลัดเสื้อกาวน์ทำหน้าที่เป็นคุณพ่อบ้านดูแลคุณแม่และลูกน้อยอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติจนเมื่อถึงเวลาที่ต่างคนต่างอยู่ลำพัง
ภายในห้องนอนอันมืดมิด เสียงเพลงจากโมบายที่ถูกเปิดทิ้งไว้กล่อมเด็กชายดังอยู่ก่อนจะค่อยๆดับลง ร่างบางระหงยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ใจหวนกลับไปคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน .. พี่ยุนโฮเหมือนกับคริสขนากนั้นเลยหรือ .. ในตอนแรกซอฮยอนเองยอมรับว่าคล้าย ไม่ใช่เพียงคล้ายแค่ภายนอก มันมากไปกว่านั้น การที่มียุนโฮอยู่ใกล้คอยดูแลเธอทำให้เธอรู้สึกเช่นเดียวกับที่เธอได้รับจากคริส แต่เมื่อนานไปเธอเริ่มมั่นใจว่ามันแตกต่าง สำหรับเธอคริสเป็นรักแรก คือความทรงจำที่จะอยู่ในใจของเธอเสมอ ส่วนยุนโฮคือปัจจุบัน คือความอบอุ่นปลอดภัย คือหัวไหล่ให้เธอพังพิง หัวใจของเธอสงบอย่างน่าประหลาดเวลาที่อยู่กับเขา
…นี่ฉันรักพี่ยุนโฮอย่างนั้นหรือ
ซอฮยอนเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เธอรักเขา แน่ล่ะใครจะไม่รักผู้ชายแสนดีอย่างนั้น แต่เธอไม่ดีพอสำหรับนายแพทย์หนุ่มอนาคตไกลที่แสนเพียบพร้อมอย่างเขา นักประพันธ์เงินเดือนเพียงแค่ครึ่งของเงินเดือนหมอ พ่อแม่ก็สิ้นไปแล้วทั้งสองท่าน มีเพียงลูกชายหัวแก้วหัวแหวน .. แต่นั่นมันข้อดีตรงไหนกัน
ตั้งแต่นั้นหญิงสาวก็รักษาระยะห่างจากชายหนุ่มเจ้าของบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าเขาก็รู้สึก ยุนโฮเฝ้าสังเกตเธอ หลายครั้งที่ซอฮยอนปฏิเสธไม่ยอมทำบางอย่างที่เคยทำร่วมกัน ไม่ว่าจะไปซื้อของ ทานอาหาร หรือแม้แต่ดูรายการภาพยนต์ที่บ้าน จนเขาชักจะน้อยใจแต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา ชายหนุ่มกลัวแสนกลัวว่าถ้าพูดอะไรไปเธอจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปพร้อมกับลูกชาย หากเป็นอย่างนั้นเขาคงทำใจไม่ได้ อย่างน้อยการได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันคงดีกว่าการสูญเสียเธอไปอย่างไม่มีโอกาสแม้แต่จะเฝ้ามอง
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มมองออกไปที่นอกหน้าต่าง หิมะโปรยปรายอยู่ด้านนอกทำให้โซลอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขของเทศกาลคริสต์มาสที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน แขนแกร่งกอดเด็กชายที่ขยับตัวยุกยิกไม่เป็นสุขราวกับว่าหงุดหงิดอยากจะออกจากอ้อมกอดเขาเสียเต็มที แขนเล็กป้อมไขว่คว้าเปะปะพร้อมกับร้องเรียก “ม่ะ มัมมัมมา อมมะ” คำแรกและคำเดียวที่เรียกได้ในตอนนี้
“จะหาแม่อีกแล้วนะชิน ไม่เห็นร้องหาพ่อบ้างเลย .. อัปป้า .. พูดได้ไหมชิน อัป-ป้า” ชายหนุ่มมองหน้าทารกตัวจ้อยหวังว่าจะได้ยินคำเรียกอย่างที่หวัง ถึงเขาจะไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดแต่ก็เลี้ยงดูกันมาจนทั้งรักและผูกพันเสมือนเลือดเนื้อเชื้อไข
