Archive

One Shot

คลองชองเกชอน คลองเล็กที่ไหนพาดผ่านใจกลางกรุงโซลตั้งแต่ในอดีต และแม้จะเคยกลายเป็นคลองน้ำเสียแต่ก็ได้รับการฟื้นฟูจนกลายเป็นคลองน้ำดีใสแจ๋วให้เป็นที่พักผ่อนของชาวกรุงและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาพันธุ์ บางครั้งคลองเล็กๆก็ผูกพันกับชีวิตคนที่เดินผ่านไปมา เรื่องราวมากมายอาจจะเกิดได้ที่นี่ .. จนทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของใครหลายคน

ที่ที่เป็นดังจุดเริ่มต้น

สายน้ำที่ไหลให้ความฉ่ำชื้นนั้นมีจุดเริ่มต้นจากต้นกำเนิดเพียงเล็กๆ กลับก่อเกิดเป็นความผูกพันเชื่อมเกี่ยวหลายชีวิตเข้าหากันได้อย่างน่าอัศจรรย์ สำหรับบางคนชองเกชอนสายนี้เป็นการเริ่มต้น แต่ในบางครั้งจุดเริ่มต้นก็มาหาโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว ใครเล่าจะรู้เว้นเสียแต่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นและผ่านไปให้ได้หันกลับมามอง

บนทางเดินริมธารน้ำไหล อากาศช่วงปลายหน้าร้อนกำลังเข้าฤดูใบไม้ร่วงที่ปกติแล้วฝนจากบนฟ้ามักจะมาเยือนเพื่อสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับผืนโลก เด็กหญิงวัยแรกรุ่นเดินอยู่ลำพังท่างกลางผู้คนมากมายแม้ฟ้าจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้วก็ตาม ด้วยเห็นว่าอากาศวันนี้ดีกว่าทุกวัน เด็กหญิงที่ว่างจากการซ้อมดนตรีจึงขอใช้เวลาผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าที่ต้องเผชิญ

เมื่อสามปีที่แล้วเธอมีคนมาทาบทามให้ไปออดิชั่นเพื่อเป็นศิลปินฝึกหัดในค่ายดนตรีใหญ่ค่ายหนึ่งในเกาหลี แม้ในตอนนั้นที่บ้านจะวางแผนการในอนาคตไว้ให้เธอไปศึกษาต่อต่างประเทศ แต่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ต่างก็เคารพการตัดสินใจของเธอที่เลือกเดินทางสายนี้ จากวันนั้นจนวันนี้เด็กหญิงก็เฝ้าเพียรฝึกฝนทั้งด้านขับร้อง การเต้น การแสดง รวมไปถึงการวางตัวในสังคมโดยไม่มีแม้เสียงบ่นซักคำว่าเหนื่อยหรือท้อ ทุกวันของเธอมีแต่พยายามทำความฝันให้เป็นจริง ความฝันที่จะได้เดบิวท์เป็นนักร้อง

เพราะเป็นน้องคนเล็กสุดในกลุ่ม บางครั้งทุกอย่างก็ดูยากและสับสนเกินกว่าที่เด็กสาวอายุ 15 จะเข้าใจ เธอเหนื่อยแต่เธอไม่เคยบ่น เธอเคยท้อแต่เธอยังคงเชื่อในความฝัน ถึงอย่างนั้นบางครั้งเธอเองก็มีคำถามถามตัวเอง .. ฉันจะมีวันนั้นไหม

วันนี้ที่มีการสอบภายใน คุณครูสอนขับร้องบอกกับเธอว่าเธอยังร้องได้ไม่ดีพอ คุณครูเต้นก็ตำหนิที่เธอว่าเต้นดีเหมือนหุ่นยนต์ เต้นถูกต้องหากแต่ไม่สามารถสื่ออารมณ์ผ่านออกมาได้ หลังจากการทดสอบคุณครูจึงตัดสินใจปล่อยเธอให้ได้ใช้เวลาเช่นเด็กคนอื่นบ้างด้วยหวังว่าเด็กหญิงจะกลับไปพร้อมด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้หากได้พักผ่อนเต็มที่

ร่างผอมอย่างเด็กกำลังโตเดินสะพายกระเป๋าหนักอึ้ง สองมือจับกระชับที่สายสะพายอย่างต้องการจะผ่อนน้ำหนักที่ด้านหลัง ดวงตาใสแจ๋วมองไปรอบๆตัวก่อนที่จะเดินไปนั่งที่ขั้นบันไดริมน้ำ เด็กหญิงปลดกระเป๋าใบโตมาวางข้างกาย มือเล็กๆเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเอาเครื่องเล่น MP3 ขนาดเล็กมาเปิดฟัง ยังไม่ทันที่จะใส่หูฟังเด็กหญิงก็ได้ยินเสียงพูดดังขึ้น

“เราไปกันเถอะฮานึล ที่นี่ไม่สงบแล้ว มีเด็กอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น” เสียงเด็กชายที่เริ่มเป็นหนุ่มเต็มตัวพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก หนุ่มน้อยเอื้อมมือกอดสาวน้อยผมยาว ดวงหน้าได้รับการเสริมแต่งเป็นอย่างดีหันไปตามสายตาของเขา

“ใครเค้าจะไปอยากดูให้เสียลูกตา หลงตัวเอง” เด็กหญิงที่อ่อนวัยกว่าพูดขึ้นคนเดียวอย่างอดไม่ได้เมื่อได้ยินคำกล่าวหา ใครกันจะอยากดูคนกอดจูบกันริมคลองน้ำใส เธอผิดเองที่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่ต้น มัวแต่สนใจสายน้ำไหลจนลืมมอง ไม่คิดว่าเธอกำลังก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวของใคร

“นี่เธอว่าไงนะ” เสียงแตกหนุ่มถามขึ้นอย่างคนเริ่มมีอารมณ์

…ซวยแล้ว ดันหูดีเสียด้วย

“หา! ว่าไง ยัยเด็กหนูผี!” ยิ่งเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ เด็กชายยิ่งอารมณ์เสีย

“นายเรียกใครหนูผี”

“เธอนั่นแหละเด็กบ้า ตาก็โปน ผมก็ลีบ หูก็กาง” คนโตกว่าพูดด้วยความโมโห “สวยก็ไม่สวยยังมาแอบดูชาวบ้าน”

“ใครเค้าอยากดูคนอย่างนาย หลงตัวเองเกินไปแล้ว คนเค้ามีความฝัน ไม่มาสนใจคนทำอะไรเลอะเทอะไร้แก่นสารอย่างนายหรอก” เด็กหญิงร่ายยาวอย่างคนเริ่มมีน้ำโห ร้อยวันพันปีน้องเล็กแสนใจเย็นอย่างเธอไม่เคยโกรธจัดจนน็อตหลุดขนาดนี้ เด็กหญิงได้ชื่อว่าเป็นเด็กที่สะกดกลั้นอารมณ์เก่งจนบางครั้งหลายๆคนบอกให้เธอระบายมันออกมาบ้าง

ร่างผอมลุกพรึ่บขึ้นทันทีที่พูดจบแล้วจึงเดินหนีปล่อยให้คู่รักรุ่นพี่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่อย่างนั้น เด็กหญิงเดินกลับบ้านลืมไปเสียสิ้นว่าเมื่อเย็นที่ผ่านมาเธอท้อแท้แค่ไหน สิ่งที่อยู่ในใจตอนตอนนี้นอกจากความขุ่นเคืองคนแปลกหน้าสองคนนั้นคงมีเพียงความตั้งใจแน่วแน่ .. ใช่ เธอมีความฝัน เธอต้องทำมันให้สำเร็จ

หนุ่มน้อยแยกจากแฟนสาวที่ตรงนั้นโดยไม่ได้ไปส่งอย่างทุกครั้ง เขากลับบ้านพร้อมกับคำพูดของเด็กหญิงตัวแสบที่ก้องอยู่ในหัว .. คนเค้ามีความฝัน ไม่มาสนใจคนทำอะไรเลอะเทอะไร้แก่นสารอย่างนายหรอก .. ความฝันอย่างนั้นเหรอ แล้วคนอย่างเขาควรจะมีความฝันเหมือนกันบ้างไหม ดวงตาคมมองเอกสารที่อยู่ในมือนิ่ง ใบสมัครแข่งขันร้องเพลง Chin Chin Youth Festival

…นี่ผมควรทำยังไงกับมันดี

ที่ที่เป็นเหมือนดั่งทางเดิน

น้ำใสไหลรินไปตามทางน้ำ ไม่ว่าจะคดเคี้ยวแค่ไหนน้ำยังคงเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเสมอ ช้าหรือเร็วนั้นอยู่ที่สภาพแวดล้อม แม้น้ำที่ดูนิ่งหากยังคงมีพลังงานมากมายมหาศาลซ่อนอยู่เพื่อรอวันเดินทางต่อไป สำหรับบางคนคลองชองเกชอนเป็นเหมือนดั่งการเดินทางของชีวิต ที่ที่การเริ่มต้นได้ผ่านไปแล้วและยังคงต้องเดินทางตามหาจุดหมายที่แตกต่าง

ลมหนาวพัดยะเยือกมาเป็นปกติของเกาหลีช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเข้าเดือนธันวาคม น้ำในธารน้ำใสยังคงไหลรินแม้อุณหภูมิตอนนี้ต่ำกว่าสิบองศาเข้าใกล้จุดเยือกแข็ง คลองชอนเกชอนในวันนี้แลดูเงียบเหงาแม้ว่าฤดูเทศกาลกำลังใกล้เข้ามา คนเดินถนนต่างก็เดินผ่านไปมาด้วยความเร่งรีบเพื่อจะได้เข้าไปในตัวอาคารที่อบอุ่นกว่าการเดินรับลมหนาวอยู่ด้านนอก หากยังมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่คงทำงานอยู่ริมสายน้ำแห่งนี้

ท่ามกลางผู้คนที่พากันสวมใส่เสื้อผ้าตัวหนา ร่างบอบบางในชุดกระโปรงบางเบากำลังเป่ามือตนเองอยู่ลำพังอย่างหวังว่ามันจะทำให้เธออบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่ไออุ่นจากร่างกายกลับไม่ช่วยเธอเท่าไร เพราะอากาศทีี่เย็นจัดขนาดเปลี่ยนลมหายใจที่พ่นออกมาให้นั้นกลายเป็นไอเพียงชั่วพริบตา สายตาคมมองเธอจากมุมที่ไม่ไกลนัก ก่อนจะส่ายหัวเบาๆให้กับความอดทนอย่างแสนร้ายกาจของเธอผู้นั้น

…หนาวขนาดนี้ จะใส่แค่นั้นได้ยังไงกัน แถมยังไม่โวยวายซักคำ

ชายหนุ่มเหลือบไปมองผ้าห่มลายการ์ตูนที่วางอยู่ เขามองคนรอบตัวที่ดูวุ่นวายสับสน ชายผู้มีอำนาจสั่งงานคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ในขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งวุ่นเพื่อปฏิบัติตามคำสั่ง เป็นภาพคุ้นชินสำหรับคนที่ผ่านงานมาพอสมควรอย่างเขา มือหนาเอื้ิอมหยิบผ้าห่มอุ่นแล้วจึงเดินไปที่หญิงสาวรุ่นพี่ที่กำลังหาสิ่งของบางอย่างอยู่เป็นพัลวัล

“นูน่าฮะ เอาไปให้เธอสิฮะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับยื่นผ้าห่มในมือให้กับคนตรงหน้า

“กำลังหาอยู่พอดีเลย! ขอบใจมากนะจ้ะ” เธอกล่่าวอย่างยินดี ดวงตาเปล่งประกายทันทีที่เห็นว่าของที่กำลังต้องการใช้หญิงสาวที่อยู่ในการดูแลของเธอกำลังต้องการมัน

“นูน่าเอาไปให้เค้าก่อนแล้วกันนะ ป่านนี้แข็งตายแล้วไม่รู้” หญิงสาวรุ่นพี่เอ่ยลาก่อนจะรีบวิ่งไปที่ร่างระหงในชุดการ์ตูนบางๆนั่น

ชายหนุ่มมองรุ่นน้องสาวด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาได้ถึงความรู้สึก อันที่จริงเขาเองจะเรียกเธอว่ารุ่นน้องก็เรียกได้ไม่เต็มปาก ด้วยเธอเป็นเด็กฝึกมานานกว่าแต่เขากลับได้เดบิวท์แจ้งเกิดในวงการดนตรีเร็วกว่า ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพอย่างที่เธอเป็นกับทุกคน แม้จะเป็นน้องเล็กเหมือนกันแต่เธอกับเขาช่างแตกต่าง เธอแสนดีอ่อนหวาน ส่วนเขาเกเรแสบสันต์

เวลากว่าสามปีที่เขาเริ่มเลือกเดินทางสายดนตรีจากเด็กชายที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร วันนี้เขาเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความรักและศรัทธาในหน้าที่การงาน การเริ่มต้นที่เขาเองก็คาดไม่ถึง กลับเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับเขาในวันนี้ แม้ทางเดินของเขาไม่ได้สวยงามนัก มันเต็มไปด้วยเสียงคัดค้านจากครอบครัว และยังมีอุบัติเหตุเลวร้ายที่เขาจำไม่ลืม แต่ยากลำบากแค่ไหนเขายังจำวันที่เขาเริ่มเดินมาและทุกก้าวที่เขาฝ่าฟันมาได้อย่างดี ทุกครั้งที่เหนื่อยหรือท้อเขายังคิดถึงวันนั้นเสมอ

การทำงานท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บยังคงดำเนินต่อไปแม้พระอาทิตย์ลาลับไปนานแล้ว ทีมงานทุกคนยังคงทำงานอย่างไม่รู้เหนื่อยแข่งกับอุณหภูมิที่ลดลง

“เทค!” เสียงผู้กำกับหนุ่มรุ่นใหญ่ดังขึ้นเมื่อภาพที่ปรากฎตรงหน้ายังไม่เป็นที่พอใจนัก

เขามองหญิงสาวที่ยืนฟังผู้ชายตัวโตกำลังอธิบายภาพที่ต้องการออกมาเป็นคำพูดให้เธอฟัง แม้ดวงหน้าหวานจะเผยรอยยิ้มบางๆ หากแต่แววตายังคงไม่มั่นใจ ชายหนุ่มรุ่นพี่หันมาคุยกับเขาเมื่อคุยกับเธอเสร็จก่อนจะเดินจากไป ดวงตาคมสบสายตามองเธอที่ยืนอยู่เคียงข้างอย่างหมายส่งกำลังใจไปให้

“เธอทำได้อยู่แล้ว” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมส่งยิ้มสว่างไสว

การถ่ายทำยังคงดำเนินต่อไปเทคแล้วเทคเล่าเพื่อเก็บภาพที่สวยงามและน่าประทับใจที่สุด ต่างคนในตอนนี้ต่างก็มีจุดหมายแตกต่างกันไป บางคนต้องการผลงานที่ดี บางคนต้องการให้งานเสร็จเพื่อจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัวที่รออยู่ บางคนอาจต้องการให้เสร็จเพราะต้องการให้อีกคนไม่ต้องทนหนาว แต่กว่าจะถึงตอนนั้นพวกเขายังคงต้องเดินหน้าต่อไปเหมือนสายธารที่กำลังไหล

…จนกว่าจะได้ยินเสียง “คัท”

ที่ที่เป็นเสมือนจุดจบ

สายน้ำที่ให้ความชุ่มชื้นกับเราในวันนี้ ถ้าเราไม่มองให้ดีคงไม่นึกว่าแม้จะเป็นลำธารสายเดิมหากแต่น้ำใสๆที่ไหลอยู่นั้นไม่ใช่มวลน้ำก้อนเดิมกับที่ไหลผ่านเราไปเมื่อชั่ววินาทีที่แล้ว สายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับ มีแต่จะไหลรินไปข้างหน้าจนเมื่อสุดปลายลำธารแล้วจึงไหลไปบรรจบกับอีกสายคล้ายกับเป็นจุดสิ้นสุด คลองชองเกชอนที่แสนชุ่มชื้นและมีชีวิตชีวาอาจเหมือนจุดจบของใครบางคนที่เขาไม่อยากจะพานพบ .. แต่ในเวลาเดียวกันก็กลับไม่อาจเลี่ยง

อากาศเริ่มเย็นลงเมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ลมเย็นๆตามฤดูพัดโบกให้ความสดชื่น ใบไม้ต่างเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองส้มราวกับมีใครมาแต่งแต้มสี บ้างก็ปลิดปลิวร่วมหล่นลงสู่ผืนดิน หากได้เห็นสีสันเหล่านี้อย่างเช่นในตอนกลางวันก็คงดีไม่น้อย เสียแต่ว่าเวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิทด้วยราตรีนั้นล่วงเลยไปจนเข้าสู่วันใหม่แล้ว

คลองชองเกชอนในยามค่ำคืนมีแสงไฟประดับงามระยับ ยิ่งเดินก็ยิ่งหลงไหลในสเน่ห์ของสายน้ำเล็กๆแห่งนี้ ที่ริมธารน้ำใสในเวลานี้ผู้คนบางตากว่าเวลาไหนๆ ยิ่งเดินลึกไปที่ปลายน้ำก็ยิ่งเงียบราวกับเป็นเมืองร้างไร้ผู้คน หญิงสาวร่างสูงเดินช้าๆมาตามทางเดิน ผมยาวผูกไว้เป็นหางม้าซ่อนไว้ในหมวกแก็ป ดวงตากลมโตถูกปิดบังไว้ด้วยแว่นกรอบหนา เสื้อผ้ามิดชิดปกปิดเรือนร่างที่แท้จริงได้เป็นอย่างดี ถึงอย่างนั้นเธอยังคงดูบอบบาง นานเท่าไรก็ไม่รู้ที่เธอที่เธออยู่ที่คลองแห่งนี้ เธอรู้เขากำลังรออยู่แต่เธอกลับไม่กล้าเดินเข้าไป เธอเองก็เพิ่งรู้ในวันนี้ว่าที่คิดว่าเข้มแข็ง แท้จริงแล้วเธอแสนอ่อนแอ

ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเกิดขึ้นได้อย่างไรเธอเองไม่อาจรู้ อาจเป็นเพราะเป็นน้องเล็กของพี่ๆเลยมักจะได้ทำงานร่วมกันเสมอ รู้ตัวอีกครั้งก็กลายเป็นว่าเธอมีเขาเคียงข้างทุกทีที่มีปัญหา สองมือหนาของเขาว่างเสมอเพื่อจับมือเล็กๆของเธอ ดวงตาคมที่มักจะคอยติดตามเธอไปทุกที่พร้อมสายตัวห่วงใยให้เธออบอุ่น ความรักของเธอผลิดอกออกผลอย่างสวยงาม แต่เรื่องราวความรักมักอยู่บนความไม่แน่นอนเสมอ ในวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักหรือห่วงใยเธอแล้ว เธอยังรู้สึกได้ถึงความรักมากมายที่ผู้ชายคนนึงสามารถมอบให้ผู้หญิงคนนึงได้

ไม่ใช่เพราะเธอ สำหรับเธอแล้วเขาคือคนเดียวในใจเสมอ

เพราะอะไรความรักถึงเปลี่ยนไปเป็นได้อย่างนี้ เพราะอะไรความเข้าใจที่มีถึงกลายเป็นความห่างเหิน เพราะอะไรรอยยิ้งถึงได้กลายเป็นหยดน้ำตา เธอเองไม่อาจรู้ รู้แต่ว่าหากยิ่งฝืนทนอยู่ .. จากคนรัก จะกลายเป็นแค่”คนเคยรัก”

หญิงสาวถามตัวเองหลายครั้งหลายหนจนมั่นใจ เธอจึงนัดเขามาพบในวันนี้ มาพบกันในที่ที่เป็นที่ของเขาและเธอ หากแต่เมื่อเวลาใกล้เข้ามา เธอกลับรู้สึกไม่มั่นใจเสีย ยิ่งใกล้จุดนัดพบ เธอยิ่งรู้สึกเหมือนคนกำลังจะขาดอากาศหายใจ