“มัมมัมม่ะ อมมะ!” เด็กชายตัวน้อยร้องเรียกมารดา มือเล็กๆตีเข้าเบาๆที่แก้มสาก
ร่างบางระหงเดินออกมาจากพร้อมกับชามข้าวใบเล็กๆในมือ ดวงตาอ่อนโยนมองลูกชายตัวน้อยที่อยู่ในแขนแกร่งนั้น รอยยิ้มบางๆเคลือบอยู่ที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อน ความรู้สึกอบอุ่นโอบล้อมหัวใจเธอเมื่อได้เห็นยุนโฮกับชินเข้ากันได้ดี แต่อีกใจนึงก็นึกหวั่น ถ้าวันที่เราไม่ได้อยู่ร่วมกันมันจะเป็นอย่างไร ซอฮยอนไล่ความคิดต่างๆออกไปจากหัว หญิงสาวนั่งลงที่ใกล้ๆก้มลงหยอกเย้าเด็กน้อย
“หิวล่ะสิ ไม่ได้คิดถึงแม่หรอกใช่ไหมคะชิน” เสียงหวานถาม มือยังคงคนอาหารเด็กที่เตรียมไว้ให้เข้ากัน
“มะ ม่ำๆๆๆๆ มัมม่า!” เด็กน้อยพูดพร้อมกับตบมือชอบใจ ตัวกลมเล็กไต่ออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มสูงใหญ่แล้วจึงปีนป่ายไปนั่งที่ตักมารดา ซอฮยอนหัวเราะคิกกับท่าทางของเด็กน้อย ชินฉลาดเกินวัยสำหรับเด็กอายุขวบปี มือหนาที่ว่างจากการอุ้มเด็กชายเอื้อมมารับชามอาหารลายการ์ตูนจากมือของซอฮยอน เขาใช้ช้อนตักอาหารเพียงนิดก่อนจะยื่นไปป้อนเด็กชาย
“หม่ำมาเร็วครับชิน”
ชินอ้าปากว้างเพื่อรับอาหารไปเคี้ยวจ๊อบแจ๊บอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะอ้าปากรออีกครั้งจนผู้ใหญ่ทั้งสองขันนัก เด็กคนอื่นมีเลือกกิน เบื่ออาหารทานไม่ได้ แต่ชินเจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง เด็กน้อยกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
“ม่ำมะ .. อะอะ .. อะปะ ม่ำๆๆๆ อัป..ปะ..!” ดวงตาคบกริมเบิกกว้างอย่างตกใจที่ได้ยินคำเรียกที่เขาพยายามสอนมาตลอดตั้งแต่เด็กน้อยเริ่มพูดคำแรก
“อัปปะ”
เด็กทารกน้อยยังคงเรียกอยู่อย่างนั้น มือเล็กป้อมชี้มาที่ชามอาหารราวกับจะบอกว่าให้ป้อนคำต่อไปได้แล้ว ชินเอียงคอมองคนตัวโตตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ทั้งที่ปกติจะคอยป้อนเขาไม่ขาดและยังคะยั้นคะยอให้เขาเรียกว่า “อัปป้า” แต่พอเรียกแล้วไหงนิ่งไปอย่างนั้น เด็กชายหันหลังมองมารดาที่มีท่าทีตกใจไม่ต่างกัน
ชายหนุ่มตั้งสติเพียงชั่วครู่ก่อนจะยิ้มอย่างยินดี มือหนาค่อยๆตักอาหารป้อนเด็กชายทีละน้อยๆ ดวงตากลมโตเฝ้ามองภาพตรงหน้าอย่างที่เธอเองก็บอกไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ตื้นตัน .. แต่ความรู้สึกละอายที่ท่วมท้นอยู่นี่ล่ะ เธอควรจะได้รับกับสิ่งเหล่านี้แล้วอย่างนั้นหรือ เธอไม่ดีพอขนาดนั้น เธอจะให้คุณหมอหนุ่มอนาคตไกลมาหยุดที่การเป็นพ่อของลูกที่เกิดจากผู้หญิงหม้ายหนึ่งคนได้อย่างไรกัน ลำพังแค่ความช่วยเหลือช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาก็มากจนเธอไม่รู้จะตอบแทนได้อย่างไร แล้วนี่ยังชิน..