ดวงตาสวยมองคนที่นั่งอยู่ริมตลิ่งฝั่งตรงข้าม ร่างสูงนั่งค้อมตัวราวกับคนแบกโลกไว้ทั้งโลก ดวงตาอารมณ์ดีและรอยยิ้มขี้เล่นหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงดวงหน้าที่เต็มไปด้วยความเครียดขึ้ง เธอไม่ได้เดินเข้าไปหาเขาอย่างทุกครั้ง กลับยืนมองเขาอยู่อย่างนั้น มือเรียวบางเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดไปหาเขา

“อปป้า” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย น้ำตาดวงน้อยๆค่อยๆไหลรินลงอาบพวงแก้มใส ดวงตายังคงมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่อย่างไม่อาจคราดสายตา เธออยากจดจำภาพเขาไว้ทุกวินาทีก่อนที่เวลาของทั้งคู่จะหมดลง

“เราเลิกกันเถอะนะคะ มันคงดีกว่าที่เป็นอย่างนั้น” เธอเอ่ย พยายามทุกวิถีทางไม่ให้เขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้

ไม่มีคำตอบใดตอบกลับมาจากอีกฝ่าย ชายหนุ่มที่อยู่ตรงที่อีกริมฝั่งแม่น้ำนั่งนิ่งจนแทบไม่เคลื่อนไหว ท่าทีของเขาผิดไปจากที่เธอคิด เธอคิดว่าเขาจะโวยวายระบายอารมณ์ตามประสาผู้ชายอารมณ์ร้อน หากแต่เขากลับนิ่งจนน่าตกใจ และถ้าเธอมองไม่ผิด เธอเห็นเขากำลังร้องไห้

ภาพทีละภาพค่อยๆแล่นเข้ามาในหัวราวกับความทรงจำกำลังเล่นตลกกับเธอ ภาพเธอกับเขาเล่นกันในห้องซ้อม ภาพเธอกับเขาจับมือกันครั้งในคอนเสิร์ท ภาพเธอกับเขาเขินอายเวลามีใครพูดถึงความสัมพันธ์ ภาพเธอกับเขาหัวเราะให้กันเวลาที่แกล้งใครซักคนสำเร็จ ภาพเธอกับเขาเคียงคู่กันในงานวันเกิด ภาพเธอกับเขาแอบหนีออกจากหอเพื่อมาเดินจับมือกันที่ริมธารน้ำใส หากในวันนี้ภาพเหล่านั้นคงกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำ

…ดังสายน้ำที่ไม่มีวันหวนคืน

ที่ที่เป็นดั่งชีวิต

กรุงโซลช่วงฤดูใบไม้ผลิช่างเต็มไปด้วยสีสัน อากาศเริ่มอบอุ่นกว่าฤดูหนาวที่หนาวลึกเข้าไปถึงกระดูกแต่ก็ไม่ร้อนจนอบอ้าว ลมเย็นๆกำลังสบายดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและชาวเมืองต่างก็ออกมาเดินเล่นซึมซับบรรยากาศดีๆ ใบไม้ใบเล็กๆต่างก็แข่งกันผลิใบออกมาอีกครั้งจนดูสดชื่นต่างจากที่ดูแห้งแล้งเพราะผลัดดอกผลัดใบไปเมื่อฤดูหนาว เชอร์รี่บลอซซั่มแรกเริ่กเผยกลีบสีชมพูสวยจนน่าหลงไหล

เด็กหญิงตัวน้อยก้าวขาเล็กๆไปตามทางเดินริมคลองชองเกชอนอย่างระมัดระวัง ที่ด้านข้างเป็นกำแพงน้ำตกสูงลิบในมุมมองของเด็กวัยห้าขวบ ศรีษะน้อยเงยขึ้นมองสายน้ำที่ไหลลงมาตามกำแพงก่อนจะหันไปมองร่างเล็กๆที่เดินตามมาด้านหลัง เด็กหญิงกวักมือเรียกเด็กชายตัวจ้อยหยอยๆเร่งให้อีกฝ่ายเดินเร็วขึ้นอีกนิดจนมายืนเคียงข้างกัน มือน้อยค่อยๆเอื้อมจับอุ้งมือเล็กกว่าแล้วเดินคู่กันไปอย่างเริงร่า ร่างบางระหงเดินตามเด็กน้อยทั้งสองด้วยความห่วงใยตามประสาคนเป็นแม่ แม้จะกลัวลูกล้มแต่ก็ยังเลือกที่จะมองอยู่ด้านหลัง ให้โอกาสลูกน้อยได้เดินด้วยตนเอง เบื้องหลังเธอคือชายหนุ่มที่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างปิติยินดี

ในวันที่เธอจากไป หัวใจเขาเหมือนกับหยุดเต้น เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าขับรถกลับบ้านได้อย่างไร น่าขำที่ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกขอบพี่ร่วมวงแสนขี้แยที่ร้องไห้ตอนที่เลิกกับแฟนสาว หลังจากนั้นเขาจึงแยกตัวเองออกมาลำพัง ทำงานหนักเพื่อให้ลืมความเจ็บปวด แล้วเขาก็ได้รู้ว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีวันลบเธอไปจากใจได้ เขารู้ว่าเธอเองก็คงไม่ต่างกัน หญิงสาวทำงานหนักทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เธอหมดเวลาไปกับละครเวทีเรื่องแล้วเรื่องเล่า มีความสุขเมื่อได้ทำในสิ่งที่เธอฝัน เธอยังคงเหมือนเดิมทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และแววตา ความเปลี่ยนแปลงที่เขาเห็นในตัวเธอคือเครื่องสำอางที่เธอมักจะแต่งแต้มไว้เสมอเมื่อต้องเจอเขา แค่เขาเท่านั้น จนในที่สุดเขาก็ได้รู้เหตุผลจากรุ่นน้องคนสนิท .. มักเน่แต่งหน้าเพราะไม่อยากให้รู้ว่าเธอร้องไห้ ยิ่งเธอแต่งหน้าเป๊ะเท่าไรแสดงว่าเธอร้องไห้มากเท่านั้น

…นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะรอ รอวันที่เธอพร้อมกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

หลายปีที่ชายหนุ่มต้องพิสูจน์ตัวเองว่านอกจากจะเป็นนักร้องนักแสดงที่ดีแล้วเขายังเป็นพี่ชาย เพื่อนสนิท ที่ปรึกษา และคนรักที่ดีด้วย จนในที่สุดหญิงสาวก็ตอบแทนความรักของเขาเมื่อเธอตอบรับคำขอที่เขาขอให้เธอเป็นคู่ชีวิต

เขาเองอาจไม่สามารถบอกเป็นความรู้สึกได้ว่ารู้สึกขอบคุณมากแค่ไหน เขานึกขอบคุณหัวใจตัวเองที่ไม่เคยหมดหวัง เขาขอบคุณเธอที่ไม่เคยหมดรัก ขอบคุณทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งดีและร้าย เพราะหากไม่มีวันนั้น .. ก็คงไม่มีวันนี้ที่มั่นคง

“อปป้า” เสียงหวานดังขึ้นปลุกเขาจากห้วงความคิด

ชายหนุ่มมองไปตามเสียงเรียกเห็นสามชีวิตโบกมือเรียกพร้อมส่งยิ้มสว่างไสวมาให้ เจ้าตัวเล็กทั้งสองยืนแช่อยู่ในธารน้ำใสช่วงที่ตื้นๆและน้ำไม่ลึกนักโดยมีหญิงสาวคอยประคับประคองด้วยความห่วงใย ร่างสูงเดินเข้าไปสมทบกับทั้งสาม มือหนาอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นจากน้ำแล้วเล่นด้วยอย่างหยอกเย้า ในขณะที่หญิงสาวชี้ชวนเด็กหญิงดูปลาตัวเล็กๆในลำธาร เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆจนคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองภาพครอบครัวอบอุ่นอย่างชื่นชม

สำหรับบางคนสายน้ำอาจเป็นดังจุดเริ่มต้น สำหรับบางคนสายน้ำอาจเป็นเหมือนดั่งทางเดิน และสำหรับบางคนสายน้ำอาจเป็นเสมือนจุดจบ สำหรับเขาแล้ว..สายน้ำเป็นเหมือนดั่งชีวิต

แวะคุยกันหน่อย :
ที่มาที่ไปของโปรเจกท์นี้คือการไปเดินซึ้งอยู่ริมคลองชองเกชอนมาร่วมสามสี่ชั่วโมง คือเดินไกลมากตั้งแต่ชองเกพลาซ่าไปจนถึงกำแพงแห่งความหวัง(Wall of Hope)นู่น เลยทงแดมุนไปอีก สิ่งที่ได้สัมผัสในวันนั้นเราจำได้ไม่ลืมเลยค่ะ ริมคลองคนเยอะเยอะมากกกก เป็นภาพที่หลากหลายมาก ตั้งแต่เด็กเล่นกัน หนุ่มสาวจีบกัน เพื่อนมาเฮฮา คู่รักที่โตแล้ว ครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก เพื่อนแท้ยามแก่ เลยได้แรงบันดาลใจจะเขียนเรื่องซักเรื่องของคนคนนึงที่ผูกพันกับคลองนี้ เลยออกมาเป็นเรื่องนี้ สำหรับเรา เรื่องนี้เราตั้งใจกับมันมากและเขียนยากมากๆเลยค่ะ หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ ^^

อ่านตอนนี้ก่อนนะคะ เพื่อความเข้าใจ :’)
The Maknaes Episode … New Year Party

 

 

ภายในห้องสีขาวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแม้จะเต็มไปด้วยข้าวของแต่ก็ดูสะอาดตา ของส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเสื้อผ้าและรองเท้า และที่สำคัญคือเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนเครื่องเกมนั้นเจ้าของห้องตกลงใจว่าจะทิ้งไว้ข้างนอกเพื่อให้คนอื่นๆได้เล่นด้วยหากมีเวลาว่าง ในห้องขนาดกะทัดรัดมีเฟอร์นิเจอร์เพียงน้อยชิ้น แค่เตียง โต๊ะอ่านหนังสือ แลตู้เสื้อผ้าเท่านั้นตามประสาห้องของผู้ชาย ภายใต้ผ้าห่มสีน้ำเงินเข้มมีร่างเล็กๆของหญิงสาวขดตัวนอนอยู่ที่นอนที่ปูไว้ด้วงผ้าปูเตียงสีเข้ากัน ใบหน้าอ่อนใสและสีหน้าที่ผ่อนคลายจากการพักผ่อนทำให้เธอดูน่ารักเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ ชายหนุ่มยืนมองภาพตรงหน้า อยากจะให้เวลาหยุดหมุน

…หากได้เห็นภาพอย่างนี้ทุกวันก็คงดี แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม

คยูฮยอนยืนคิดอยู่นานว่าจะจัดการกับเจ้าหญิงนิทราตรงหน้าอย่างไร จะปล่อยให้เธอหลับต่อหรือปลุกเธอให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวและไปซ้อมการแสดงสำหรับงานปลายปีนี้ดี อีกไม่กี่วันก็จะถึงสิ้นปีพวกเขาศิลปินไอดอลก็มักจะมีงานแสดงคอนเสิร์ตปลายปีของหลายสถานียักษ์ใหญ่ในเกาหลี และในงานคอนเสิร์ตปลายปี SBS Gayo Daejun 2011 ของสถานีโทรทัศน์ SBS ค่าย SM Entertainment จะจัดการแสดงพิเศษโดยศิลปินในค่ายตั้งแต่ Dance Stage ของเขากับสาวๆรุ่นน้อง SNSD ไปจนถึง SM Orchestra เขาและซอฮยอนต้องมีส่วนร่วมในการแสดงพิเศษทั้งสองโชว์ .. แต่เห็นเธอหลับสนิทอย่างนี้แล้วเขาก็ไม่อยากจะปลุกเธอ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อคืนเธอเมาโดยไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นด้วยแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจให้เธอนอนพักอีกซักครู่เมื่อเห็นว่าพอมีเวลา แล้วจึงค่อยปลุกเธอ ส่วนอาหารเช้าที่เขาเตรียมไว้ให้เธอก็ค่อยให้เธอทานบนรถก็แล้วกัน คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็หันกลับหลังเพื่อจะออกไปนอนห้อง แต่เสียงงัวเงียของคนเพิ่งตื่นก็ดังขึ้นหยุดเขา

“อปป้า~” หญิงสาวเรียกเขาก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นมานั่งกุมขมับ “ทำไมเค้ามานอนที่ห้องอปป้าได้” ซอฮยอนถามเมื่อดวงตากลมโตสังเกตรอบๆห้อง ความสงสัยแล่นขึ้นมาพร้อมๆกับความปวดหัวจี๊ด .. ไม่ใช่ห้องนอนของเธอกับฮโยยอน แต่เป็นห้องนอนของคยูฮยอนอปป้า!

“เมื่อคืนเธอไปงานปีใหม่กับเพื่อนแล้วเมาไม่ได้สติ” ชายหนุ่มตอบ เขามองคนตรงหน้าแล้วหัวเราะเบาๆเพราะรู้ว่าเธอไม่คุ้นเคยกับอาการเมาเท่าไรนึก มักเน่ผู้เต็มไปด้วยการใช้ชีวิตแบบมีระเบียบแบบแผนไม่ชอบอะไรก็ตามที่บั่นทอนสุขภาพ เหล้าก็เป็นหนึ่งในนั้น หากแต่เธอยอมดื่มไวน์เพราะรู้ว่ามันดีกับสุขภาพและเพื่อเข้าสังคม และอีกอย่างเพราะ…คงเป็นเพราะเขา เขาชอบดื่มไวน์ การดื่มไวน์กับเธอทำให้เขารู้ว่าจริงๆแล้วซอฮยอนคอแข็งมาก เธออาจจะดื่มได้มากพอกับทิฟฟานี่หรือซันนี่เลยก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อดื่มไวน์แล้วไปดื่มแอลกอฮอล์อย่างอื่นที่เป็นส่วนประสมของพันช์ก็ไม่พ้นเมาเหมือนเมื่อวาน

“ปวดหัวล่ะสิเรา” คยูฮยอนถามเสียงนุ่ม “ดันไปดื่มพันช์เพราะนึกว่าเป็นน้ำผลไม้ แถมยังดื่มไวน์ไปก่อนเลยตีกันยุ่งล่ะสิ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาที่ข้างเตียง มือหนาๆยื่นไปลูบผมคนที่นั่งหน้าตาสับสนอยู่บนเตียง

“แล้ว…” หญิงสาวยังคงถาม ภาพเมื่อคืนเริ่มโผล่เข้ามาให้หัวทีละภาพร้อยเรียงเรื่องราวเมื่อคืนให้แจ่มชัดขึ้น ใบหน้าขาวค่อยๆแดงขึ้นจนเกือบกลายเป็นมะเขือเทศสุกเมื่อเริ่มระลึกได้ว่าเธอเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืน

…บ้าจริงซอ จูฮยอน!

“เธอดื้อเล็กน้อยตอนเมา แต่ก็หลับไปบนรถ โชคดีที่พวกชางมินอยู่อปป้าเลยมีคนช่วย ส่วนเสื้อ….เธอลุกขึ้นมาเปลี่ยนเอง” เขาเล่าอย่างขำๆ ซอฮยอนน่ารักไม่เว้นแม้กระทั่งตอนเมา เธอเมาหลับไปบนรถแต่เมื่อถึงห้องเธอกลับตื่นมาทำตาใสแจ๋วจนเขาคิดว่าเธอสร่างเมาแล้ว หญิงสาวจัดการอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเองก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงนอนหลับปุ๋ยเป็นเด็กๆ แถมก่อนอาบน้ำยังมีการร้องหาชุดนอนเสียด้วย เขาจึงต้องคุ้ยหาเสื้อของเขาที่เธอพอจะใส่ได้ให้ไป

“ฮิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงง~” เสียงหญิงสาวร้องเสียงประหลาด มือเล็กๆปิดหน้าด้วยความอับอายในสิ่งที่คยูฮยอนเล่า เสียงทุ้มๆของคยูฮยอนที่เล่าเรื่องราวเมื่อคืนด้วยความขบขันเป็นคำบรรยายภาพในหัวเธอเป็นอย่างดีจนบางทีอาจจะดีเกินไป นิ้วเรียวยาวแหวกออกน้อยๆเพื่อมองดูคนที่กำลังหัวเราะขัน

“ไม่เป็นไรซักหน่อย เธอเมาพี่ก็ว่าน่ารักไปอีกแบบ” ชายหนุ่มคว้าตัวเล็กๆของเธอให้เอนเข้ามาหาตัวเขาแต่หญิงสาวกลับขืนตัวออกห่าง

“เค้าเหม็น อปป้าอย่ากอดเค้าเลย” ไม่ทันสิ้นคำร่างนุ่มนิ่มก็ลอยหวือไปอยู่แนบอกชายหนุ่ม คยูฮยอนไม่ใช่คนร่างฉกรรจ์แต่ก็ไม่ได้อ้อนแอ้นบอบบางอย่างที่ใครๆคิด และสำหรับซอฮยอนแล้วมันอบอุ่นกว่าอ้อมอกของชายไหนเธอขยับตัวเล็กน้อยให้เขากอดได้ถนัดขึ้น

คยูฮยอนหัวเราะหึๆเมื่อเห็นร่างบอบบางที่อยู่แนบอกเริ่มจะผ่อนคลายลงก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนหญิงสาวที่ยังนั่งอยู่บนเตียงตกใจ .. ตามอารมณ์เขาไม่ทัน

“อปป้าจะไปไหนคะ” เธอถามขึ้นอย่างสับสน เมื่อครู่คยูฮยอนยังทำท่าทางเป็นอปป้าใจดีแต่อยู่ดีๆก็กลับลุกหนีเธอซะอย่างนั้น ดวงตากลมโตมองคนตรงหน้าอย่างเต็มไปด้วยคำถาม

ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าเขา ร่างบอบบางในชุดเสื้อผ้าหลวมโคร่ง เสื้อผ้าขนาดพอดีสำหรับเขากลายเป็นใหญ่ไปสำหรับเธอ กางเกงนอนตัวที่ยาวจนเลยขาปกปิดไปทุกส่วน แต่สำหรับเขากับเห็นเป็นเรือนร่างน่ามอง ผมยุ่งๆกับหน้าตาเพิ่งตื่นนอนแบบที่ร้อยวันพันปีก็คงไม่ได้เห็น ในวันนี้เขาได้เห็นทั้งหมดนั้นและมันสวยจนเขาไม่อยากจะเชื่อสายตา สำหรับคยูฮยอนแล้วยิ่งได้เห็นเธอมากขึ้นเท่าไร ยิ่งได้รู้จักเธอมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรักเธอมากขึ้นเท่านั้น

“อปป้าจะไปเอาอาหารเช้ามาให้” เขาตอบสั้นๆแบบนั้น คยูฮยอนไม่สามารถเอ่ยความในใจให้เธอรู้มากไปกว่านี้ เขาไม่อาจให้เธอรู้ได้ว่าเธอสำคัญสำหรับเขามากแค่ไหน เขากลัวเธอจะตกใจที่ได้รู้…ว่าต่อไปนี้เขาไม่มีทางปล่อยให้เธอหลุดมือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ทั้งที่ตั้งใจไว้ตอนแรกว่าจะทำอาหารเช้าไว้ทานบนรถระหว่างเดินทางไปบริษัทเพื่อซ้อมการแสดงตามตารางที่ได้รับมอบหมาย แต่เมื่อซอฮยอนตื่นเร็วกว่าเวลาที่เขาตั้งใจไว้แผนการเลยเปลี่ยนกะทันหัน คยูฮยอนทำอาหารเช้าเป็นแซนวิซง่ายๆ ต้องขอบคุณเรียวอุคที่มักจะซื้ออาหารมาตุนไว้เสมอตามประสาคนชอบทำครัวแม้เวลาจะไม่เอื้ออำนวย เขาชงโกโก้ร้อนสำหรับตัวเองและชามะนาวสำหรับเธอ

เขาวางแก้วชามะนาวหอมกรุ่นที่ยังคงมีควันฉุยมาวางตรงหน้าหญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนตัวโคร่ง อีกมือถือแก้วโกโก้สำหรับตัวเอง มือหนาจับช้อนคนโกโก้จนเสียงกระทบแก้วดังกรุ้งกริ้ง ซอฮยอนมองอาหารตรงหน้าทั้งแซนวิซ ผลไม้ รวมไปถึงชามะนาวของโปรด แม้ไม่ใช่อาหารเช้าที่เริดหรูแต่นั่นก็มากมายแล้วถ้ามาจากผู้ชายที่ชื่อโจว คยูฮยอน .. คนที่ต้มมาม่าก็ยังไม่อร่อย

“เค้าไม่อยากกินชามะนาว” เสียงหวานเอ่ยขึ้นสร้างความแปลกใจให้กับคนที่ตั้งใจทำทุกอย่างตรงหน้าสุดฝีมือ “เรามาแลกกันนะคะ” ร่างบอบบางโน้มตัวมาใกล้ขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือหยิบแก้วโกโก้ไปจากมือเขา สองมือน้อยค่อยๆประคองโกโก้ร้อนอย่างระมัดระวังก่อนยกขึ้นจิบเบาๆด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย

ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างนึกขัน บางครั้งบทซอฮยอนจะเป็นเด็ก เธอก็เป็นเด็กได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาเอื้อมมือหยิบชามะนาวจากตรงหน้าเธอขึ้นมาจิบพร้อมกับเอ่ยขึ้นลอยๆจนเธอขว้างค้อนไปให้แทบไม่ทัน “ซอฮยอนแสนใจดีแต่ชอบแย่งโกโก้คนอื่นกิน”

ครั้นเห็นท่าไม่ค่อยดีจากดวงโตกลมโตที่จ้องอย่างหมายมากว่าจะเอาคืนเขาอย่างไรซักทาง คยูฮยอนก็รีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเพื่อดึงดูดความสนใจของคนตรงหน้า “เดี๋ยววันนี้ไปพร้อมกันนะ พอเธอไปอาบน้ำเสร็จก็ไปเลย”

“ไม่ได้ค่ะ!”

 

 

คยูฮยอนมาถึงห้องซ้อมช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดตามองรอบๆเพื่อสำรวจแต่กลับไม่พบคนที่มองหายังไม่ทันทีคยูฮยอนจะเอ่ยอะไร ประตูห้องซ้อมที่เปิดปิดไปกลับเปิดออกขึ้นมาใหม่พร้อมด้วยเสียงหัวเราะที่แสนจะคุ้นหู

“นี่ไงซอฮยอนนี่ คู่เธอมาพอดี” เขาหันหลังกลับไปเพื่อพบกับหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ยืนอยู่เคียงข้างกับอนนี่คนสนิทของเธอ ฮโยยอน ทั้งสองหอบขวดน้ำมากมายจนเข้าต้องเข้าไปช่วยถือแต่เมื่อแขนทั้งสองสัมผัสกัน ซอฮยอนกลับปล่อยขวดน้ำทั้งหมดลงโดยที่ชายหนุ่มเองก็รับไว้แทบไม่ทัน คยูฮยอนและซอฮยอนช่วยขวดน้ำดื่มมากมายหล่นกระจายอยู่ที่พื้น

“ขอโทษค่ะ..อปป้า” หญิงสาวเอ่ยเพียงเบาๆไม่สบตา

เขาไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแต่ช่วยเธอเก็บขวดน้ำทั้งหมดที่หล่นอยู่ตามพื้นแล้วแจกจ่ายให้เมมเบอร์ที่อยู่ภายในห้องซ้อม

“คยูฮยอน นายคู่กับซอฮยอนเหมือนเดิม เค้าตกลงกันแล้วว่าคราวนี้จะจับคู่ตามความสูง ทงเฮจะได้ไม่ต้องเสริมส้นมากนัก” อีทึกบอกก่อนที่จะเริ่มซ้อมเต้น routine ใหม่ที่จะใช้ในงาน SBS Gayo Daejun 2011

“ฮะ” ชายหนุ่มรับคำสั้นๆแล้วจึงเริ่มเข้ากลุ่มไปซ้อมเต้นกับพวกพี่ๆ

ทั้งวันคยูฮยอนและซอฮยอนสองมักเน่สายร้องที่หัวไวในการต่อท่าเต้นใหม่ไม่แพ้สายเต้นกลับเต้นผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะเมื่อต้องสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวกัน ราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจนต้องหยุดนิ่งเพื่อปรับจูนเสียใหม่ก่อนที่จะเต้นท่าต่อไปได้

“วันนี้พวกนายสองคนเป็นอะไรกันหะ เต้นผิดกี่รอบแล้วเนี่ย” อีทึกเริ่มรับบทพี่ใหญ่ควบคุมน้องๆ เขาและเมมเบอร์สังเกตถึงอาการประหลาดของเจ้าสองมักเน่ที่ปกติจะหนุงหนิงหงุงหงิงกันตลอด แต่วันนี้กลับนิ่งๆเงียบๆ ไม่พอยังเหมือนกับคนไม่มีสมาธิในการซ้อม เวลาแยกกันซ้อมก็ดูปกติดี พอซ้อมด้วยกันเมื่อไรนี่ราวกับหายนะมาเยือน

“นั่นสิมักเน่ หรือพวกเธอไปทำอะไรกันมา” แทยอนมองหน้าคยูฮยอนสลับไปมากับซอฮยอน ก่อนจะชี้นิ้วไปที่หน้าอปป้าคนเล็กอย่างคาดคั้น “อปป้า!!!”

“เฮ้ยยย!!!” ไม่ใช่แค่คยูฮยอนที่ตกใจกับท่าทางของแทยอน แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรวมไปถึงซอฮยอนก็ช็อคไม่ต่างกัน

“เฮ้ยยยย!!! ไม่ใช่อย่างนั้นไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกน่า” ร่างสูงยกมือโบกเพื่อปฏิเสธอย่างแข็งขัน

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงพวกเธอสองคนก็ต้องเต้นให้ได้ก่อนแสดง” อีทึกบอกสั้นๆ

“แต่พวกเราเต้นได้กันแล้วนะฮยอง” ทงเฮค้าน “ให้พวกเราพักก่อนไม่ได้เหรอ”

“โอเค พวกเราเลิกซ้อม .. แต่คยูฮยอน ซอฮยอนซ้อมกันต่อนะ จนกว่าจะได้นั่นแหละ”

 

 

“ไม่ได้ค่ะ!” เสียงหวานใสตอบขึ้นทันทีที่ได้ยินเขาบอกว่าจะนั่งรถไปบริษัทด้วยกัน ราวกับว่าเป็นคำสั่งที่ตั้งไว้อยู่ในหัว แทบจะไม่ต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรอง หากแต่เป็นไปโดยอัตโนมัติ แล้วหญิงสาวจึงอธิบายต่อเมื่อเห็นท่าทีสงสัยของอีกฝ่าย “ก็แล้วแฟนๆของอปป้า…”

“อปป้าไม่เคยคิดจะปิดเรื่องของเรากับใคร” ชายหนุ่มตอบอย่างสัตย์จริง ดวงตาคมมองที่คนตรงหน้าเพื่อยืนยัน

“เค้ารู้..” ซอฮยอนเสียงอ่อนลงเมื่อได้ยินคำของคนตรงหน้า

“อปป้าอยากให้เราได้ไปไหนอย่างเปิดเผย ไปที่ที่เธออยากไป ทำอะไรที่เธออยากทำ เป็นแค่คู่รักธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่คู่รักไอดอล ไม่ใช่คู่รักมักเน่ .. แต่เป็นคยูฮยอนกับจูฮยอน” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เขารู้สึกแบบนี้ การทำงานแบบนี้ทำให้เรื่องธรรมดาๆของหลายคนกลับยากขึ้นเป็นเท่าตัว

“อปป้า….”

“เธออาจจะไม่รู้ .. โจว คยูฮยอนน่ะ เค้าจริงจังกับเธอมากนะ” ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ที่คยูฮยอนลุกจากโต๊ะอาหารฝั่งตรงข้ามมายืนอยู่ที่ตรงหน้าเธอ มือหนาจับที่ไหล่กลมมนแน่นเธอทั้งๆที่เธอยังนั่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะโน้มตัวลงมาหยุดที่ตรงหน้าเพื่อประสานสายตา

“อปป้าอาจจะไม่รู้ .. ซอ จูฮยอนน่ะ เค้าจะจับมือคนนั้นไว้ไม่ว่าจะยังไงเหมือนกัน” หญิงสาวเอ่ยตอบ ดวงตากลมโตใสแจ๋วยังคงมองเขานิ่งอยู่อย่างนั้น ริมฝีปากบางยิ้มให้คนตรงหน้าในขณะที่มือเรียวบางเอื้อมไปจับมือหนาของอีกฝ่ายแล้วยกขึ้นให้เขาดู

“เธออาจจะไม่รู้ .. โจว คยูฮยอนน่ะ เค้าอยากตีตราจองเธอไว้ หนุ่มๆอื่นจะได้ไม่กล้าจีบ” ชายหนุ่มเอ่ยย้อน ดวงหน้าที่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย คยูฮยอนค่อยๆลดระยะทางจดจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากกลมมนราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ

“อปป้าอาจจะไม่รู้ .. ซอ จูฮยอนน่ะ เค้าอยากจะบอกไอดอลหญิงทั้งวงการเหมือนกันว่าอปป้าน่ะของเธอ” เธอตอบกลับพร้อมกับเอียงคอมองเขาอย่างน่ารัก

“หรือเธอไม่มั่นใจในตัวอปป้า .. เมื่อคืนไม่ได้สร้างความมั่นใจให้เธอหรอกหรือว่าไม่ว่าเธอจะสภาพแย่แค่ไหนอปป้าก็รับได้น่ะ” ชายหนุ่มพูดแซวคนตรงหน้าอย่างขำๆแล้วจึงยกมือขึ้นมาบีบที่จมูกเล็กได้รูปของเธอเบาๆ

“อ๊ะ!” เสียงเล็กร้องขึ้นเมื่อโดนแกล้งแถมยังโดนเขาแหย่เรื่องเมื่อคืนเสียด้วย แต่ยังไม่ทันได้ทำร้ายคนตัวโตกว่ากลับให้สมกัน ริมฝีปากเรียวสวยกลับถูกประกบแนบสนิทด้วยริมฝีปากหนา ก่อนที่ลิ้นร้อนจะแทรกเข้ามาทำหน้าที่ของมันอย่างชำนาญ เพียวชั่ววินาทีกลับเหมือนยาวนาน ทุกอย่างรอบตัวช่างนุ่มนวลราวกับมีเสียงดนตรีมาบรรเลงใกล้ๆที่ข้างหูก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลง

“พอ” เขาพูดหลังจากที่ถอนจูบออกมาจากริมฝีปากช่างเจรจา ดวงตามองเธอแน่นิ่งก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวอปป้าไปส่งเธอที่หอ เธอไปพร้อมฮโยยอนได้ไหม แล้วซ้อมเสร็จอปป้าไปส่งบ้าน .. เธอไปอาบน้ำได้แล้วไป”

“แต่มันยังไม่ถึงเวลานี่คะ” สาวน้อยในชุดนอนตัวโคร่งยังคงตั้งคำถาม

“ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ .. เราอาจจะไม่ได้ไปซ้อมแล้วเราอาจจะได้แต่งงานเร็วขึ้น กลายเป็นคู่แต่งงานไอดอลไปเลย” ชายหนุ่มให้เหตุผลแบบกวนๆทั้งที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเลือดฝาดเบาๆ อาย..ที่ต้องบอกว่าเขาต้องการเธอทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลา ส่วนหญิงสาวเอง ใบหน้าขาวใสก็เปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ดทันทีเมื่อได้ฟังเหตุผลก่อนจะรีบวิ่งจู๊ดเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวตามที่เขาว่า

 

 

“โอเค พวกเราเลิกซ้อม .. แต่คยูฮยอน ซอฮยอนซ้อมกันต่อนะ จนกว่าจะได้นั่นแหละ”

สิ้นคำของอีทึก หนุ่มๆ Super Junior และสาวๆ Girls’ Generation ต่างก็ค่อยๆเดินทยอยๆกันออกมา ทงเฮโบกมือให้กับคยูฮยอนก่อนเดินหน้าชื่นตามยุนอาไป มีความสุขแท้ๆที่ได้มอบโชคให้เจ้ามักเน่ตัวแสบของวง เขารู้คยูฮยอนไม่ได้ลำบากใจอะไรที่ต้องอยู่ซ้อมกับซอฮยอน ออกจะชอบมากกว่าด้วยซ้ำ

ห้องที่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวเมื่อครู่ตกอยู่ในความเงียบสงบทันทีที่ประตูห้องปิดลง ซอฮยอนได้แต่มองห้องที่บุผนังเป็นท้องฟ้าราวกับว่าเธอนั่งอยู่บนปุยเมฆ ดวงตากลมโตใสลอบมองคนข้างๆเป็นระยะๆจนในที่สุดคยูฮยอนก็ทนนิ่งอยู่ไม่ไหว

“เลิกเป็นแบบนี้เถอะน่า” ชายหนุ่มโอดโอยพร้อมกับดึงคนตัวเล็กกว่าให้เลื่อนเข้ามาใกล้

“เป็นอะไรคะ” เธอถามกลับ

“แบบนี้ไง” เขาพยายามจะอธิบายหากแต่สุดปัญญา ไม่รู้จะอธิบายความหมายของคำว่าแบบนี้ได้ยังไงกัน สุดท้ายร่างสูงจึงรวบตัวเธอเข้ามากอดแน่นพร้อมกับตั้งคำถาม “ปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนี้เวลาอปป้ากอดซักหน่อยไม่ใช่เหรอ”

ดวงหน้าหวานขึ้นสีชมพูแปร้ดยิ่งกว่าทาบรัชออน เมื่อคิดถึงความหมายที่สิ่งที่คนรักพูดขึ้นเมื่อตอนเช้าก่อนมาซ้อมก็พาลเอาเขินทุกทีไป แถมยิ่งเธอออกอาการ เขาก็กลับทำท่าเคอะเขินไม่พูดจา ยิ่งทำให้เธออายหนักขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว ซอฮยอนพยายามคิดว่าจะอธิบายอาการแบบนี้ได้อย่างไร เธอไม่ได้รังเกียจ หัวใจของเธอสั่นหวิวเมื่อได้ยินว่าเค้าต้องการเธอ แต่จะให้บอกไปอย่างนั้นน่ะหรือ ถ้าทำอย่างนั้นแล้วมันจะจบลงที่ไหนกันแน่ เธอเองก็ไม่อาจบอกได้

“ก็…”

“ขอแสดงความรักไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มรวบรัดไม่ฟังคำอธิบายใด คยูฮยอนทาบริมฝีปากบางเบาๆพร้อมกับเคลื่อนไหวช้าๆ หัวใจของสาวน้อยเต้นระรัว เวลาเพียงวินาทีกลับยาวนานจนเหมือนตลอดไป หากแต่เธอไม่อยากให้วินาทีนี้สิ้นสุดลงเลย ซอฮยอนในตอนนี้เหมือนมีเขาจับจูงให้เดินบนปุยเมฆขาว เขาทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเป็นนางฟ้าบนสรวงสรรค์

“ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อยนี่คะ” เสียงหญิงสาวตอบแผ่วหวิวเมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระ “ก็แค่ .. อปป้าเขิน เค้าก็เขินไปด้วยน่ะสิ”

ชายหนุ่มหัวเราะหึๆเมื่อได้ยินคำตอบแสนน่ารักนั้น เขารู้ว่าที่เธอเงียบเอาแต่ก้มหน้างุดๆก็เพราะเรื่องนั้น เขาเองไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเขารู้ว่าเธอเองก็ต้องการเวลา เขารักทุกอย่างที่ซอฮยอนเป็นแบบนี้ เขารักทุกอย่างที่มีร่วมกันกับเธอ แน่นอนว่าเขามีความต้องการ เขาแค่บอกให้เธอรู้ว่าเขาเองก็เป็นเฉกเช่นผู้ชายทั่วไป แต่เขาอยากให้เธอมั่นใจไว้ว่าไม่ว่าจะอย่างไร ผู้ชายอย่างโจว คยูฮยอนจะดูแลทนุถนอมเธออย่างดี ไม่ฉวยโอกาสจากเธอ .. ก่อนเวลาอันควร

 

เขาได้พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่หรือ

อยู่ๆก็มีคนมาขอให้เขามีอะไรด้วย
เธอคือผู้หญิงคนนั้น
“ช่วยมีอะไรกับฉันด้วยเถอะนะคะ”

 

ภายในอพาร์ทเมนท์ย่านคังนัมที่ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูนิ่งขรึมเหมือนเจ้าของ บุรุษหนุ่มในเสื้อสีขาวกางเกงสีน้ำตาลอ่อนเดินเข้าไปในแพนทรีเพื่อหยิบเอาเครื่องดื่มของโปรดของเขา ดวงตาสีเข้มมองของเหลวสีม่วงเข้มไหลลงสู่แก้วไวน์ใสแจ๋ว เมื่อถึงระดับที่พอใจแล้วจึงหยิบแก้วพาตัวเองมานั่งอยู่บนโซฟาตัวหนาในห้องรับแขก เสียงสายฝนดังจากภายนอกดังเข้ามาในห้อง สำหรับบางคนแล้วมันคงทำให้ยิ่งเหงา แต่สำหรับเขาแล้ว…ยิ่งฟังก็ยิ่งเพลิน เหมือนมีคนมาเล่นดนตรีแห่งธรรมชาติให้ฟัง

…ได้อยู่คนเดียวบ้างก็ดี

ยังไม่ทันที่คยูฮยอนจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่น่าอภิรมย์ เสียงกริ่งที่หน้าประตูห้องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มสบถขึ้นมาเบาๆที่เวลาส่วนตัวของเขากลับถูกเบียดบังจากใครสักคนที่อยู่หลังประตูบานนั้น หากเป็นแขกที่ไม่น่ายินดีแล้วล่ะก็…. มันคนนั้นคงเละเป็นจุล เขาพาร่างสูงเดินที่หนาประตูก่อนยื่นมือหนาไปคว้าแล้วดึงออกอย่างแรง

เบื้องหน้าของเขาคือหญิงสาวบอบบางที่เปียกปอนไปทั้งตัว ใบหน้าสวยไร้การเสริมแต่ง ผิวของเธอขาวเรียบเนียนจนเกือบซีด เขามองภาพตรงหน้าอย่างประหลาดใจที่ผู้มาเยือนกลางดึกเป็นหญิงแปลกหน้าที่เขาไม่เคยรู้จัก ซ้ำยังดูแตกตางจากผู้หญิงที่ผ่านๆมาของเขาราวฟ้ากับเหว

ดวงตากลมโตของหญิงสาวฉายแววหวาดหวั่น เนื้อตัวสั่นระริกด้วยเสื้อผ้าที่เปียกปอนมาปะทะกับไอเย็นของเครื่องปรับอากาศจนเธอต้องกอดตัวเองไว้เบาๆ เธอช้อนหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะพูดบางอย่างเบาๆที่เขาไม่ได้ยิน

“เธอว่ายังไงนะ จะพูดอะไรก็พูดให้มันได้ยินหน่อยไม่ได้หรือไง” ผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขา เมื่อถูกขัดอารมณ์สุนทรีมาเจออะไรยึกยักแบบนี้ก็มักจะปฏิบัติกับอีกฝ่ายแบบไร้เยื่อใย

เหมือนร่างบางนั้นนิ่งไปชั่วขณะ เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น “ช่วยมีอะไรกับได้ไหมคะ”