กลางดึกคืนนั้นหลังจากที่ซอฮยอนพาชินเข้านอน เธอนอนไม่หลับ หลังจากที่คิดเรื่องราวมากมาย สุดท้ายหญิงสาวตัดสินใจเดินไปหายุนโฮที่ห้องนอนของเขา เธอเรียกเขาออกมาคุยที่ห้องรับแขกด้านนอกอย่างทุกครั้ง ร่างระหงเดินออกมาจากหห้องครัวพร้อมด้วยโกโก้อุ่นๆกรุ่นควันฉุย เธอยื่นมันมาให้กับเขาก่อนจะนั่งลงที่โซฟาอีกตัว
“พี่ยุนโฮคะ ซอขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณที่ดูแลเราสองแม่ลูกเป็นอย่างดีมาตลอดเวลาเกือบปีนี้” เสียงหวานเอ่ยขึ้น ยุนโฮตั้งท่าจะพูดบางอย่างแต่กลับถูกเธอหยุดไว้ ท่าทีแปลกๆของเธอทำให้เขาต้องหยุดฟังอย่างตั้งใจ มือหนาเอื้อมวางแก้วโกโก้ที่เพิ่งดื่มไปเพียงจิบเดียวก่อนจะมองนิ่งที่ดวงหน้าหวานใส “ซอขอบคุณพี่ยุน แต่ซอก็ไม่อยากรบกวนพี่ยุนมากไปกว่านี้ ชินเริ่มโตขึ้นทุกวัน ซอกลัว…ว่าเราสองคนแม่ลูกจะสร้างความลำบากให้กับพี่ยุน ซอเลยตัดสินใจว่าจะย้ายออก”
“พี่ไปบอกซอตอนไหนงั้นหรือว่าพี่ลำบาก” เขาถามอย่างคนที่สติหลุดลอย ซอฮยอนพูดในสิ่งที่เขากลัว หัวใจที่ผลิบานด้วยความยินดีจากเสียงเรียกเล็กๆของเด็กชายที่เรียกเขาว่าพ่อแหลกสลายไม่มีชิ้นดีเมื่อเธอบอกว่าจะไป .. ออกไปจากชีวิตของเขา
“พี่ยุนไม่เคยบอก แต่ซอแค่คิดว่าซอควรจะทำสิ่งที่ถูกต้องเสียที มีซอกับลูกอย่างนี้ พี่ยุนจะมีครอบครัวของตัวเองได้ยังไงกันล่ะคะ”
“ขอให้เธอรู้ไว้ว่า .. สำหรับพี่ ซอและลูกคือครอบครัว” เขาตอบ ชายหนุ่มกลืนก้อนฝืดๆลงไปในลำคอก่อนที่จะพูดต่อ “พี่จะไม่ห้ามซอไม่ว่าซอจะทำอะไร ขอให้ซอตัดสินใจให้ดี แต่พี่ขออย่างนึงก่อนจะเธอจะไป เธอย้ายออกหลังวันคริสต์มาสได้ไหม คุณพ่อคุณแม่ของพี่ท่านอยากพบเธอกับลูก ตามที่เราสัญญากันไว้ว่าเราจะพาชินไปพบท่านแล้วก็ฉลองคริสต์มาสด้วยกัน”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหม่นวูบ ยุนโฮหลุบสายตาลงมองที่พื้นตรงหน้า เขาไม่กล้าสบตาคู่นั้น ไม่กล้าแม้แต่จะมองเสี้ยวหนึ่งของดวงหน้าหวานซึ้งด้วยกลัวใจตัวเอง หากเขามอง เขาคงไม่อาจปล่อยเธอไป ชายหนุ่มคงต้องผิดคำพูดที่บอกเธอไว้เมื่อครู่ “ถ้าหลังจากที่ไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่แล้วเธอตัดสินใจได้อย่างไร พี่จะเคารพการตัดสินใจของเธอ ได้ไหมซอฮยอน อีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง”
ร่างสูงกล่าวทิ้งไว้ก่อนจะเกินเข้าห้องนอนทิ้งเธอไว้ให้อยู่ลำพังท่ามกลางค่ำคืนอันเหน็บหนาว
เวลาแค่เพียงไม่กี่วันกลับเหมือนนานนับปีสำหรับเขา ยุนโฮพาสองแม่ลูกไปยังกวางจูบัานเกิดของเขาเพื่อพบกับบิดามารดาตั้งแต่วันคริสต์มาสอีฟ ทุกเวลาทุกนาทีชายหนุ่มแทบจะไม่ปล่อยให้เด็กชายห่างกายด้วยอาจจะซึบซับทุกอย่างไว้ก่อนที่เธอจะตัดสินใจ ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไร เขาคงได้แต่ยอมรับ เขาเพียงแต่เสียใจและเสียดายที่ไม่อาจอยู่ในฐานะที่ทำอะไรได้มากกว่านั้น การปล่อยเธอจากไปโดยไม่มีสิทธิ์แม้จะรั้งไว้ ที่ทำได้คือรอวันนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับกักขังเขาไว้เพื่อรอเวลาประหาร