กลับกลายเป็นเขาที่นิ่งอึึ้งไปเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ขัดแย้งกับเสียงหวานนั่น แต่เมื่อมีอาหารอันโอชะมาเสิร์ฟให้ถึงที่มีหรือคนอย่างเขาจะปล่อยไป เขาเบี่ยงตัวเองพร้อมผายมือให้เธอเดินเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูลง คยูฮยอนเดินเข้าไปในแพนทรีอีกครั้ง เขาปล่อยให้หญิงสาวแปลกหน้าเดินเข้าไปในห้องรับแขกเพียงลำพังอย่างเงอะงะ มือหนาเอื้อมหยิบแก้วไวน์ชั้นมาแล้วรินเครื่องดื่มสีม่วงลงไปให้ก่อนจะเดินไปยังห้องรับแขกพร้อมด้วยแก้วไวน์และขวดไวน์ในมือ สมองอันชาญฉลาดของเขายังคงประมวลผลว่าแก้วเดียวคงจะไม่พอสำหรับค่ำคืนนี้เสียแล้ว

ดวงตาคมมองร่างระหงที่ยืนอยู่ริมประตูกระจกบางสูง เธอมองออกไปนอกหน้าต่างไกลจนดูเหมือนไร้ที่สิ้นสุด เขาเดินไปเคียงข้างแล้วยื่นเครื่องดื่มให้กับเธอ ชายหนุ่มหันหลังกลับมาวางขวดไวน์ที่หยิบติดมือมาไว้ที่บนโต๊ะก่อนหยิบเครื่องดื่มของตัวเองแล้วยกดื่มจนหมดภายในครั้งเดียว

…หรือจริงๆแล้ววันนี้แค่แก้วเดียวก็คงพอ

เขาวางแก้วกลับลงไปที่เดิม ร่างสูงเดินกลับไปประชิดตัวเธออีกครั้ง ครั้งนี้เขามองที่ดวงตาสั่นระริก มือหนาหยิบแก้วในมือเธอมาถือไว้เสียเอง เขาคว้าไหล่บางเข้ามาใกล้ก่อนกดจูบหนักๆลงไปไล่ขึ้นไปตามลำคอระหงและจบลงที่ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ คยูฮยอนไม่ได้ใส่ใจกับการตอบโต้แบบไร้เดียงสาที่กลายเป็นร้อนแรงได้ในเวลาชั่วอึดใจ สติของเขามันหายไปหมดตั้งแต่เริ่มสัมผัสตัวเธอ มือหนาเริ่มทำงานของมันอย่างคล่องแคล่ว แก้วไวน์ในมือหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้ทั้งสองมือกำลังสัมผัสร่างน้อยอย่างเอาแต่ใจ เขาดึงตัวเธอมาปลดเปลื้องอาภรณ์ของคนตรงหน้าทีละชิ้นจนเผยให้เห็นร่างขาวกลมกลึง คยูฮยอนแอบกลืนน้ำลายเบาๆเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า ใครเล่าจะคิดว่าหญิงสาวปอนๆจะกลายเป็นเพชรล้ำค่า เขาคงจะต้องพิจารณาความสามารถในการประเมินผู้หญิงเสียใหม่ แต่ในตอนนี้เขาคงต้องใช้ความสามารถด้านอื่นก่อน

ร่างน้อยที่ไร้อาภารณ์ปิดกั้นสั่นระริก หญิงสาวไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างนี้ แต่เธอมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองว่าเธอคิดไม่ผิด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอยินดีที่จะรับมัน .. แต่ถึงอย่างนั้นความกลัวยังคงเกาะกินอยู่เต็มหัวใจ

เขามองแววตาที่ฉายแววความหวาดหวั่นแต่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นมาดมั่นนั้น เขาแปลกไม่ใจน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่านั้น มือหนาจับที่ท้ายศรีษะทุยเพื่อมอบจูบรุกเร้าดุดัน ส่วนมืออีกข้างจับที่หน้าอกนิ่มที่หยุ่นรับมือเขา คยูฮยอนถอนจูบจากริมฝีปากหอมหวานและจรดริมฝีปากหนาลงบนหน้าอกอีกข้างก่อนจะดูดดุนมันอย่างกับว่ามันเอร็ดอร่อย ลิ้นร้อนวาดวนสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับหญิงสาว เธอรู้สึกได้ถึงสัมผัสของมือแกร่งที่ส่วนอ่อนไหว .. จนเธอแทบจะยืนไม่อยู่ สมองของหญิงสาวว่างเปล่า หัวใจของเธอตอนนี้เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก ตอนนี้หญิงสาวรับรู้แค่เพียงสัมผัสของคนตรงหน้าเท่านั้น

คยูฮยอนรวบร่างเล็กขึ้นมาอุ้มไว้แนบอก เขาพาเธอเข้าไปในห้องที่ไม่เคยได้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนแม้สักครั้ง ไม่ว่าเขาจะผ่านผู้หญิงมาสักกี่คน แต่เธอเหล่านั้นไม่เคยได้ย่างกรายเข้าไปในห้องนอนของเขา คยูฮยอนหวงความเป็นส่วนตัวของเขาเป็นที่สุด แต่เขายกให้เธอเป็นคนแรก

ชายหนุ่มวางเธอลงบนเตียงหนา เขาถอดอาภรณ์เพียงไม่กี่ชิ้นที่อยู่บนตัวของตัวเองก่อนจะทาบทับตัวลงบนตัวเธอ เขารุกเร้าเธออย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่พุ่งสูง เขาหยุดมันไม่ได้ต่างจากที่เขาเป็นกับคนอื่น ร่างกายของเขาได้แต่ทำหน้าที่ตามความรู้สึกแทนที่จะทำตามสมองสั่ง .. ไม่มีเสียงกรีดร้องอย่างสุขสมของหญิงสาว มีเพียงรอยยิ้มจางๆที่ฉายอยู่บนดวงหน้าแดงระเรื่อ เหงื่อที่ผุดอยู่ตามดวงหน้ายิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนในสายตาของคยูฮยอน และนั่นไม่เป็นผลดีกับตัวของเธอเลย

เขาตื่นขึ้นมาเพียงลำพังในห้องที่คุ้นตา ชายหนุ่มมองไปรอบๆห้องเพื่อหาเธอคนนั้นแต่กลับไม่มีแม้เงา เขาเกือบนึกว่าเขาฝันไปเพียงแต่สายตาเหลือบไปเห็นรอยรักบนผ้าปูที่นอนสีขาว

..แ-่งเอ้ย ต้องซักผ้าปูเลยกู

 

 

หญิงสาวพาร่างกายอันบอบช้ำกลับมาถึงบ้านก่อนฟ้าสาง เธอเดินเข้าห้องอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนบุคคลในครอบครัวที่กำลังหลับไหล ทุกก้าวเดินเต็มไปด้วยความเจ็บปวด การอยู่กับเขาจนเกือบเช้าสร้างความบอบช้ำให้กับเธอเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยอมรับมัน .. ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของเธอเอง เธอเลือกเอง

ซอฮยอนทอดถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเริ่มวันที่ซ้ำซากของเธออีกครั้ง เธอยืนมองตัวเองในกระจกก่อนจะบอกกับเงาที่สะท้อนกลับมาเบาๆ “สู้เค้านะ ซอฮยอน สู้เค้า”

 

 

ในมหาวิทยาลัยคยองฮีที่แสนกว้างใหญ่ หญิงสาวในชุดสีเดรสแขนกุดสีทึบยาวเหนือสะพายกระเป๋าข้างใบโตพร้อมหนังสือกองโตในอ้อมกอด ปกติแล้วคนอย่างโจว คยูฮยอนไม่เลยแม้แต่จะชายตาแลผู้หญิงธรรมดาๆแบบนั้น แต่หลังจากวันนั้นจากที่ไม่เคยเห็นก็กลับเห็นเธออยู่บ่อยๆ คล้ายๆกับว่าเธอต้องการมารบกวนจิตใจคนอย่างเขาอย่างนั้นแหละ เขาเห็นเธอหันมาทางเขาด้วยรอยยิ้มแจ่มใสก่อนจะพาร่างระหงเข้ามาใกล้ทุกทีๆ

“ชางมินอปป้า!” เสียงหวานเรียกชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขา ดวงตาคมปราดไปมองเห็นเพื่อนสนิทของเขากำลังโบกมือให้เธออยู่หยอยๆ หมั่นไส้นัก เขาได้แต่ค่อนขอดในใจ

เขามองดูเธอคุยกับชางมินอย่างออกรส รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอกวนใจเขาไม่น้อย จนในที่สุดชายหนุ่มก็อดไม่ไหว “จะคุยอะไรกันนัก คนจะอ่านหนังสือ”

คำพูดเย็นชาของชายหนุ่มทำเธออึ้งไปไม่น้อย ใบหน้าขาวกลับซีดลงชัดเจน เธอบอกลาชางมินก่อนจะก้มศรีษะน้อยๆให้กับเขาแล้วจึงเดินจากไป คยูฮยอนมองเบื้องหลังของหญิงสาวที่เดินจากไปอย่างบอกไมุู่กว่ารู้สึกอย่างไร

“ซอฮยอนเป็นคนดี เธอเป็นผู้หญิงดี .. ถ้านายจะสงสัย” ชางมินพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“ถ้าดีนักทำไมไม่คบไว้ซะเองล่ะ” เขาตอบไปสั้นๆก่อนจะจรดดวงตาลงที่หนังสือเล่มโตตรงหน้า

ขัดใจคือความรู้สึกแรกที่เข้ามาในความคิดของเขาเมื่อได้ยินคำพูดปกป้องเธอแบบนั้น

…ชิม ชางมิน นายจะมารู้ดีกว่าเพื่อนได้ยังไงกัน ฉันเห็นมามากกว่าที่นายเห็น สัมผัสมามากกว่าที่นายสัมผัส

นอกจากขัดใจยังมีความรู้สึกอีกมากมายที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก เป็นเรื่องน่าแปลกที่ข้อความธรรมดาๆแบบนั้นจะทำให้เขาอารมณ์เสียจนต้องพูดจาแรงๆใส่เพื่อนสนิทที่คบกันมานาน

“ก็แล้วแต่นายจะคิด” เขาได้ยินเสียงชางมินพูดขึ้นมาลอยๆก่อที่จะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

 

 

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเขายังคงเห็นเธอเสมอๆตามสถานที่ต่างๆในมหาวิทยาลัย แต่เธอไม่ได้เดินเข้ามาใกล้เขาในที่ที่เธอคิดว่าจะรบกวนเขาอีกแล้ว เขายังคงเห็นชางมินเดินไปคุยเล่นกับเธอเสมอๆ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เข็มนาฬิกายังคงเดินไปช้าๆอย่างไร เขากับชางมินก็ยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างนั้น .. ที่แปลกไปหน่อยคงเป็นที่ชางมินมักจะนำขนมที่เขาชอบมาให้เสมอๆจนเขาสงสัยว่าคงมาจากใครซักคน ขนมแสนอร่อยที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ ขนมที่ไม่ว่าไปลองที่ร้านดังร้านไหนก็รสชาติไม่เหมือนซักร้าน

ร่างสูงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมของเขา ที่ประจำที่เขามักจะนั่งเสมอๆกับชางมิน แต่วันนี้ชางมินมีคุยธุระกับอาจารย์ เขาเลยมานั่งอยู่ลำพัง พลันสายตาคมเหลือบไปเห็นหญิงสาวเดินมากับใครซักคน เธอพูดคุยอะไรกับเขาคำสองคำก่อนที่จะเดินมาทางเขา สีหน้าลังเลของเธอสร้างความรำคาญให้เขาไม่น้อย

…ถ้ากลัวขนาดนั้นแล้วใครบังคับให้เธอเดินมาหาฉันกันเล่า

“คุณคยูฮยอนคะ” เธอเรียกเขาเสียงแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปในสายลม เธอเรียกเขาคุณคยูฮยอนในขณะที่เรียกชางมินว่าอปป้า

เธอพูดต่อเมื่อเห็นเขาไม่ได้ตอบอะไร มือเรียวบางยื่นซองสีขาวขนาดเล็กมาตรงหน้าเขา “ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้คุณคยูฮยอนไปร่วมงานนะคะ”

ดวงตากลมโตมองนิ่งที่เขาอย่างหวังว่าเขาจะยื่นมือมารับมันซักนิด จนเมื่อเห็นความหมดหวังเธอจึงวางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าเขาอย่างเบามือ หญิงสาวโค้งน้อยๆก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

คยูฮยอนมองเบื้องหลังบอบบางที่เดินไป เขาเห็นผู้ชายคนที่มากับเธอแทบจะถลาเข้ามาประคองร่างน้อยนั้น เขายังคงมองภาพนั้นอยู่จนคนทั้งคู่เดินลับสายตาไป ดวงตาคมมองซองจดหมายที่เขียนชื่อเขาอย่างเป็นระเบียบก่อนจะหยิบมันออกมาเปิดดู มือหนาหยิบการ์ดสีขาวด้วยใจหวั่นๆ เขาอ่านทวนเนื้อความในนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยคิดว่าตัวเองตาฝาด

“ซอฮยอนเอาการ์ดแต่งงานมาให้นายแล้วหรือ” เสียงของชางมินดังขึ้นปลุกเขาจากความคิดที่หลุดลอย “ฉันบอกเธอเองแหละว่าเธอควรจะเอามาให้นายด้วยตัวเอง”

เขามองเพื่อนสนิทตรงหน้าอย่างเต็มไปด้วยคำถาม .. มากมายจนเกินกว่าที่เขาจะถามมันออกได้ทั้งหมด

“ซอฮยอนเป็นเพื่อนบ้านฉัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก” ชางมินหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นเขาไม่ตอบโต้อะไรไป “เธอบอกว่าถ้านายไม่ไปร่วมงานเธอคงตัดใจจากนายไม่ได้ ช่วยไปร่วมงานแต่งงานของเธอด้วยเถอะนะ”

 

 

“ซอฮยอน เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย” ซูยอนพูดกับน้องสาวอย่างกังวล “ควรจะเป็นฉันแท้ๆที่ต้องแต่งงานกับนิคคุณอปป้า”

ร่างบอบบางในชุดเจ้าสาวมองคนที่กำลังบ่นเจื้อยแจ้วอยู่นั่นด้วยสายตาอ่อนโยน กี่ครั้งแล้วที่ตระกูลจองช่วยเหลือเธอมาจนกลายเป็นจอง ซอฮยอนได้อย่างทุกวันนี้ ทั้งซูยอนและซูจอง สองพี่น้องดูแลและรักเธอเสมือนหนึ่งพี่น้องคลานตามกันมา เมื่อประธานจองแจ้งว่าเขาตกลงกับตระกูลเจ้าสัวในเมืองไทยไว้ว่าจะดองกันด้วยเหตุผลทางธุรกิจ เธอจึงรู้สึกว่าเธอควรจะตอบแทนบุญคุณของท่านบ้าง ด้วยซูยอนเองก็มีคนที่คบหาอยู่แล้ว ส่วนซูจองก็เด็กเกินไป .. เพราะฉะนั้น มันควรจะเป็นเธอ

“เป็นอย่างนี้นี่ล่ะค่ะ ดีที่สุดแล้ว” ซอฮยอนยิ้มบางๆให้กับพี่สาวต่างสายเลือด

…เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วจริงๆ

ซอฮยอนเคยคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามีทางไหนที่ดีกว่านี้ แต่ก็ไม่พบทางอื่นใด เธอหลังรักคยูฮยอนข้างเดียวมาตลอดตั้งแต่เด็ก ด้วยบ้านใกล้กับชางมินเธอเลยมักจะพบเขาอยู่เสมอๆ ชางมินเองก็มักจะเล่าเรื่องของเขาให้เธอฟัง แต่เธอ..ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน วันที่เธอไปหาคยูฮยอนที่อพาร์ทเมนท์ของเขาคือวันที่เธอตัดสินใจว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะรักเขาและจะตัดใจจากเขาเสียที สิ่งที่เธอคิดคืออย่างน้อยให้เขาเป็นคนแรกของเธอก็เพียงพอ เธอต้องการให้คนแรกของเธอคือคนที่เธอรัก ถึงแม้มันจะต้องจบที่เธอแต่งงานกับคนอื่นเธอก็ยินดี คยูฮยอนเองคงไม่เป็นไร ในเมื่อเขา…ไม่เคยรักเธอ

แต่หัวใจของเธอกลับไม่เป็นไปตามสมองสั่ง เธอหยุดรักเขาไม่ได้สักวินาที เธอรู้เธอทำให้เขารำคาญ เธอจึงเลือกที่จะเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง หลายต่อหลายครั้งที่ชางมินบอกให้เธอรวบรวมความกล้าเข้าไปพูดคุยกับเขาบ้าง แต่เธอกลับเลือกที่จะอยู่ห่างๆ หญิงสาวเฝ้าเพียรทำขนมที่รู้ว่าเขาชอบด้วยตัวของเธอเองแล้วฝากชางมินเป็นม้าเร็วนำไปให้ซึ่งชางมินก็ไม่เคยปฏิเสธ แม้จะบ่นบ้างตามประสา

“เธอควรจะคุยกับเขานะซอฮยอน” ชางมินบอกกับเธออย่างนั้น เขาบอกเธอว่าคยูฮยอนไม่ได้รังเกียจเธอ เขาแค่ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองดีนักเท่านั้น แต่นั่นเป็นความคิดของชางมิน พี่ชายที่มองโลกในแง่ดีของเธอ .. คยูฮยอน เขาอาจจะรังเกียจผู้หญิงง่ายๆที่ไปนอนทอดกายให้เขาก็ได้

จนเมื่อทั้งสองครอบครัวกำหนดวันแต่งงาน เธอจึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะไม่ถอย เธอตัดสินใจในวันที่แจกการ์ดแต่งงานพร้อมกับนิชคุณว่าถ้าเขาคุยกับเธอก็อาจจะได้เปิดใจกันและจบลงด้วยความเข้าใจ หรืออย่างน้อยแค่เขาไปร่วมงานแต่งงานของเธอก็เพียงพอ เธอเองก็คงจะตัดใจได้เสียที และในวันนั้นเป็นวันที่เธอรู้ว่านิชคุณเป็นที่พึ่งในยามล้มได้อย่างไม่น่าเชื่อ แค่เพียงเห็นเธอหันหลังจากคยูฮยอนมาพร้อมรอยน้ำตา นิชคุณก็พร้อมเข้ามาประคองอย่างไม่คิดถาม ถึงแม้เธอไม่ได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก แต่เธอก็ได้แต่งกับพี่ชายที่แสนดี แค่ดีก็ดีมากพอแล้วสำหรับเธอ .. เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ

 

 

ร่างสูงค่อยๆกลัดกระดุมชุดสูทอย่างช้าๆ เขามองตัวเองในกระจก .. ภาพของผู้ชายที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว .. เขารู้สึกตัวช้าไป เขามีตาแต่กลับไม่เคยใช้มันมอง เขามีหัวใจแต่กลับไม่เคยเชื่อมันเลย ซอฮยอนเป็นคนเดียวที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ เธอแตกต่าง การเริ่มต้นของพวกเขาจึงแตกต่าง แต่มันกลับเจ็บไม่แตกต่างกันเลย ไม่สิ เขาต้องบอกว่าครั้งนี้มันเจ็บกว่าครั้งไหน

ดวงตาคมมองการ์ดสีขาวลายวิจิตรที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้ง เขายังคงลังเล แต่ครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของเขา เขาหยิบซองสีขาวขึ้นมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในของสูทสีดำขลับก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

 

ในคาธีดรอลที่มีสถาปัตยกรรมวิจิตบรรจง สวยจนแทบจะลืมหายใจ แต่เขากลับแทบจะไม่สนใจความสวยงามตรงหน้า ชายหนุ่มกลับมุ่งความสนใจไปที่งานวิวาห์ขนาดเล็กที่มีผู้รับเชิญเฉพาะคนใกล้ชิดเท่านั้น คยูฮยอนเฝ้ามองภาพเธอในชุดแต่งงานสีขาว งดงามราวกับเทพธิดาเคียงข้างกับเจ้าชายผู้แสนเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ เขามองเธออย่างสะกดอารมณ์

…ขอให้เธอเริ่มชีวิตใหม่กับคนที่ดีนะซอฮยอน

…สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำให้คุณได้คือการมาร่วมงานแต่งงานของคุณตามที่คุณต้องการ

…เลิกเจ็บปวดเพราะรักผมเสีย ต่อไปนี้ให้ผมเป็นคนที่เจ็บปวดที่รักคุณคนเดียวก็พอ

 

 

เบื้องหน้าของเธอคือพระบิดาและพระบุตร ชายหนุ่มตรงหน้าของเธอคือคนที่หญิงสาวทุกคนต่างก็ปรายถนา แต่เธอกลับสนใจอยู่ที่คนเพียงคนเดียว ดวงตากลมโตปรายตามองไปที่ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำ ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่เธอกลับเห็นเพียงแค่เขา ในที่สุดเขาก็มา เขาคงอยากให้เธอหยุดรักเขาเสียที

 

…แต่เขาจะรู้ไหมว่าหัวใจมันไม่เชื่อเธอเลย

 

 

NOTE:

* WARNING Failed NC นะคะ
* ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากฟิคเรื่องนึงใน Asian Fanfics โจทย์แบบเดียวกันแต่ตัวละครไม่เหมือนกันเลย เนื้อหาคนละอย่าง การเดินทางของตัวละคร นิสัย ความคิดไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย
* เรื่องนี้คือเรื่องที่มโนขึ้นมาตอน SNL พอดี พลาดจริงๆ – -” กำลังอินกับเรื่องเลยแต่พอดู SNL ปุ๊บมมโหดหดทันที! เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ NC จะล่ม ทุกอย่างจะสิ้นสลาย เรื่องนี้ประหลาดๆ ตอนที่เขียนก็ว่าอินๆแบบจี็ดๆ แต่เขียนไปคาดว่าคงอินหนัก เขียนไปร้องไห้ไป – -” เพราะฉะนั้นถึง NC จะเฟลแต่เนื้อเรื่องมั่นใจว่าไม่แย่นะคะ SNL ทำอะไรชั้นไม่ด้ายยยยยย ^^

สุขสันต์วันเกิด .. มักเน่แห่งชาติ เด็กน้อยกุมา
ผู้หญิงบ้าสุขภาพ เด็กศอกแหลม
ซอ จูฮยอน

26 มิถุนายน 2012

กลางดึกที่เงียบสงัดในห้องนอนที่ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายตามแบบฉบับของชายหนุ่ม ดวงตาคมมองหน้าจอเครื่องแมคบุ๊คตรงหน้าอย่างครุ่นคิด มือแกร่งเอื้อมไปหยิบแก้วไวน์ที่วางอยู่ไม่ไกลนักมาจิบเบาๆหากแต่ว่าดวงตายังคงจรดนิ่งอยู่กับหน้าจอขนาดสิบสามนิ้วที่ส่องแสงสว่างตรงหน้า เขานั่งอยู่อย่างนี้มานับหลายชั่วโมง จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรให้กับเธอในวันเกิดที่ใกล้เข้ามาทุกที การที่จะทำอะไรเพื่อให้เธอประทับใจและประหลาดใจดูจะยากขึ้นกว่่าคนปกติธรรมดาหลายเท่าตัวเนื่องจากการที่เขาและเธอเป็นไอดอลทำให้ไม่สามารถทำอะไรให้เป็นจุดสนใจได้ .. และเหตุผลอีกประการที่สำคัญมากกว่าคือผู้หญิงของเขาขึ้นชื่อเรื่องความคิดที่แปลกประหลาดและไม่เหมือนใครเป็นที่สุด

เขาตัดสินใจโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทหนึ่งในคยูไลน์เพื่อจะขอความเห็นแม้นาฬิกาจะบอกเวลาข้ามวันไปแล้วก็ตาม เจ้าพวกนี้นอนดึกอย่างกับอะไร ยิ่งไม่มีตารางทำงานแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ เหตุผลที่เขาจะไม่ได้คำปรึกษาน่าจะเป็นเพราะว่าเมาหนักเกินไปมากกว่าจะเป็นหลับไปแล้ว

“เฮ้ย มีเรื่องจะปรึกษาวะ” คยูฮยอนกรอกเสียงทุ้มไปตามทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรับโทรศัพท์

“ทำยังไงเธอถึงจะประทับใจวะ มันเป็นวันเกิดของเธอครั้งแรกตั้งแต่เราคบกัน .. ก็นั่นแหละ นายก็รู้ว่าเธอน่ะเหมือนใครที่ไหนกัน” เขาเอ่ยถามปลายสายพร้อมยกกับมือขึ้นยีผมอย่างคนขัดใจในคำตอบของอีกฝ่าย ชางมินตอบคำถามโลกแตกของเขาได้อย่างง่ายดายด้วยประโยคสั้นๆว่านายน่าจะรู้จักเธอดีที่สุด คำแนะนำแบบนั้นไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์การของเขาดีขึ้นเลย คยูฮยอนยังคงไม่มีความคิดดีๆว่าจะทำอะไรให้คนรักของเขา แต่อย่างน้อยชางมินก็พูดอะไรบางอย่างมาหลังจากนั้นที่ทำให้เขาคิดได้และสบายใจขึ้นกับวันสำคัญที่ใกล้เข้ามาทุกที

…สำหรับเธอแล้ว แค่มีนายอยู่ข้างๆก็น่าจะเพียงพอ นายก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือ

‘สำหรับเธอแล้ว แค่มีเขาอยู่ข้างๆก็เพียงพอ’อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่เขาไม่รู้ เขารู้ เพียงแต่เขาต้องการให้เธอได้มากกว่านั้น อยากจะทำวันสำคัญของเธอให้น่าประทับใจและน่าจดจำมากขึ้นไปอีกต่างหาก

คยูฮยอนนั่งนึกถึงเธอคนที่เป็นเสมือนลมหายใจ คนที่เข้ามาครอบครองทุกห้วงความคิดของเขาในตอนนี้ ตอนนี้เธอคงหลับสนิทเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยๆอย่างทุกครั้ง แค่เพียงคิดถึงเธอรอยยิ้มอบอุ่นก็กลับมาฉายอยู่บนดวงหน้าคมโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มตัดสินใจว่าพอแล้วสำหรับวันนี้ พรุ่งนี้เขาต้องเตรียมตัวกับวันสำคัญของเธอ เขาจัดการปิดคอมพิวเตอร์คู่ใจก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม เพียงไม่นานเขาก็หลับสนิทไปพร้อมๆกับดวงหน้าหวานใสที่คอยมาวนเวียนอยู่ในความคิด

27 มิถุนายน 2012

เสียงเพลงธรรมชาติดังขึ้นเมื่อถึงเวลาเจ็ดนาฬิกาตรง เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆขยับลืมขึ้นอย่างช้าๆก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นนั่งทันทีที่รู้สึกตัว อย่างเช่นทุกวันหญิงสาวตั้งนาฬิกาปลุกทุกๆเจ็ดโมงเช้าเพื่อจะตื่นมาอ่านหนังสือ เธอเอื้อมมือไปกดปิดเสียงเตือนก่อนที่มันจะรบกวนฮโยยอนให้ตื่นขึ้นมาก่อนเวลาที่ควรเป็น หญิงสาวพาร่างระหงเดินไปยังห้องนั่งเล่นโดยไม่ลืมหยิบหนังสือเล่มที่อ่านค้างไว้พร้อมโทรศัพท์คู่ใจไปด้วย ร่างน้อยในชุดนอนค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มมือก็ค่อยๆเปิดหนังสือออกอ่านทีละหน้าๆกี่ที่เธอจะค่อยๆก้าวเข้าไปสู่โลกของตัวหนังสือ

เสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นภายในห้องชุดขนาดใหญ่สุดหรูก่อนจะตามมาด้วยสาวๆทีละคนสองคน หญิงสาวปลุกตัวเองให้กลับมาสู่โลกของความจริงอีกครั้ง เธอมองอนนี่ที่เดินสวนกันไปมาอย่างสงสัย วันนี้ไม่มีตารางงานเพราะทุกคนตั้งใจจะอยู่รอลุ้นการเปิดขายซิงเกิลใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดญี่ปุ่น เนื่องจาก Paparazzi มีความเป็น J-Pop ชัดเจนกว่าทุกๆเพลงที่ผ่านมายิ่งทำให้น่าตื่นเต้นว่าเพลงนี้จะไปได้สูงสุดในตลาดญี่ปุ่นถึงแค่ไหน ถึงอย่างๆนั้นพี่ๆของเธอทุกคนเหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้ พวกพี่สาวตื่นเช้ากว่าที่ควรจะเป็น ขนาดเจสสิก้าที่ขึ้นชื่อเรื่องการนอนยังตื่นมาตั้งแต่ยังไม่เที่ยงโดยที่ไม่ต้องมีใครปลุก ซอฮยอนไม่ได้เอ่ยถามอะไร ได้แต่มองพี่ๆด้วยความสงสัยอยู่อย่างนั้น

หน้าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะภายในห้องนอน สายตาทั้งเก้าคู่ต่างก็จับจ้องไปที่ภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า วิดิโอเวลาหกนาทีเศษดึงดูดพวกเธอราวกับเป็นการดูมันครั้งแรก ต่างคนก็ต่างหยอกล้อแซวกันอย่างกับว่าหญิงสาวทั้งเก้าคนในวิดิโอไม่ใช่พวกเธอ เข้าไปดูตามเว็บไซท์เพลงอย่าง iTune และตามชาร์ทเพลงญี่ปุ่น อย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา…สาวๆก็มักจะสำรวจความคิดเห็นของแฟนๆที่มีกับเพลงและบางคนก็ตอบ UFO เพื่อทักทายแฟนๆอย่างสนุกสนาน

เวลาช่วงบ่ายของซอฮยอนเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับพี่ๆเกี่ยวกับผลงานใหม่ของวง ความยินดีฉายชัดเต็มใบหน้าเมื่อเห็นผลตอบรับทั้งยอดการเข้าชมวิดิโอที่พุ่งพรวดพร้อม และคำนิยมมากมาย รวมไปถึงยอดขายที่ทางต้นสังกัดโทรมาแจ้งให้ทราบ พวกเธอรู้ดีว่าเวลาของการทำงานหนักกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เพราะหลังจากการออกซิงเกิลที่ญี่ปุ่นก็จะมีการ comeback ในเกาหลีอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่นั่นคือสิ่งที่พวกเธอยินดีที่จะยอมรับเพื่อแลกกับการได้มีความสุขร่วมกับเหล่าโซวอนและได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันครบทั้งเก้าคน ซอฮยอนมองภาพตรงหน้าที่พี่ๆต่างก็แย่งกันพูดคุยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆจางลงไปเมื่อนึกถึงใครบางคน .. คนที่ปรกติจะโทรมาเป็นคนแรกหลังจากที่มีผลงานของเธอออกไป ไม่ว่าจะเป็นเพลง PV โฆษณาหรือแม้แต่การถ่ายแบบ แต่วันนี้จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่ได้รับสายแม้เพียงสายเดียวจากเขา

…เป็นอะไรไปนะ วันนี้อปป้าน่าจะว่างไม่ใช่หรือ

หลังจากบทสนทนาที่เต็มไปด้วยสีสันและรอยยิ้ม สาวๆต่างก็ทยอยๆออกจากบ้านด้วยข้ออ้างต่างๆกันไป ยุนอาบอกกับเธอว่าจะไปหาทงเฮ เจสสิก้ากับยูริเลยตัดสินใจว่าจะไปเยี่ยมพี่ๆ Super Junior ที่หอด้วย ซันนี่และฮโยยอนนัดประชุมเกี่ยวกับการถ่ายทำ Invisible Youth เช่นเดียวกับซูยองที่มีประชุมกับทีมงานรายการ SBS Midnight TV Entertainment ส่วนทิฟฟานี่และแทยอนเองอยู่ดีๆก็บอกว่าจะออกไปซื้อของ สุดท้ายคงเหลือน้องเล็กคนงามอยู่เพียงลำพังในห้องชุดอันใหญ่โต

ร่างโปร่งบางยืนโบกมือลาให้กับพี่สาวทั้งสองก่อนจะปิดประตูลงช้าๆ ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเดินไปไหนไกลเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ‘อนนี่คงลืมของ’ นั่นคือความคิดแรกที่เข้ามาให้หัว เธอหันหลังกลับไปเปิดประตูพร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยนึกว่าเป็นพี่ๆจนลืมคิดไปว่าพี่ๆของเธอเองก็รู้รหัสเข้าห้อง ไม่จำเป็นต้องเคาะประตูให้เจ็บมือ ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นสงสัยทันทีที่เห็นบุรุษที่อยู่หลังประตูบานนั้น

“อปป้า!” เสียงใสร้องขึ้นอย่างประหลาดใจที่คนที่เธอคิดถึงอยู่เมื่อครู่กลับมาโผล่อยู่ตรงหน้า

“จะไม่ให้อปป้าเข้าไปข้างในหน่อยหรือยังไงกัน” ชายหนุ่มถามพร้อมส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมาให้เธอ ซอฮยอนได้ยินจึงรู้สึกตัวดึงประตูห้องออกกว้างขึ้นพร้อมกับยืนหลบให้เขาเดินเข้ามา

หญิงสาวเปิดประตูห้องแล้วจึงเดินตามเขาเข้าไปช้าๆ ก่อนจะแยกไปในส่วนที่เป็นห้องครัวเพื่อนำน้ำดื่มออกมาให้เขา ชายหนุ่มนั่งอย่างผ่อนคลายอยู่บนโซฟาตัวนุ่ม เขาดูสบายเกินไปจนดูเหมือนเป็นเจ้าของห้องยังไงอย่างงั้น เขาดูน่าดึงดูดในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงโทนสีอ่อนสบายตา ผมที่เพิ่งตัดได้รับการจัดแต่งทรงอย่างดี ไม่ปล่อยยุ่งเหยิงอย่างทุกครั้ง

“จากนี้ไปอีก 24 ชั่วโมง อปป้าขออยู่ที่นี่นะ” เขาพูดราวกับเป็นเรื่องง่ายๆที่ไอดอลชายจะค้างอ้างแรมในหอพักของไอดอลหญิง แถมไอดอลหญิงคนนั้นยังมีเพื่อนร่วมวงที่พักอยู่ด้วยกันอีกถึงแปดคน มันง่ายไปไหม

“เห จะอยู่ยังไงล่ะค่ะ .. เดี๋ยวอนนี่ก็กลับมา” เธอย้อน

“อยู่ได้ล่ะน่า” ชายหนุ่มตัดบทก่อนที่จะตบเบาะข้างๆเป็นสัญญาณให้เธอมานั่งข้างๆเขา ซอฮยอนยิ้มบางๆพร้อมกับส่ายศรีษะอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างร่างสูงนั้น

เขาและเธอใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับการดูหนัง หาเกมสนุกๆมาเล่น พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันราวกับว่าไม่ได้คุยกันอยู่ทุกวัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะแสดงฝีมือทำอาหารมื้อเย็นอย่างทุลักทุเล

หญิงสาวมองคนที่ดูงกๆเงิ่นที่ยืนอยู่ในครัวขนาดใหญ่ ใครก็รู้ว่าเขากับการทำอาหารคือหายนะ ภาพชายหนุ่มยืนเก้ๆกังๆหยิบนั่นผสมนี่ทั้งที่มือก็กางโพยที่ได้มากจากพี่สาวสุดรักทำเอาซอฮยอนอดไม่ไหวต้องหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยเสนอความช่วยเหลือแต่ก็ได้รับคำปฏิเสธเสียงแข็ง

‘ถ้าเธอทำแล้วมันจะเป็นของขวัญวันเกิดได้อย่างไร’ เขาคิดอย่างนั้น ทั้งๆที่คนที่จะได้รับของขวัญเองก็ยังไม่ทันจะรู้ตัว

ชายหนุ่มลำเลียงข้าวเปล่า ชิเกะ ทัคคาลบิพร้อมด้วยเครื่องเคียงคือกิมจิ มาวางบนโต๊ะอาหาร ควันฉุยจากอาหารยิ่งทำให้กับข้าวมื้อนี้ดูน่ารับประทาน ชายหนุ่มกอดอกมองที่อาหารตรงหน้าอย่างภูมิใจ

…เราก็มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารเหมือนกันนะเนี่ย

“ชิมสิ เอาเลย” เขาเอ่ยชวนหญิงสาว มือหนาเลื่อนจานอาหารไปให้ใกล้เธอยิ่งขึ้นเพื่อให้เธอตักได้ถนัด ดวงตาคมมองมือน้อยที่ค่อยๆตักชิเกะเข้าปากอย่างลุ้นจนแทบจะลืมหายใจ

“เป็นยังไงบ้าง ซอฮยอนนี่ .. อร่อยไหม” เขาถาม

“อร่อยค่ะ อปป้า!” หญิงสาวตอบพร้อมส่งรอยยิ้มหวานมาให้ แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่เชื่อ เขาตักชิเกะคำโตเข้าปากก่อนจะอึ้งไป

…นี่มันอร่อยตรงไหนกัน

…แต่ที่ชิมเมื่อกี้รสชาติมันกินได้กว่านี้นี่นา

“เธอไม่ต้องฝืนกินหรอกซอฮยอน เราสั่งอาหารมากินกันดีกว่า ส่วนไอ้ชิเกะประหลาดนั่นเธอก็ทิ้งไปซะ” เขาพูดขึ้นหลังจากตั้งสติได้ว่ารสชาติชิเกะฝีมือเขามันประหลาดจนเกินรับได้ มือหนาเอื้อมหยิบชามอาหารตรงหน้าเพื่อจะยกไปทิ้งเป็นเศษอาหาร หากแต่มือน้อยหยุดเขาไว้เสียก่อน

“ไม่ค่ะ ก็เค้าอยากกินนี่นา .. อาหารฝีมืออปป้าอร่อยสำหรับเค้านะ ก็อปป้าตั้งใจทำออกขนาดนี้จะทิ้งได้ยังไงล่ะคะ” ซอฮยอนค้าน หญิงสาวเดินเข้าไปในครัวหยิบเครื่องปรุงออกมา เธอเติมนั่นนิดนี่หน่อยก่อนจะตักขึ้นมาป้อนให้เขาชิมอีกครั้ง ดวงตาคมเบิกโตอย่างยินดี ชิเกะฝีมือเขาไม่ต้องไปนอนแอ้งแม้งในถังขยะแล้ว หญิงสาวแก้ไขจนรสชาติออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ เขามองคนตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ ผู้หญิงของเขา…คนที่เขาเลือกพร้อมไปด้วยหน้าตาสวยงาม เรือนร่างที่แสนวิเศษ ความสามารถและสมองที่ชาญฉลาด การบ้านการเรือนไม่ขาดตกบกพร่อง เธอเพียบพร้อมขนาดนี้ ยังไงเขาก็เลือกคนไม่ผิด

มื้อเย็นที่แสนเรียบง่ายผ่านไปอย่างราบรื่นหลังจากที่ซอฮยอนเปลี่ยนจากวิกฤตทางอาหารให้เป็นโอกาสได้ ทั้งสองยังคงใช้เวลาลำพัง เวลาที่แสนธรรมดาสำหรับบางคนกลับเป็นชั่วเวลาที่แสนวิเศษจนเขาและเธออยากจะหยุดเวลาไว้อย่างนั้น ความเป็นจริงที่ว่าเขาและเธอกำลังจะมีงานรัดตัวอีกครั้งและอาจจะไม่ได้พบกันแบบนี้ทำร้ายเธอไม่น้อย การออกซิงเกิลใหม่ที่ญี่ปุ่น การ Comeback ของเขาและของเธอ ทำให้รู้โดยที่ไม่ต้องบอกว่ากว่าจะได้มีเวลาว่างนั่งอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันแบบนี้คงไม่ได้ทำได้ง่ายๆอีกต่อไป