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปที่หญิงสาวสองวัยที่กำลังคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ซอฮยอนเข้ากับมารดาของเขาได้ดีอย่างน่าหนักใจ การเป็นแพทย์ทำงานในเมืองหลวงจะทำให้ยุนโฮต้องทำงานไกลบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงติดต่อกับที่บ้านอย่างสม่ำเสมอไม่มีขาด ชายหนุ่มมักจะเล่าเรื่องของสองแม่ลูกที่เขาอาศัยอยู่ด้วยให้มารดาฟังเสมอจนท่านอยากพบ เขาเคยเปรยกับท่านด้วยซ้ำเรื่องของซอฮยอน อย่างน้อยเขาก็อยากให้ครอบครัวยอมรับหากเขาจะเลือกเธอเป็นภรรยาโชคดีที่บิดามารดาของเขาทันสมัยพอดีที่ยอมรับเรื่องราวเหล่านี้ได้ โชคร้ายก็ตรงที่ซอฮยอนไม่ได้เลือกเขา .. แล้วเขาจะบอกแม่ได้อย่างไรกันว่าแม่จะชวดทั้งลูกสะใภ้และหลานชายหน้าตาน่าเอ็นดู
“เหนื่อยไหมลูก ซอ” คุณนายจองถามหญิงสาวที่ลูกชายคนเดียวพามาอย่างเอ็นดู
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะคุณนายจอง พี่ยุนโฮเหนื่อยกว่าซอเยอะเลยค่ะ ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง” ซอฮยอนตอบ ดวงตาทอประกายมองไปที่ลูกชายคนเดียวที่กำลังจะครบขวบปีในอีกไม่ถึงวัน ชินเล่นกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หัวเราะกันเอิ๊กอ๊ากโดยมีประมุขแห่งบ้านตระกูลจองนั่งมองอยู่อย่างยินดี
“ไม่ต้องเรียกคุณนายหรอกลูก เรียกว่าแม่เถอะซอฮยอน” หญิงสูงวัยกว่าพูดพลางแตะที่ไหล่กลมมนของอีกคนอย่างเอ็นดู
“ค่ะคุณแม่”
คุณนายจองและซอฮยอนใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบทั้งวันจนคุณจองกระเซ้าว่าเธอได้ลูกสาวคนใหม่จนลืมลูกชาย ซอฮยอนทั้งน่ารักแสนดี เธอคิดไว้แล้วไม่ผิดว่าลูกชายของเธอตาแหลม ยุนโฮพ่อลูกชายของเธอมักจะโทรมาเล่าเรื่องราวของสองแม่ลูกคู่นี้จนเธออยากจะพบหน้าคนที่สามารถทำให้ลูกชายของเธอเปลี่ยนไปได้ ยุนโฮเคยบ้างาน ทำงานข้ามวันข้ามคืน ทั้งตรวจคนไข้และทำงานวิจัยอย่างไม่ว่างเว้น ช่วงหลังเธอสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกชายคนเดียวที่แทบจะกลับจากขั้วโลกเหนือเป็นขั้วโลกใต้ ยุนโฮอ่อนโยนมากขึ้น ใส่ใจครอบครัวและคนรอบข้างมากขึ้น ที่สำคัญดูแลตัวเองมากขึ้นโดยชายหนุ่มให้เหตุผลว่าเขามีคนอีกสองคนต้องดูแล อย่างนี้จะให้เธอตั้งแง่กับหญิงสาวที่เปลี่ยนลูกชายเธอให้จากนายแพทย์หนุ่มสมบูรณ์แบบเป็นผู้ชายธรรมดาหนึ่งคนได้อย่างไรกัน และจากที่เธอเจอวันนี้เธอก็ไม่ผิดหวัง กลับประทับใจเกินกว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ
“แหม พ่อก็ ก็แม่ดีใจนี่ที่พ่อยุนพาสาวมาให้แม่ดูตัวซะที แม่น่ะรอมานานจนคิดว่าจะต้องรอเก้อเสียแล้ว” คุณนายซอพูดแก้เก้อกับคำหยอกเย้าของสามีที่กลางโต๊ะอาหาร ครอบครัวจองและแขกคนสำคัญกำลังรับประทานอาหารมื้อพิเศษในคืนวันคริสต์มาสอีฟร่วมกัน
“พี่ยุนไม่เคยพาผู้หญิงมาแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักเหรอคะ” หญิงสาวถาม เธอลอบมองชายหนุ่มเจ้าของเรื่องโดยไม่ให้เขารู้ตัวก่อนเสมาตักอาหารให้คุณนายจอง
“ก็มีซอนี่แหละ คนแรก แล้วก็…คนเดียว” ยุนโฮตอบ
“อ่าวเฮ้ย เจ้ายุน! แกจะมาจีบน้องต่อหน้าพ่อทำไม ไม่ต้องกินข้าวกันพอดี มดขึ้นหมดแล้ว” คุณจองกล่าวด้วยน้ำเสียงดังกังวาล หากแต่ข้อความหยอกเย้าลูกชายอย่างคนอารมณ์ดี “กินข้าวก่อนไปแล้วค่อยไปจีบกันต่อ เดี๋ยวพ่อกับแม่ดูหลานให้เอง”
สองสามีภรรยาหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้หนุ่มถามที่ถูกแซวนั่งหน้าแดงราวกับสตรอว์เบอร์รี่จนในที่สุดคุณนายจองต้องพูดขึ้น “พ่อนี่ก็ ไปแซวลูกทำไม ทานข้าวไปยุนโฮ ซอฮยอน อย่าไปฟังพ่อขี้แกล้งของเรามากนักเลย”
กลางดึกคืนคริสต์มาสอีฟ หลังจากที่สมาชิกครอบครัวจองและสองแม่ลูกแลกของขวัญกันตามทำเนียม คุณนายจองได้แต่ปิติยินดีที่ได้รับผ้าพันคอเนื้อดีจากซอฮยอนเช่นเดียวกับคุณจองที่เห่อเนคไทใหม่ไม่เลิก จนยุนโฮบ่นอุบว่าของขวัญของเขาไม่ได้รับการเหลียวแล ซอฮยอนได้รับสร้อยคอพร้อมจี้กับหนังสือจิตวิทยาของอริสโตเติลเล่มหนาที่ลูกชายบอกว่าหญิงสาวชอบอ่าน สำหรับยุนโฮ คุณนายจองเตรียมแหวนเก่าเอาไว้ให้โดยไม่ได้เอ่ยอะไรนอกเหนือไปจากนั้นและเขายังได้รับนาฬิกาเรือนหรูจากบิดา ส่วนชินเด็กชายที่ควรจะเข้านอนกลับนั่นเล่นของเล่นสารพัดที่ได้จากทั้งครอบครัวของยุนโฮและคุณแม่ของเขา เด็กน้อยปรบมือหัวเราะร่าอย่างยินดีแทบจะตลอดเวลาที่เห็นความรื่นเริงของทุกคนในบ้าน
หลังจากแลกของขวัญเสร็จสิ้นทุกคนในครอบครัวต่างก็แยกย้าย ยุนโฮชวนซอฮยอนออกมาเดินเล่นโดยมีคุณและคุณนายจองรับอาสาทำหน้าที่พาเด็กชายตัวน้อยเข้านอน ที่สวนหลังบ้านประดับประดาด้วยไฟระยิบ ตุ๊กตาเด็กในโรงนาเป็นสัญลักษณ์การเกิดของพระเยซูได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามท่ามกลางสวนกว้าง ในที่สุดเขาก็มีเวลาได้คุยกับเธออย่างลำพังเสียที ชายหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าจะอย่างไรเขาจะพูดกับเธอให้รู้เรื่องวันนี้ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร
“ให้พี่ดูแลซอต่อไปได้ไหม อย่าเห็นพี่เป็นแค่เงาของคริสได้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋าอย่างต้องการไออุ่น ถึงกวางจูจะอยู่ในตอนใต้ของเกาหลี แต่อากาศในตอนกลางคืนของฤดูหนาวก็ยังคงหนาวนัก