ระหว่างที่เธอขอตัวไปอาบน้ำ ชายหนุ่มหยิบรีโมทค่อยๆเปลี่ยนช่องเพื่อหารายการที่น่าสนใจก่อนจะหยุดลงที่รายการนึงด้วยขี้เกียจจะพยายามหา เขายืดตัวไปตามแนวยาวของโซฟาเพื่อคลายความเมื่อยล้าก่อนจะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ซอฮยอนเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดอยู่บ้านแบบสบายๆ เธอไม่กล้าใส่ชุดนอนแบบปกติเนื่องจากชุดนอนของเธอมันเปิดเผยเกินกว่าที่จะใส่ตอนอยู่กับเขา ตอนนี้เขายังอยู่ แถมยังดูเหมือนจะจริงจังเรื่องค้างคืนเสียด้วย หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ร่างสูงที่หลับสนิทอยู่บนโซฟาจนเธอนึกแปลกใจว่าตัวเองอาบน้ำนานขนาดที่เขาหลับได้ขนาดนี้เลยหรือ ร่างระหงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นข้างๆ ดวงตาจรดนิ่งอยู่กับดวงหน้าที่ราวกับเทพบุตร แม้จะมีรอยแผลจากอุบัติเหตุแต่ก็ยังชวนมอง ซอฮยอนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเขาเบาๆ

“ขอบคุณนะคะอปป้า ถึงวันเกิดเค้าจะเป็นวันพรุ่งนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดเลย” เธอจรดริมฝีปากบางลงบนแก้มสากของเขาเบาๆก่อนจะถอนออกมาแล้วจรดลงอีกครั้งที่ริมฝีปากหนา

จูบที่น่าจะไม่มีอะไรกลับกลายเป็นดูดดื่มเมื่อชายหนุ่มกลับกลายเป็นผู้นำทั้งๆที่ร่างสูงยังนอนอยู่บนโซฟา ลิ้นร้อนสอดแทรกไปในโพรงปากอย่างชำนาญ เขาตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงเธออยู่ข้างหูแต่อยากจะรู้ว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไปจึงแสร้งนอนหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น จนเมื่อเธอเริ่มต้นจูบแผ่วเบา คนที่แกล้งหลับก็ไม่สามารถทนนิ่งอยู่ได้อีกต่อไป มือหนาจับที่ท้ายทอยของเธอไม่ให้ถอยหนีในขณะที่มืออีกข้างโน้มตัวเธอลงมากอดแน่นจนแทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน

มือร้อนของเขาค่อยๆไล้ไปตามเรือนร่างสวยจนหญิงสาวใจเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก เขาถอนจูบออกก่อนจะจูบเธออีกครั้ง ครั้งนี้จูบของเขาแตกต่างไปจากทุกครั้ง เธอสัมผัสได้ถึงความรักอย่างไร้เงื่่อนไข จูบที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความเรียกร้องรุนแรงแต่กลับมีความปรารถนาซ่อนอยู่ จูบที่ไม่เร่งเร้าแต่กลับทำให้เธอหลงไหล จูบที่ไม่ใช่แค่อารมณ์รักแต่กลับเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก จูบของเขาทำให้หัวใจเธอแทบจะหลุดลอยแต่ก็ยังรู้สึกถึงความมีชีวิต

“พี่รักเธอ ซอฮยอนนี่” เขาพูดเสียงเบาหวิวก่อนจะลุกขึ้นรวบตัวเธอขึ้นมาอุ้มเข้าไปในห้องนอนของหญิงสาว

ชายหนุ่มยกร่างบางราวกับว่าเธอเบาเหมือนปุยนุ่น เขาวางเธอลงบนที่นอนสีขาวอย่างทนุถนอมและยังคงจูบครั้งแล้วครั้งอย่างไม่อาจะถอน มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดสีสวยก่อนจะสัมผัสที่ก้อนเนื้อหยุ่นมือ เขาไล่จูบลงมาตามลำคอระหง  หญิงสาวในตอนนี้แทบจะหมดแรงไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่ที่เธอได้รับ ซอฮยอนไม่เคยใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มแสดงความรักกับเธอมากไปกว่าการกอดจูบธรรมดา แต่ที่เธอทำให้เธอตกใจคือเธอเองก็ชอบการบอกรักของเขาอย่างนี้เช่นกัน

ชายหนุ่มหยุดที่หน้าอกอวบอิ่มก่อนจะจูบเบาๆผ่านผ้าคอตต้อนเนื้อดี มือที่อยู่ภายใต้เสื้อสีสดใสยังคงทำงานของมันอย่างช่ำชอง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ภายใต้สัมผัสลึกล้ำของเขาจนยากจะควบคุม หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ท้องปั่นป่วนด้วยความตื่นเต้นเหมือนมีผีเสื้อนับพันบินอยู่ในนั้น มือหนาส่งผ่านความร้อนไปทุกที่ที่เขาลากผ่าน

หญิงสาวรวบรวมความกล้าเอื้อมมือไปที่หน้าอกพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาว มือน้อยๆของเธอสัมผัสที่รอยแผลเป็นที่เขาได้มาจากการผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตเขาจากอุบัติิเหตุครั้งนั้น เธอลูบมันเบาๆก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนรอยแผลนั้น

“ซอฮยอน-อาห์ เธอทำแบบนี้ อปป้าจะไม่ไหวเอานะ” เขาพูดเสียงแปร่งปร่าอย่างพยายามสะกดกั้นอารมณ์ ชายหนุ่มไม่ได้คิดฝันว่าจะมาไกลถึงขนาดนี้ แต่เพราะเธอ…แค่เป็นเธอก็ทำให้เขาทำอะไรลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว ดวงหน้าบริสุทธิ์สดใสแต่แฝงไปด้วยเรือนร่างเย้ายวนใจ สมบูรณ์พร้อมอย่างที่สตรีพึงมี เขารู้ตั้งแต่ยังไม่ได้สัมผัส จนเมื่อได้สัมผัสก็ยิ่งยากจะห้ามใจ

ดวงตากลมโตมองเขาอย่างสงสัยในคำพูด แต่นั่นกลับเหมือนการทรมานเขาทั้งเป็น ความตั้งใจของเขาที่จะเก็บคืนพิเศษไว้ในวันแต่งงานขาดผึง ชายหนุ่มคว้าร่างบางมากอดพร้อมมอบจูบดูดดื่มอีกครั้งและอีกครั้ง มือร้อนลูบไล้อย่างเอาแต่ใจไปตามผิวลื่นราวกับผ้าไหมชั้นดีจนเธอแทบจะกลั้นใจสะกดอารมณ์ไว้ไม่ให้ปลดปล่อยออกมา

Rrrrrrrrr~

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นฉุดทั้งครู้ขึ้นจากอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงไปไกลลิบ เขาสบถเบาๆก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกางเกงออกมากดรับสายทั้งๆที่ในใจอยากจะโยนทิ้ง

“อปป้า เป็นยังไงบ้างคะ พวกเราเป็นน้องที่ดีใช่ไหมล่ะ” ฮโยยอนแสนขี้เล่นทักมาตามสายโดยไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของรุ่นพี่ร่วมค่าย

ซอฮยอนลุกขึ้นหันหลังให้กับชายหนุ่ม เธอจัดเสื้อผ้าและผมของเธอให้กลับเป็นปกติ ตอนนี้หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ทั้งกลัวความรู้สึกตัวเองที่เพิ่งได้เรียนรู้ อายคนรักกับการตอบสนองอย่างไร้สติ และหวั่นใจว่าเขาจะมองเธอเปลี่ยนไป จากสาวน้อยสดใสกลายเป็นหญิงสาวมีมลทิน

“พวกนั้นอยากจะวิดิโอคอลกับเธอน่ะ” เสียงของเขาดึงเธอขึ้นมาจากความคิดที่ตีกันวุ่นไปหมด ชายหนุ่มดึงเธอมานั่งข้างกายบนเตียงหนาก่อนจะกดปุ่มเริ่มวิดิโอคอล หญิงสาวไพล่คิดไปถึงสิ่งที่เพิ่งผ่านไปชั่วครู่ก็กลับร้อนผ่าวที่หน้า

“จูฮยอน-อาห์ เป็นอะไรไป เป็นไข้หรือเปล่าถึงได้หน้าแดงแบบนั้น” ทิฟฟานี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าแววตาห่วงใยอย่างสุดซึ้ง

“หรืออปป้าทำอะไรเธอ” ฮโยยอนหยอกเย้าอีกครั้งแต่กลับยิ่งทำให้ดวงแก้มใสแดงยิ่งขึ้นราวกับสตรอว์เบอร์รี่

“ย่าห์! ย่าห์! พวกเธอ ฉันก็อยู่นะ!” เขาชี้นิ้วไปที่คนฝ่ายตรงข้ามจอนั้นอย่างคาดโทษ

“ก็แค่ล้อเล่นล่ะน่า อย่างอปป้าน่ะ….ไม่มีน้ำยาหรอก” ยุนอาพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะอ้าปากกว้างตามแบบฉบับของอิม ยุนอาก่อนที่เธอจะโดนผลักออกไปโดยลีดเดอร์ตัวน้อยจนต้องดันตัวกลับเข้ามาอยู่ในจอเล็กอีกครั้ง

“จูฮยอน วันนี้พวกอนนี่ไม่กลับบ้านนะ .. เพราะว่านี่ก็จวนจะเที่ยงคืนแล้วแต่อนนี่อยากให้เธอได้ใช้เวลากับอปป้าฉลองกันสองคนตอนนั้นเลยโทรมาหาเธอก่อน” แทยอนพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่นผ่านอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ที่ย่อโลกให้เล็กลง จากนั้นสาวๆทั้งแปดคนก็ส่งทั้งเสียงและท่าทางพร้อมกัน “Happy Birthday ซอ จูฮยอน”

“เธอชอบของขวัญของอนนี่ใช่ไหมล่ะ”

“พรุ่งนี้เราเป่าเค้กด้วยกันนะซอฮยอน”

“มีความสุขมากๆน้าาา ซอฮยอน-อาห์”

“เป็นสาวแล้วนะมักเน่! รวบรัดอปป้าไปเลย!”

“ย่าห์! เธอนี่ ไม่ได้นะจูฮยอน อย่าให้อปป้าทำอะไรไม่ดีนะ”

เสียงสาวๆแย่งกันพูดจนฟังแทบจะไม่ศัพท์จบลงที่แทยอนพี่ใหญ่ของวงดึงโทรศัพท์ออกมาพูดคนเดียวท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วด้านหลัง “แค่นี้แล้วกันนะจูฮยอน เจ้าพวกนี้จะตีกันตายเพราะจะแย่งคุยกับเธอแล้ว พี่ต้องไปจัดการก่อนละ บ๊ายบาย”

รอยยิ้มกว้างฉายอยู่บนดวงหน้าใส หญิงสาวค่อยๆก้มหน้าลงอย่างเขินอายเมื่อนึกได้ว่ามีเพียงเขาและเธออยู่กันสองต่อสองอีกครั้ง ดวงตาคมมองแก้มแดงระเรื่ออย่างหลงไหลก่อนจะฝังจมูกโด่งลงบนพวงแก้มนุ่มแล้วตามด้วยกลุ่มผมที่หอมแชมพูอ่อนๆ

“ต่อไหม” เขาถามอย่างหยอกเย้า ส่งสายตาเจ้าเล่ห์อย่างหมาป่าจ้องจะตะครุบลูกแกะน้อย “เมื่อกี้แค่ลงโทษเรื่องโฆษณาบ้าๆนั่นเอง ยังไม่ทันได้ให้ของขวัญวันเกิดเธอเลย รับร้องเธอต้องชอบ”

“อปป้า!” ซอฮยอนโวยลั่นเมื่อได้ยิน ดูเอาเถอะคนเรา .. เกรียนไม่เลือกเวลา แม้กระทั่งเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มก็ยังจะเกรียน

“เค้าล้อเล่นหรอกน่า” เขาตอบก่อนจะคว้าร่างบางร่างบางมากอดอย่างแสนรัก “อปป้าตั้งใจว่าจะให้มันค่อยๆเป็นค่อยๆไป เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เรื่องของเรามันไม่จำเป็นต้องเร่งรัดไม่ใช่หรือ”

ถึงจะพูดอย่างนั้น มือหนากลับสอดเข้าไปใต้ผ้าคอนต้อนเนื้อดีอีกครั้งพร้อมกับลูบไล้ที่หลังนวลเนียน ดวงตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่าเปี่ยมด้วยความรัก

“อปป้า!” หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อได้รับสัมผัสที่ทำให้ใจหวิวอย่างไม่น่าไว้ใจอีกครั้ง

“นิดหน่อยนะซอฮยอนนี่ อปป้าสัญญาจะไม่เกินเลยจนกว่าจะถึงเวลาที่เราสองคนพร้อม” เสียงทุ้มพูดตอบ ดวงตาคมมองเข้าในดวงตากลมใสด้วยความรักเปี่ยมล้น ซอฮยอนได้แต่ก้มหน้างุดหลบสายตาจากเขาก่อนจะพยักหน้าเบาๆทำเอาคนตัวใหญ่กว่าหัวเราะในท่าทางอันน่ารักของเธอ

คืนนั้นทั้งสองหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน ชายหนุ่มได้ให้ของขวัญที่แสนวิเศษแก่เธอคือการอยู่ร่วมกัน ยิ่งกว่านั้นเขายังแสดงให้เธอเห็นว่าเธอมีค่าและจริงจังกับเธอมากกว่าเพียงแค่คบไปวันๆ แต่กลับมองไปถึงอนาคต .. อนาคตของเขาและเธอ เท่านั้นก็มากเกินกว่าที่เธอต้องการแล้ว

28 มิถุนายน 2012

เขารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจากคนในอ้อมกอด คยูฮยอนลืมตาขึ้นมามองคนที่กำลังหลับสนิทเหมือนกับเด็กน้อยๆก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยวคืนตรง ร่างสูงก้มลงมองใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา “Happy Birthday ที่รักของพี่”

ร่างเล็กขยับเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของเขาตามประสาคนประสาทสัมผัสไว เธองัวเงียถามทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา “อะไรนะคะอปป้า”

“ไม่มีอะไรหรอก นอนต่อเถอะ” เสียงทุ้มตอบอย่างอบอุ่นพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

ทั้งสองหลับสนิทจนเมื่อเสียงจากภายนอกที่บอกถึงเวลาเช้าเริ่มดังขึ้น นกตัวน้อยส่งเสียงจิ๊บๆดังเข้ามาถึงภายในห้องนอน แสงแดดอ่อนๆยามเช้าค่อยๆส่องเข้ามายังห้องที่เขาและเธอนอนตระคองกอดกันอย่างอบอุ่นบนเตียงสีขาว คยูฮยอนค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆเพื่อพบว่าร่างนุ่มนิ่มที่อยู่ในอ้อมกอดของเขายังหลับสนิท ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือตอนเจ็ดโมงเช้าอย่างทุกวัน เขาลุกขึ้นอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้หญิงสาวที่หลับสนิทนิ่งราวกับตุ๊กตาเกาหลีตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเธอยังคงหลับอยู่ร่างสูงจึงค่อยๆเดินย่องออกไปยังห้องครัว เขาค่อยๆเปิดประตูเย็นก่อนจะหยิบเอากล่องกระดาษกล่องเล็กที่ติดสินบนรุ่นน้องให้เอามาแอบไว้ไม่ให้เจ้าของวันเกิดได้รู้ตัว มือหนาค่อยๆแกะกล่องกระดาษเผยให้เห็นเค้กผลไม้ขนาดเล็กแลดูน่ารักประทานแล้วจัดแจงหยิบวางลงบนจานสีสวยก่อนจะยกเข้าไปในห้องนอน

ชายหนุ่มถือเค้กไว้ที่มือหนึ่งแล้วใช้อีกมือปลุกคนที่ยังหลับสนิท ดวงตากลมโตลืมขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังมึนงง คยูฮยอนมองภาพตรงหน้ายิ้มๆ บางครั้งความสุขก็หาได้ง่ายเหลือเกิน เขาจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปางสีชมพูก่อนจะยื่นเค้กจานน้อยมาตรงหน้าคนที่ยังตื่นไม่เต็มตา

“อรุณสวัสดิ์ค่ะเจ้าของวันเกิด”

ของขวัญวันเกิดของเธอปีนี้คือการอยู่ด้วยกันหนึ่งวัน หลับและตื่นมาในอ้อมกอดของกันและกันอย่างนี้เป็นสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด และเขาเองก็คิดว่าเธอชอบมันเช่นกัน เขามองดวงหน้าไร้ที่ติแม้จะเพิ่งตื่นนอนอย่างเปี่ยมด้วยความรัก ซอฮยอนยิ้มให้เขาอย่างสุดหัวใจ เท่านั้นเขาก็รู้ได้ว่าของขวัญชิ้นนี้ถูกใจคนรับที่สุด

แผนการของคยูฮยอนในการฉลองวันเกิดที่แสนจะประทับใจให้เธอเสร็จสมบูรณ์ เขาเองได้แต่หวังว่าจะได้มีเธออยู่เคียงข้างอย่างนี้ในทุกๆวัน ไม่ใช่เพียงแค่ในวันเกิด .. เขาจะรอจนถึงวันนั้น วันที่เขาและเธอพร้อมจะกลายเป็นเราอย่างสมบูรณ์ .. เขาจะรอ

สำหรับเขา ระยะทางแปรผกผันกับความรัก
สำหรับเธอ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ใจก็อยู่กับเขา

 

 

3 กุมภาพันธ์ 2012

กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน

ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่และเสียงที่เกิดจากความวุ่นวายทั้งหลาย ชายหนุ่มนั่งมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือนิ่ง ไม่ได้ใส่ใจความเคลื่อนไหวรอบตัว เขาปล่อยให้โคดี้นูน่าจัดการกับทรงผมของเขาตามแต่ใจเธอต้องการ ไม่มีแม้การหยอกล้อกับเธออย่างทุกครั้ง เขาก็แค่…ไม่มีอารมณ์ มีอย่างหรือ วันคล้ายวันเกิดของเขาแท้ๆแต่กลับต้องมาขึ้นคอนเสิร์ท ไม่ใช่ว่าฉลองวันเกิดกับพี่ๆร่วมวงและเหล่าเอล์ฟจะไม่ดี แต่ถ้ามีเธออยู่ด้วยมันคงดีขึ้นไปอีก คยูฮยอนคิดก่อนจะหัวเราะให้กับตัวเองเบาๆ จะไม่ให้เขาหัวเราะได้อย่างไร ในเมื่อไม่ว่าวันเกิดกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็เคยผ่านมาได้โดยที่ไม่ได้รู้สึกเหงาหรือขาด แต่เพียงแค่เริ่มคบกับเธอ เขากลับรู้สึกหลายๆอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึก เป็นแบบที่เขาไม่เคยเป็น

…แต่จะแปลกอะไร ในเมื่อสำหรับเขา “เธอ” คือข้อยกเว้นเสมอ

คยูฮยอนยังคงปล่อยให้สรรพสิ่งรอบข้างเคลื่อนไหวตามที่มันควรจะเป็น ทุกคนเตรียมตัวอย่างรีบร้อนเพื่อคอนเสิร์ทที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่นาน ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เบื้องหลังความสำเร็จอันสวยงามก็ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มือหนาจับโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเคาะกับโต๊ะก๊อกๆเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ใจของชายหนุ่มตอนนี้ไม่ได้อยู่ตรงหน้ากับคอนเสิร์ทที่กำลังจะเริ่มในอีกไม่ถึงชั่วโมง ทงเฮกับเรียวอุคที่นั่งพักอยู่ไม่ไกลนักในห้องแต่งตัวได้แต่มองตากับปริบๆ เรียวอุคถึงกับสะกิดชายผู้พี่เป็นสัญญาณว่าให้ทำอะไรซักอย่าง ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงได้มีคนขึ้นเวทีร้องเพลงผิดคิวเป็นแน่