“ซอไม่เคยเห็นพี่ยุนเป็นตัวแทนของคริสเลยนะคะ ถึงจะเหมือนกันแค่ไหนแต่มันก็แค่ภายนอก คริสก็คือคริส พี่ยุนก็คือพี่ยุน คริสคือคนรักคนแรกที่ไม่มีใครแทนได้ เขาเป็นความทรงจำที่ดี ซอมีวันนี้ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะคริส…”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้อธิบายมากไปกว่านั้น เขาก็ถามขึ้นมาต่ออย่างอดรนทนไม่ไหว “แล้วสำหรับซอพี่เป็นอะไร”
“พี่ยุนเป็นซานต้า” ดวงตากลมโตเปล่งประกายระยิบมองหน้าคนตัวโตกว่าพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“หะ” เขาร้องถามอย่างฉงนนัก ซานตาคลอสอะไรกัน เขา..ไม่เข้าใจเอาซะเลย
“ซานต้าพี่ยุน” เสียงหวานใสยังคงหยอกเย้า รอยยิ้มขี้เล่นฉายอยู่เต็มใบหน้าจนเขาชักจะอ่อนใจ ตั้งใจว่าจะคุยเป็นเรื่องเป็นราวกลับโดนแกล้งเสียนี่
“โถ่ซอ” ชายหนุ่มร้องโอดโอย นายแพทย์หนุ่มแนวหน้าของเกาหลีเสียท่าให้กับหญิงสาวหน้าหวาน รู้ไหนถึงไหนคงอายไปถึงนั่น
“แหม ถ้าใส่ชุดแดงหน่อยละใช่เลยนะคะเนี่ย” เธอตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานไปให้ “ในชีวิตซอ สิ่งที่มีค่าที่สุดคือชิน ต้องขอบคุณซานต้าใจดีที่มอบชีวิตให้กับเขาเพื่อเป็นของขวัญให้กับซอ พ่อที่ตามสายเลือดของชินคือคริส แต่คนที่ให้ชีวิตกับเขา สองมือแรกที่อุ้มเขาคือพี่ ขอบคุณมากนะคะ .. ซานต้าของฉัน”
ยุนโฮมองสบดวงตาโตแน่นิ่ง ราวกับตกอยู่ในภวังค์ฝัน “แล้วเธอรักซานต้าบ้างไหมซอ” เขายังคงตั้งคำถาม
“ซอรักซานต้าไม่ได้หรอกค่ะ อ้วนก็อ้วน แก่ก็แก่ แถมยังใจดีกับทุกคน” รอยยิ้มและน้ำเสียงขี้่นกลับมาอีกครั้งจนคราวนี้เขาชักจะอ่อนใจขึ้นมาจริงๆ ซอฮยอนไม่เปิดโอกาสให้เขาได้โรแมนติกบ้างเลยแม้แต่น้อย
“แล้วซานต้าคนนี้ล่ะ เธอไม่รักซานต้าพี่ยุนคนนี้หน่อยเหรอซอ” เขาถาม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองเข้าไปในดวงตากลมโตที่ส่องประกายใสแจ๋ว เขาถ่ายทอดทุกคำพูดทุกความรู้สึกผ่านทางแววตาคู่นั้นไปจนหมดสิ้น
“อัปป้า! อัปปะๆๆๆ” เสียงเด็กชายดังขึ้น สายตาทั้งสองคู่หันไปมองที่ต้นเสียง เด็กชายควรจะหลับไปแล้วไม่ใช่หรือ
“ขอโทษทีลูก เที่ยงคืนกว่าแล้วชินยังไม่ยอมนอน พอตั้งเริ่มตั้งไข่ได้ละเอาใหญ่เลย แม่เลยพาออกมารับลม นี่แม่นึกว่าเราไปอยู่แถวเรือนต้นไม้เสียอีก .. คุยกันไปต่อเถอะสองคน เดี๋ยวพ่อกับแม่ดูหลานให้เอง” คุณนายจองที่กำลังอุ้มเด็กชายตัวน้อยเอ่ยขึ้น เพราะเธอแท้ๆที่ทำลายบรรยากาศดีๆของคู่รัก เธอตั้งใจจะพาหลานมาเล่านิทานก่อนนอนที่ในสวนก่อนด้วยคิดว่าลูกชายคงพาหญิงสาวไปคุยกันที่เรือนต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไปมากกว่า เมื่อเธอเห็นว่าทั้งสองอยู่ในสวนแทนที่จะเป็นเรือนต้นไม้อย่างที่คิดไว้ชินก็ร้องเรียกขึ้นมาทันที เธอจะทำให้หลานเงียบก็ไม่ได้
“อมมะ อมมะ” เด็กชายร้องเรียกมารดาก่อนที่คุณนายจองจะทันได้พากลับเข้าไปในบ้าน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ สงสัยชินจะตื่นเต้นที่โตเป็นหนุ่มครบขวบนึงแล้ว .. เดี๋ยวซอดูเองค่ะ” หญิงสาวตอบ ร่างระหงเดินไปรับเด็กชายมาอุ้มไว้แนบอก “ขอบคุณมากนะคะคุณแม่”
“อย่าดึกนักนะลูก น้ำค้างเริ่มลงแล้วจะเป็นหวัดเอากัน” หญิงสูงวัยกว่ากล่าวก่อนจะเดินลับตาไปโดยไม่ลืมยื่นผ้าผืนหนาที่ติดมือมาให้กับลูกชายด้วย บางทีปล่อยให้อยู่กันสามคนอย่างนี้อาจจะดีก็ได้ เผื่อว่ายุนโฮจะต้องการความช่วยเหลือจากชิน เด็กน้อยเรียก”อัปป้าๆ”คงช่วยทำให้มารดาใจอ่อนได้ไม่ยาก คุณนายจองคิดพลางเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี
หญิงสาวอุ้มบุตรชายไปนั่งที่ชิงช้าไม้เล็กๆภายในสวน เรือนร่างบอบบางออกแรงไกวชิงช้าเบาๆ ปากก็ร้องเพลงกล่อมลูกน้อย หากแต่เพลงวันนี้แตกต่างไปจากทุกวันหญิงสาวร้องเพลงวันเกิดให้กับเจ้าตัวน้อยแทนเพลงเด็กก่อนนอน
생일 축하합니다
생일 축하합니다
사랑하는 우리신
생일 축하합니다
Happy birthday to you
Happy birthday to you
Happy birthday, our Shin
Happy birthday to you
ทารกน้อยที่แสนซนของคุณนายจองหลับนิ่งเพียงแค่ได้ยินเสียงเพลงกล่อมจากมารดา หญิงสาวบรรจงจูบที่กระหม่อมบางของลูกชายพร้อมกับพูดเบาๆ “สุขสันต์วันเกิดนะชินลูกรัก แม่รักลูกนะครับ”
“อัปป้าก็รักชินนะครับ” เสียงทุ้มพูดขึ้น หญิงสาวรู้สึกถึงผ้าห่มผืนหนาที่ห่มกายเธอโอบไปถึงลูกน้อย วงแขนแกร่งโอบกระชับเรือนร่างบอบบางก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาที่ตรงหน้า .. แหวนเก่าที่คุณนายจองมอบให้เมื่อค่ำ
“แหวนที่คุณแม่มอบให้เป็นแหวนประจำตระกูลที่คุณพ่อกับคุณแม่ได้มา ท่านใช้เป็นแหวนแต่งงานจนถึงวันนี้ที่ท่านมอบให้กับพี่เพื่อนำไปให้คำผู้หญิงที่พี่คิดว่าจะแต่งงานด้วย .. เป็นพี่ได้ไหมซอฮยอน ให้พี่ได้ดูแลเธอไปตลอดชีวิตเถอะนะ” ดวงตาคมกล้าฉายแววตาแห่งความรักอย่างสัตย์จริง ไม่มีความรู้สึกไหนที่เขาจะมั่นใจได้มากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งได้เห็นเธอกับครอบครัวของเขาวันนี้ เขายิ่งมั่นใจ
ดวงตาหวานรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความยินดี ความรักที่อุ่นไปทั้งหัวใจ ไม่มีสิ่งใดที่เธอสามารถตอบแทนเขาได้มากไปกว่า…
“ขอบคุณนะคะซานต้า ขอบคุณนะคะชินอัปป้า”
ฟิคฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
แต่รีบโพสก่อนเพราะกลัวโลกแตกแล้วจะไม่ได้อ่านกัน หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ
ขอให้มีความสุขน้า~ Merry Christmas & Happy New Year ค่ะ 😀