ทงเฮส่งสายตาคมกริบกลับไปยังน้องรองของวงพร้อมกับเค่นในใจ จะให้เขาทำอย่างไรในเมื่อคนที่น่าจะเป็นต้นเหตุอาการแปลกๆของเจ้ามักเน่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆให้จัดการได้ง่ายๆ แถมถ้าโทรไปขอความช่วยเหลือจากยุนอาตอนนี้ หญิงสาวคงทำแอ็กโย่เสียงเด็กใส่เพื่อเป็นการทำโทษข้อหาที่เขาโทรไปกวนเธอระหว่างที่เธอเองกำลังยุ่งกับการถ่ายทำละคร ไม่ทันที่ทงเฮจะได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์ในมือของคยูฮยอนกลับดังขึ้น เพียงเท่านั้นรอยยิ้มสว่างจ้าก็กลับมาฉายอยู่บนดวงหน้าของคนขี้เล่นอีกครั้ง

“โยโบเซโย” คยูฮยอนกรอกเสียงไปตามสายอย่างอารมณ์ดี

“ขอบคุณมากนะ .. พี่นึกว่าจะไม่ได้คุยกับเธอก่อนจะขึ้นคอนเสิร์ทเสียแล้ว” เสียงทุ้มๆตอบกลับไปตามสายก่อนจะทำท่าน้อยใจราวกับว่าอีกฝ่ายนึงจะเห็น “ใช่ ให้บินมาหาก็ไม่ยอมนี่สิ น่าน้อยใจนัก”

“อปป้าล้อเล่น .. เข้าใจสิคะเข้าใจ อปป้าเคยไม่เข้าใจเธอด้วยงั้นเหรอ” เขาตอบฝั่งตรงข้าม

“จริงเหรอ .. งั้นไม่ว่าอปป้าโทรไปตอนไหนเธอต้องรับสาย ถ้าเธอไม่รับกลับมาโดนทำโทษแน่ๆ” คยูฮยอนพูดอย่างหมายมาด ไม่ว่าโทรไปตอนไหนเธอก็รับสายหรือทำโทษเธอมันดีสำหรับหมาป่าอย่างเขาทั้งนั้น

“ไม่รู้ล่ะ สัญญาต้องเป็นสัญญา .. วันนี้วันเกิดอปป้านะ” เขาตอบก่อนตัดบทวางสายไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผิด

ทงเฮได้แต่มองท่าทีของคนเริงร่าคนตรงหน้าที่ผิดกับก่อนที่จะรับโทรศัพท์สำคัญสายนี้อย่างกับหน้ามือหลังเท้าแล้วจึงหันไปบ่นงึมกับเรียวอุคอย่างทั้งหมั่นไส้ระคนอิจฉา

…คยูมันไม่ได้น่าเป็นห่วงเลยซักนิด มันน่าหมั่นไส้ซะละมากกว่า

…ก็ยังดี อย่างน้อยมันไม่ทำหน้าหมาป่าหมดแรงขึ้นคอนเสิร์ท

 

 

กรุงโซล ประเทศเกาหลี

ในห้องชุดสุดหรูในกลางกรุงโซล หญิงสาวค่อยๆละมือจากรายงานตรงหน้าที่เธอตั้งใจเขียนอยู่เป็นชั่วโมงท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะเงียบสงบเนื่องจากพี่สาวต่างก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ซอฮยอนลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือช้าๆโดยไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือคู่ใจที่ใช้คู่กับเขามาด้วย เธอพาร่างในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบลำลองเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวหนาเพื่อคลายความเมื่อยล้า มือเรียวบางสัมผัสไปที่หน้าจอโทรศัพท์เบาๆต่อสายไปหาคนที่คุ้นเคยก่อนจะนำมาแนบหู

“สุขสันต์วันเกิดค่ะอปป้า” เธอส่งเสียงทักทายอย่างสดใสทันทีที่ได้ยินเสียงอีกฝั่ง

“ได้ยังไงล่ะคะ วันเกิดอปป้าเค้าก็ต้องโทรมาสิคะ ขอโทษนะคะที่เค้าไม่ได้อยู่ด้วยในวันเกิดของอปป้าอย่างนี้” เธอตอบเขาอย่างทั้งเอาใจทั้งขอโทษที่สุดท้ายต้องอยู่ไกลกันทั้งๆที่เป็นวันสำคัญของอีกคน

“อ๋า~ ไหนบอกว่าเข้าใจไงคะว่าเค้าติดงานที่นี่ แล้วอปป้าก็ตกลงเองนี่นาว่าให้เค้าใช้เวลากับครอบครัวบ้าง” หญิงสาวแกล้งย้อนทั้งๆที่ในใจก็รู้นิสัยของอีกฝ่ายที่มีแต่ความเข้าใจให้เธอเสมอ และยิ่งได้ยินถ้อยคำของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เธอใจอ่อน แต่การที่จะรีบจองตั๋วเครื่องบินเพื่อนบินไปหาคนรักแล้วทิ้งแผนการที่จะใช้เวลาครอบครัวเธอเองก็ทำไม่ได้ เสียงหวานเอ่ยอย่างเอาใจหลังจากที่ตัดสินใจได้ “งั้น….วันนี้เค้ายอมตามใจอปป้าอย่างนึงก็ได้อะ”

“ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ อปป้าก็รู้ว่าเค้าต้องไปงาน” ซอฮยอนค้านแทบจะทันทีที่ได้ยินความต้องการของอีกฝ่าย ในเมื่อเธอมีงานจะรับสายเขาตลอดเวลาได้อย่างไร เกิดเขาโทรมาตอนที่เธอกำลังอยู่ในห้องอัดหรือแย่ไปกว่านั้นคืออยู่ในงานเลี้ยงหรืออยู่กับแฟนๆเข้าแล้วเธอจะทำอย่างไร แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องยอมอ่อนตามใจเขาอย่างทุกครั้ง

 

 

ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมาริมถนนกลางมหานครแห่งหนึ่งของโลก เหล่าคนดังมากมายต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่งาน 2012 F/W Burberry Prorsum Women’s Collection Fashion Show ที่จัดขึ้นในพื้นที่ของ Kensington Garden ใจกลางกรุงลอนดอน หญิงสาวในชุดเดรสสีน้ำเงินเขียวประดับลวดลายสีส้มยืนอยู่ในหมู่วงล้อมของทั้งเพื่อนร่วมงานและแฟนๆที่ตามเธอมาจนถึงที่นี่ เธอพูดคุยและทักทายคนรอบข้างอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์คู่กายจะสั่นเรียกความสนใจของเธอไป มือเรียวบางยกโทรศัพท์สีดำขึ้นมา หญิงสาวส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นชื่อของคนที่อยู่ปลายสาย เธอว่าแล้วไม่มีผิดว่าเขาต้องโทรมาเวลาแบบนี้ แต่ถึงทำท่าอ่อนใจอย่างนั้น รอยยิ้มบางๆก็ยังคงเคลือบริมฝีปากบางนั่น

“อันยองค่ะอปป้า” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอยู่ในระดับหน้าพร้อมทำท่าทักทายอย่างน่ารักหลังจากสำรวจแล้วว่าไม่น่ามีแฟนคลับคนใดเห็นบุรุษปริศนาที่ video call เข้ามาคุยกับเธอ

“อากาศเย็นๆค่ะแต่มีแดด เค้าน่ะสบาย ใส่เดรสตัวนั้นที่ให้อปป้าเห็นรูปไงคะ มีก็แต่ทิฟฟานี่อนนี่ที่ใส่เดรสสั้นสู้อากาศหนาวอยู่คนเดียวนั่นแหละค่ะ” เธอตอบเค้าพร้อม หญิงสาวพูดคุยกับปลายสายเล็กน้อยพร้อมกับทำท่าน่ารัก คยูฮยอนทำให้เธอลืมไปเสียสิ้นว่าเธอกำลังคุยกับเขาในที่สาธารณะท่ามกลางแฟนคลับและคนจำนวนมากที่มาร่วมงานแฟชั่นโชว์

ถ้าไม่ใช่เพราะวันเกิดเขาเธอรับสายไม่ทันไปแค่อึดใจ วันนี้เธอคงไม่ต้องทำตามคนเอาแต่ใจที่บอกว่าให้รับ video call จากเขาทุกครั้งตลอดเวลาที่เธออยู่ที่ลอนดอน ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนและเวลาใด

…แต่อปป้าจะรู้บ้างไหม ถึงไม่มีข้อตกลงอะไร ยังไงเค้าก็อยากรับสายทุกสายของอปป้าอยู่ดี

 

 

 

Note :

* เป็นอินโทรของฟิควันเกิดซอฮยอนค่ะ .. อินโทรอะไรกันเนี่ย ไม่ได้เกี่ยวกันเลย – –  มีเกี่ยวกันนิดนึงคือเป็นเรื่องของวันเกิดของสองคนแล้วก็ในเรื่องวันเกิดซอจะใช้วิธีการเล่าประมาณนี้ล่ะค่ะ (ปล่อยให้งงว่าวิธีการเล่ายังไงต่อไป 555) <br>* ฟิควันเกิดอาจจะมี nc หรือไม่มีนะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน คือเขียนยังไม่ถึงและสมาธิยังไม่ถึงที่จะเขียนตอนนี้น่ะค่ะ เพราะตอนนี้กายหยาบจะแหลกสลายในต่างแดนแล้ว #น้ำตาไหลพราก

* ถ้ามีขึ้นมาก็อย่าคาดหวังนะคะ มันอาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้น – -”

* แปะไว้ก่อนแล้วจะมาแก้ format อีกทีนะคะ แพดไม่เอื้อแถมโค้ดที่มียังก่งก๊งอีก – -!

คนเราเมื่อถึงเวลาก็ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างทั้งที่ไม่อยากทำ
แต่จะทำยังไงได้ ก็คนมันคาใจนี่นา

 

ร่างสูงเดินหยิบผลิตภัณฑ์เสริมความงามชิ้นแล้วชิ้นเล่าขึ้นมาพลิกชิ้นแล้วชิ้นเล่า เขาไม่รู้หรอกว่าชิ้นไหนคืออะไร เพราะเครื่องสำอางของผู้หญิงนั้นมากมายจนเขางง ถ้าอาร่าไม่ได้บอกฝากซื้อของบางอยู่เขาคงไม่ได้เฉียดเข้ามาใช้เวลาอยู่ในเคาท์เตอร์เครื่องสำอางอย่างนี้

ช่วงนี้เขาและพี่ๆเมมเบอร์วง Super Junior เดินทางเป็นว่าเล่นเพราะตารางงานที่แสนชุกชุมจนแทบจะไม่ได้มีเวลาว่างให้หายใจ แม้แต่เธอเขาเองก็มีเวลาได้อยู่ด้วยน้อยเสียเหลือเกินแตกต่างจากช่วงปลายปีที่มักจะมีงานร่วมกันเสมอๆ เขารู้ว่าเทคโนโลยีช่วยเขาได้แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เหมือนกับพบเธอด้วยตัวเอง เขาอยากกอดอยากหอมร่างบอบบางนั่นให้หายคิดถึง .. เผื่อว่าพลังงานที่มันถดถอยไปเพราะการงานจะกลับเพิ่มเติมจนเต็มได้

มือหนาหยิบเครื่องสำอางสองสามชิ้นที่พนักงานขายบอกเขาว่าเป็นรุ่นที่อาร่าต้องการก่อนจะเหลือบไปเห็นผลิตภัณฑ์ที่แสนจะคุ้นตา เขาคิดไปถึงหญิงสาวคนที่เขาอยากอยู่ด้วยตลอดเวลาแล้วจึงหยิบกล่องเครื่องสำอางนั้นมาเพื่อไปจ่ายเงิน .. จะผิดอะไรที่เขาจะซื้อของเล็กๆน้อยๆไปฝากเธอบ้างทั้งๆที่รู้ว่าเธอเองก็คงจะมีและหาซื้อได้ไม่ยากนัก ในเมื่อเขาเคยเห็นเธอใช้เสมอ ซื้อของที่เธอใช้ย่อมดีกว่าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

…ซอฮยอน เธอต้องให้ของขวัญตอบแทนพี่บ้างแล้วล่ะที่คิดถึงเธอตลอดเวลาอย่างนี้

 

นิ้วหนาลากไปมาตามหน้าจอของเครื่องไอแพดที่เขามักจะใช้เสมอเพื่อติดตามข่าวสาร ใครจะรู้ว่าผู้ชายที่กุมหัวใจสาวๆมากมายจะปาวารณาตัวเองเป็น Seomate แฟนคลับตัวเอ้ของเธอไปอีกคน ดวงตาของชายหนุ่มกระตุกวูบ แววตาแห่งความไม่พอใจฉายชัดขึ้นมาวาววับเมื่อเห็นข่าวของเธอ เขารู้ว่ารุ่นน้องสองคนต้องไปทำภารกิจที่ต่างประเทศจนไม่สามารถมาเป็นพิธีกรร่วมกับซอฮยอนในรายการที่เธอเป็นพิธีกรประจำอยู่ได้ ซอฮยอนบอกเขาว่าฮโยยอนจะมารับหน้าที่เป็นพิธีกรร่วมกับเธอแทนทิฟฟานี่และแทยอน เท่านั้นเองที่เธอบอกเขา แต่ข่าวที่อยู่ตรงหน้าคือข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่าอดีตสามีของเธอในรายการจอง ยงฮวาจะมาทำหน้าที่พิธีกรร่วมกับเธอด้วย จาก MC HyoHyun เลยกลายเป็น MC YongSeo + Hyo ไปเสียอย่างนั้น! ไหนล่ะ MC HyoHyun ของเขา

คยูฮยอนได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ แม้เขายังคงติดต่อกับเธอทางข้อความและโทรศัพท์ แต่เธอก็ไม่ได้บอกอะไรกับเขา แถมเขายังคงต้องใช้เวลาอีกวันสองวันในปารีสเพื่อทำงานกับฮยอกแจ ไม่สามารถกลับไปหาเธอได้ในตอนนี้้เสียด้วย

“อปป้าคะ เป็นอะไร ทำไมอยู่ดีๆก็เงียบผิดปกติล่ะคะ” เสียงหวานถามขึ้นมาตามสาย “ไปปารีสทั้งทีไม่มีเรื่องมาเล่าให้เค้าฟังหน่อยเหรอ .. เมืองแห่งความรักเชียวน้า”

…ประโยชน์อะไรที่อยู่ในเมืองแห่งความรักโดยปราศจากคนรัก

“ไม่มีอะไรหรอกซอฮยอน คงเหนื่อยๆน่ะ” เขาตอบ แล้วความคิดบางอย่างจะแล่นเข้ามาในหัว “เธอล่ะ วันนี้ไม่มีเรื่องเล่าให้พี่ฟังหน่อยเหรอ”

“อืมมมม… ไม่มีนะคะอปป้า พรุ่งนี้เค้าก็มีงาน MC ตามปกติกับพี่ฮโยยอน แต่กะว่าจะไปที่ร้านเสริมสวยเช้าหน่อยเพราะอยากให้เค้าบำรุงผมให้ซักนิดน่ะค่ะ” เธอพูดเจื้อยแจ้วจนเขานึกภาพเธอออกว่าเธอคงกำลังอารมณ์ดี ช่างแตกต่างกับเขาราวกับฟ้ากับเหว “เราไม่ได้ไปทำสีผมมาซักพักแล้วนะคะอปป้า ไว้ว่างๆไปกันเนอะ แต่คราวหน้าอปป้าต้องให้เค้าเลือกสีนะ”

“ได้สิ” เขาตอบเธอไปสั้นๆแบบนั้น บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป ซอฮยอนหาสารพัดเรื่องมาเล่าให้เขาฟัง แต่ไม่มีที่จะพูดถึงเรื่่องรายการวันพรุ่งนี้ที่เธอจะถ่ายร่วมกับยงฮวาเลย ทั้งๆที่เธอไม่เคยมีความลับกับเขามาก่อน แต่ในวันนี้…ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างนั้นหรือ

…แค่เพราะเขายุ่งจนไม่มีเวลาให้เธออย่างนั้นหรือ

…ทั้งๆที่กลับไปเขาก็จะมีเวลาว่างให้ได้พักก่อนจะต้องไปเซี่ยงไฮ้แท้ๆ

 

คยูฮยอนกลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอย่างโรยรา เขาได้ดูคลิปรายการที่เธอไปออกกับยงฮวาด้วยความรู้สึกจี๊ดๆในใจจนพาลเอานอนไม่ค่อยจะหลับ ก็รู้ว่ามันเป็นสคริปต์รายการ แต่ก็พาลทำให้เขาหนวดกระดิกไม่น้อยเมื่อถึงตอนที่เห็นหนุ่มรุ่นน้องนั่นมาทำท่าหมาหยอกไก่ใส่ซอฮยอน

‘ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรักคืออะไร ความรักคืออะไรนะ’

‘ในความเห็นของผม การเขียนจดหมายสารภาพรักน่าจะดีที่สุดนะ เหมือนที่ผมเขียนจดหมายในรายการเมื่อสองปีที่แล้วไงจำได้ไหมว่าผมเขียนอะไรไปบ้าง’

‘ถ้าผมจะบอกเลิก ผมต้องทำมันแบบลูกผู้ชาย’

เขาดูคลิปรายการนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าโชคดีที่เธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรนอกเหนือไปจากคนทำงานร่วมกัน อาการที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้คงเพราะระยะทางที่ห่างไกลและเวลาที่น้อยลงทุกวันๆ เขาใช้เวลาอยู่กับเธอแทบจะเกือบทั้งหมดของเวลาว่างที่เขามี (หยั่งกับมีเยอะ) แต่มันก็ไม่ได้มากเท่าไรนักเพราะเขามีละครเวที Catch Me If You Can ที่ถึงจะแสดงอยู่แต่ยังคงต้องซ้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ระหว่างที่ใช้เวลาร่วมกับเธอ หญิงสาวไม่ได้ปริปากเกี่ยวกับเรื่องที่เธอเป็น MC ร่วมกันกับยงฮวาเลย เธอทำเหมือนไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้นอย่างนั้น แรกเริ่มเดิมทีเขาเองก็เกือบจะลืมมันไปจนกระทั่งเขาได้ฟังรายการ Kiss The Radio ที่เรียวอุคกับซองมินจัดโดยบังเอิญ

‘มีความรักอย่างลึกซึ้งแล้วก็เลิกรากันจนไม่สามารถนอนหลับได้ .. ประมาณว่าเป็นเรื่องของผู้ชายที่มีประสบการณ์เกี่ยวความรู้สึกแบบนี้น่ะครับ’

‘เราหย่ากันมาปีนึงแล้วครับ’

เขานิ่งคิด ความคิดของเขาในตอนนี้ตีกับยุ่งไปหมด หากสมองสามารถแฮงค์ได้เหมือนคอมพิวเตอร์ มันคงหยุดทำงานไปแล้วเพราะต้องประมวลผลมากเกินไป แต่สุดท้ายคยูฮยอนก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างไปในที่สุด

…เธอจะได้รู้บ้างว่าพี่รู้สึกอย่างไร

…จะได้รู้กันไปว่าเธอจะยังสนใจพี่อยู่บ้างไหม

 

ภาพคู่ของคยูฮยอนกับโหลว อี้เสี่ยวที่ถ่ายหลังเวทีคอนเสิร์ท Super Show 4 ที่เซี่ยงไฮ้ถูกเผยแพร่ออกไปในอินเตอร์เน็ต อันที่จริงซอฮยอนคงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอี้เสี่ยวมาชมคอนเสิร์ตตามที่เขาเคยชวนไว้ในรายการ เพราะแฟนแอคเคาท์ต่างๆมากมายก็สะพัดไปหมดเกี่ยวกับที่อีทึกแซวเขาบนเวทีว่าจะเลือกใครระหว่าง ELFs กับอี้เสี่ยว ซึ่งเขาก็หาทางตอบได้อย่างชาญฉลาดว่าเป็น ELFs .. เช่นเดิม ไร้การตอบสนองจากซอฮยอน แต่ครั้งนี้แปลกกว่าครั้งไหน ไม่มีโทรศัพท์หรือแม้แต่ข้อความจากเธอเลย

เขามองภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ค้างอยู่ หญิงสาวในชุดเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้นสีขาวนั่งอยู่บนเตียงหนา เธอดู….ทั้งบริสุทธ์และยั่วยวน แค่เพียงได้เห็นภาพเขายังรู้สึกกับเธอได้ขนาดนี้ เขาแพ้เสียแล้ว จากที่จะลองใจเธอโดยการถ่ายภาพกับอดีตเพื่อนร่วมงานกลับเป็นเขาเองที่อยากจะโทรกลับไปหาเธอทันทีที่เห็นภาพยนต์โฆษณานั่น

โป๊เกินไป เซ็กซี่เกินไป ทำไมไม่ปฏิเสธแล้วให้คนอื่นถ่ายแทน ทำไมต้องใส่เสื้อผ้าเปิดเผย ทำไมต้องทำหน้าตาท่าทางน่ารักอย่างนั้น เขาไม่เข้าใจ! คยูฮยอนเข้าใจแค่ว่าเขาหวง!!

มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อหาเธอแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ และยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ทั้งวัน เขาไม่ละความพยายาม คยูฮยอนต่อสายถึงเมมเบอร์คนอื่นๆทั้งฮโยยอน ยุนอา แทยอนไล่ไปจนครบทุกคนที่เขามีเบอร์โทรแต่ไร้การตอบรับ แตกต่างจากทุกครั้ง ดวงตาหนาเหลือบมองนาฬิกาข้างฝาที่บอกเวลาเข้าสู่วันใหม่ .. ดึกขนาดนี้ ถ้าฝืนโทรต่อไปคงไม่เหมาะ แถมเขายังต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางไปรับคังอินที่จะออกจากกรมในวันพรุ่งนี้เสียด้วย

“คยู เข้านอนได้แล้ว” เสียงดงเฮดังขึ้นเตือนเมื่อเห็นเขายังไม่หลับ “พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า”

ชายหนุ่มตัดสินใจทิ้งร่างลงบนเตียงหนา ปล่อยโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูจากมือไปอย่างหมดแรง นานเหลือเกินกว่าเขาจะข่มตาหลับลงได้

“เอาอย่างนั้นเหรอ จูฮยอน” ฮโยยอนถามมักเน่คนสวยอย่างลังเลในขณะที่โทรศัพท์ในมือดังไม่หยุด

“เอาอย่างนั้นนั่นแหละค่ะอนนี่” เธอตอบอย่่างหนักแน่น

ไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์อีกเครื่องก็ดังขึ้นโดยระบุปลายสายเป็นคนเดิม จากแทยอนเปลี่ยนไปเป็นเมมเบอร์คนอื่นทีละคน สาวๆได้แต่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำอย่างไร เวลามักเน่ของพวกเธอโกรธก็น่ากลัวไม่แพ้ใครเหมือนกันนั่นแหละ จนในที่สุดซอฮยอนพูดขึ้น “ถ้าอนนี่อยากรับก็รับนะคะ แต่ฉันไม่คุย”

“อ้าว!” เสียงอุทานดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน

“แล้วจะให้บอกเขาว่าอะไรล่ะจูฮยอน” แทยอนอาศัยความเป็นพี่ใหญ่ถามขึ้น

“ก็บอกอะไรก็เรื่องของอนนี่สิคะ อนนี่อยากรับเองนี่นา” เธอผุดลุกขึ้นเดินไปยังห้องนอนแล้วจึงหันหลังกลับมาอีกครั้งเพื่อทิ้งท้ายก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้อง “บอกว่าฉันอยู่กับยงฮวาอปป้าก็ได้ค่ะ .. ฝันดีนะคะอนนี่”

สาวๆมองน้องเล็กที่เดินหนีเสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่เลิกอยู่อย่างนั้น สงสัยคืนนี้พวกเธอคงต้องปิดเสียงโทรศัพท์เสียงแล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ต้องนอนกันหรอก

“อปป้าคะ ฉันฝากไปดูคยูฮยอนอปป้าทีนะคะ ท่าทางคืนนี้คยูอปป้าคงนอนดึก” เสียงใสของแทยอนส่งไปตามสายหารุ่นพี่เมมเบอร์คนนึงวงคู่บุญของพวกเธอ

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันดีของทั้ง Super Junior และ ELFs ที่ในที่สุดคังอินก็กลับมาหลังจากที่เกิดเรื่องวุ่นๆและตัดสินใจเข้ากรมไปเป็นเวลาสองปี พวกเขาต่างเฝ้าคอยการกลับมาของคังอินเพราะคังอินเลือกตัดสินใจฝึกอย่างทหารทั่วไป จึงมีโอกาสได้พบหน้าค่าตากันน้อยกว่าฮีซอล แม้คยูฮยอนจะตื่นมาอย่างไม่แจ่มใสนักแต่ทุกอย่างก็ดีขึ้นเมื่อพบหน้าพี่ชาย ถึงอย่างนั้นเขายังเฝ้าคิดถึงเธอที่หายเงียบไปตั้งแต่เมื่อวาน ติดต่ออย่างไรก็ไม่ได้

สมาชิก Super Junior ที่ว่างจากงานต่างก็มารวมตัวกันเพื่อรับคังอินออกจากกรมอยางอบอุ่น ภาพซึ้งๆของเหล่าสมาชิกทำให้เหล่า ELF ที่มารอรับน้ำตาคลอไปตามๆกัน รอยยิ้มกว้างจากหนุ่มๆที่ได้พบกับเพื่อนรัก พวกเขาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันอย่างไม่มีวันเบื่อ จนย่างก้าวเข้ามาในหอพักที่วันนี้เงียบจนผิดปรกติ

เสียงเฮฮาดังขึ้นเมื่อประตูปิดลง เยซองและชินดงยืนอยู่กลางห้องรายล้อมด้วยรุ่นน้อง SNSD และศิลปินคนอื่่นๆที่มีว่างในวันนั้น ทุกคนยิ้มกว้างอย่่างยินดีเพื่อต้อนรับรุ่นพี่คนสำคัญอีกคน คยูฮยอนแทบจะไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว สายตาของเขาตอนนี้จับจ้องอยู่ที่คนเพียงคนเดียว .. มักเน่ตลอดกาล เธอผู้เป็นที่รักของเขา ซอฮยอน

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านยองอุน งานนี้เป็นปาร์ตี้ของนาย พวกเราดีใจที่นายกลับมา” ลีทึกเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น ได้เพื่อนรักกลับมาจากกรมทั้งที วันดีๆแบบนี้ต้องฉลอง

ร่างสูงค่อยๆลดระยะห่างของเขามาหาเธอราวกับมีแรงดึงดูด คยูฮยอนถนัดการเข้าหาเธอแบบนี้ที่สุด น่าจะพอๆกับการร้องเพลงบัลลาดทีเดียว เพราะเขาใช้มันบ่อยๆเวลาที่มีงานร่วมกับรุ่นน้อง SNSD มือหนาคว้าเอาที่ข้อมือเธอพร้อมกับจับไว้แน่นเมื่อเห็นร่างสูงบอบบางนั้นทำท่าจะเดินเลี่ยงไป

“จะหนีไปไหน อยู่ข้างๆพี่นี่แหละ” เขาก้มลงไปกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูเธอ

“เป็นอะไรไป ทำไมไม่รับโทรศัพท์แถมยังหนีหน้ากันด้วย” เขาถามต่อเมื่อเห็นว่าไร้การตอบสนองจากคนข้างๆ

“แอบหนีไปเล่น CF อะไรก็ไม่รู้อีกต่างหาก” หญิงสาวยังคงนิ่งเฉย

“ไม่ตอบเหรอ จูบโชว์มันตรงนี้เลยดีไหม”

“อปป้า!” เธอร้องเสียงดังเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของชายหนุ่ม ใครจะรู้ว่าเขาอาจจะทำขึ้นมาจริงๆก็ได้ คยูฮยอนบ้าจี้ไม่น้อยหรอกเมื่อเป็นเรื่องของเธอ แถมยังอยู่ในสถานที่ที่มีแต่คนกันเองแบบนี้

สายตาของทุกคนต่างก็มองมาที่ซอฮยอนหลังจากได้ยินเสียงร้อง เธอและคยูฮยอนกลายเป็นจุดสนใจไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อปป้าคะ ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ ต่อไปเรามาพยายามด้วยกันนะคะ ช่วยเอ็นดูพวกเราเหมือนเดิมด้วยนะคะ~” เธอเอ่ยขึ้น แก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมีไหวพริบ

ถึงอย่างนั้นมีหรือพวกพี่ๆจะไม่รู้ สองมือที่ยังคงจับกันแน่นแม้หญิงสาวจะก้มตัวโค้งเพื่อแสดงความเคารพคังอินสร้างรอยยิ้มบางๆบนหน้าชาวครอบครัว SM ไม่น้อย

…คยูมันรักมันหวงของมันจริงๆ ทำเป็นงอนนิดงอนหน่อย สุดท้ายก็มาง้อเขาจนได้

 

ปาร์ตี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ทุกคนเริ่มสนุกสนานจนไม่มีใครสนใจใคร แทยอนหยอกล้อกับคังอินด้วยความคุ้นเคย นานมากแล้วที่ไม่ได้พบกันได้คุยเล่นกันอยางนี้ ยูริก็โดนแหย่เรื่องฉากจูบและเรื่องแข่งเรทติ้งกับยุนอาจนเป็นที่สนุกสนาน หนุ่มๆบางคนรื้อเกมวีออกมาเล่นแข่งกันเรียกเสียงเชียร์จากกองเชียร์ที่แบ่งเป็นสองฝ่าย คยูฮยอนเห็นจังหวะเหมาะจึงพาเธอแยกออกมาที่ห้องของเขา

“มีอะไรคะ อปป้า”

“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามพี่เลยว่าเธอเป็นอะไร ทำไมไม่โทรมา โทรไปก็ไม่รับสายไม่ตอบข้อความด้วย เรื่องของยงฮวาทำไมมันยังไม่จบซักที แล้ว CF นั่นอีก คืออะไร ทำไมถึงได้เซ็กซี่อย่างนั้น ทำไมไม่ปฏิเสธให้คนอื่นถ่ายแทน ทำไมต้องใส่เสื้อผ้าเปิดเผยแบบนั้น ใครให้ใส่ ทำไมต้องทำหน้าตาท่าทางน่ารักอย่างนั้น หา?” เขาถามคำถามยาวเป็นพรืดจนแทบจะไม่ได้หายใจ

เขามองคนที่ยืนหัวเราะคิกตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ คนรักของเขาแปลกไม่เหมือนใคร ไม่เว้นแม้กระท่ังตอนนี้ ตอนที่เขาหวงเธอน้อยใจเธอจนแทบบ้า แต่ที่เธอตอบกลับมาคือ…..หัวเราะอย่างชอบใจ

“เค้าไม่โทรมาก็เพราะเค้าโกรธที่อปป้าถ่ายรูปกับคุณอี้เสี่ยวประชดเค้า” ใช่เธอโกรธ ซอฮยอนโกรธจริงๆในตอนแรกเมื่อเห็นรูปเขากับอี้เสี่ยว แต่เพียงแค่เห็นหน้าเขา ได้ยินคำถามมากมายความโกรธก็หายวับไปกับตา เธออธิบายต่ออย่างใจเย็น “เค้ารู้อปป้าไม่ชอบเรื่องเค้ากับพี่ยงฮวาที่ยืดเยื้อไม่จบเสียที แต่อปป้าก็รู้ว่าเรื่องของเค้ากับพี่ยงฮวาไม่เคยมีจริง”

“เค้าอยากให้อปป้ารู้บ้างว่าอปป้าก็ไม่ได้รักเค้าอยู่แค่คนเดียว อะไรที่อปป้ารู้สึก เค้าเองก็รู้สึก เค้าไม่มั่นใจและอ่อนไหวเวลาที่เราห่างกัน แต่เค้ารู้ว่าความรักของเรามั่นคงกว่านั้น” เธอใช้นิ้วโป้งไล้เบาๆที่มือเข้าก่อนจับกระชับแน่นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเขา “เวลาของเราสองคนมีน้อยเหลือเกินในตอนนี้ แต่อนาคตจะมีแค่เราตลอดไปไม่ใช่เหรอคะอปป้า”

คยูฮยอนออกแรงดึงร่างน้อยที่จับอยู่เข้ามาในอ้อมกอด ได้ยินเธอพูดอย่างนี้มีหรือใครจะทนได้ .. เขาดีใจที่สุดที่ได้รู้ เขาเองอาจจะอ่อนไหวไปบ้างในบางครั้ง แต่ทุกครั้ง เขาก็กลับมารักหนักแน่นได้เหมือนเดิมเพราะเธอ บางทีอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“แต่เค้าก็ขอบคุณอปป้านะคะ”

“ขอบคุณเรื่องอะไรจูฮยอน” เขามองหน้าสวยที่มีรอยยิ้มฉายอยู่อย่างเป็นคำถาม

“ขอบคุณที่ถึงจะถ่ายรูปกับอดีตภรรยาแต่ก็ไม่มีสกินชิพเลย” เธอหัวเราะคิกอย่างน่ารักเมื่อจบประโยค

เป็นไงล่ะ ซอ จูฮยอน มักเน่นางฟ้าที่แสนน่ารักของทุกคน แต่ทำตัวแสนเกรียนเสมอเมื่ออยู่กับเขาสิน่า ให้ตายเถอะ! .. ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังน่ารัก

เขามองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่เปล่งประกายระยับ ชายหนุ่มค่อยๆลดระยะห่างระหว่างทั้งคู่จบริมฝีปากของเขาจรดลงที่ริมฝีปากสีชมพูนั่น คยูฮยอนมอบจูบที่แสนอ่อนโยนและเรียกร้องให้กับซอฮยอนจนเธอแทบจะลืมหายใจ

ก๊อก ก๊อก! 

“คยู ไปทำอะไรในห้อง ออกมาปาร์ตี้กันก่อนเร็ว” เสียงเรียกจากด้านนอกดังขึ้น

“กลับเข้าไปในงานกัน” เห็นทีเขาคงจะต้องกลับเข้าไปในงานอีกครั้งแม้จะอย่่างจูบเธออย่างนี้มากกว่าก็ตาม ชายหนุ่มจูบริมฝีปากบางสวยนั้นอีกครั้งพร้อมกับพูดเบาๆกับเธอก่อนจะพากลับเข้าไปในงาน ใบหน้าขาวใสขึ้นสีชมพูอย่างห้ามไม่ได้กับคำพูดของเขา

 

“แต่เรายังต้องเคลียร์กันเรื่อง CF นะคะที่รัก”

 

 

NOTE:

* ช่วงนี้อยู่โหมดนิ่งอึนและงานยุ่ง ความสามารถในการเขียนเรื่องน้อยลงจริงๆ แต่อะไรไม่รู้ดล อยู่ดีๆก็บิ้วท์มันขึ้นมาซะงั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็แฮปปี้มากเพราะระหว่างที่เขียนเรื่องนี้ได้ยินข่าวลือดีๆมา ทั้งๆที่เป็นข่าวลือแต่คนเราก็มีสิทธิ์หวัง…เนอะ 😀

* Welcome back, Kim Youngwoon! เค้าดีใจมากเลยล่ะ ตอนเห็นหมีคังเดินมากอดพี่ทึกถึงกับน้ำตาคลอ ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้วนะ It was not a good bye, cuz finally you are back after your long short journey 😀

* รีไรท์เบาๆ 18/04/12 คำผิดเยอะเหลือเกิน T^T

อะไรนะ ซอฮยอนไปงานวันเกิดจินอุน 2AM? แล้วเพลงรักของ CN BLUE นั่นอีก?!
แล้วผมล่ะ ผมน่ะ .. โจว คยูฮยอนก็น็อตหลุดเป็นนะคร้าบบบ

 

ภายในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีขาว หญิงสาวนั่งอยู่ในที่ข้างคนขับเหลือบมองร่างสูงที่อยู่หลังพวงมาลัย มือหนาจับพวงมาลัย สายตาจรดนิ่งที่ถนนเบื้องหน้า เขานิ่งเกินไป นิ่งจนผิดปกติ ถ้าเป็นอย่่างทุกครั้งคนอย่างโจว คยูฮยอนน่ะหรือจะปล่อยให้บรรยากาศเงียบได้ขนาดนี้ ชายหนุ่มยังคงมองตรงไปด้านหน้าแม้จะรู้ตัวว่าตกอยู่ภายใต้สายตาของใครบางคน .. ราวกับว่าเขาตั้งใจขับรถเสียเต็มประดา

“อปป้า” เธอเรียกเขา แต่ผลที่ได้คือความเงียบ ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เท่านั้นที่บอกให้เธอรู้ว่ายังมีการเคลื่อนไหว

“อปป้าคะ!” ยังคงไร้การตอบรับจากเขา ดวงตากลมสวยหรี่มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับอย่างประเมิน จนในที่สุดก็ยอมปล่อยให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เธอไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นอะไร ทั้งๆที่ตอนเช้ายังอารมณ์ดีอยู่เลยแท้ๆ แต่พอหลังจากอัดรายการ Radio Star ที่เขาเป็นพิธีกรประจำอยู่ก็อารมณ์แปรปรวนจนถึงตอนนี้ที่มาพบเธอ

…อยากจะงอนก็งอนแล้ว ไม่บอกกันแบบนี้ก็ไม่รู้จะง้อยังไง

คยูฮยอนหักเลี้ยวรถเข้าไปในหอพักย่านคังนัม เขาหยุดรถตรงที่จอดรถประจำก่อนจะพาร่างสูงเดินนำเธอไปยังห้องพักส่วนตัวที่เขาอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมวง เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่จับมือจูงพาเธอเดินด้วยซ้ำ หญิงสาวในร่างบอบบางได้แต่ทอดถอนใจกับคนรักที่อยู่ดีๆก็เกิดจะ’ติสท์แตกขึ้นมาซะอย่างนั้น

เธอเดินตามเขาเข้ามาในห้องพักอย่างเงียบๆ วันนี้หอพักของซูจูเงียบกว่าปรกติ พวกพี่ๆคงติดงานกันเลยไม่มีใครอยู่เลยซักคน .. ให้มันได้อย่างนี้! บทที่เธอต้องการตัวช่วยก็หายไปพร้อมกันหมด!! .. ซอฮยอนมองคนที่ทิ้งร่างบนโซฟาพร้อมกับถอนใจเบาๆ ร่างน้อยเดินแยกเข้าไปในห้องครัวขนาดเล็กเพื่อทำอาหารเย็นให้เขาอย่างที่เคยคุยกันไว้…ตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่เปลี่ยนเข้าเซฟโหมด

ชายหนุ่มมองคนที่เดินไปเดินมาในห้องครัวอย่างคุ้นเคย ภาพที่เขาชอบรองจากรอยยิ้มของเธอคงเป็นภาพเธอทำอาหารนี่ล่ะ มันทำให้เขาอบอุ่นทุกครั้งที่ได้มอง คนตัวเล็กเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉง ซอฮยอนไม่ใช่คนทำอาการรสเลิศล้ำเหมือนแด จังกึม แต่เธอใส่ใจในการทำ อาหารของเธอถึงได้อร่อย

…ถึงไม่อร่อย ก็อร่อยสำหรับโจว คยูฮยอนอยู่ดี

เขาเห็นร่างเล็กเดินถืออาหารส่งควันฉุยออกมาวางบนโต๊ะอาหารตัวยาว ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเต็มความสูงเพื่อช่วยเธอตั้งสำรับหลังจากหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองตั้งแต่ก่อนพบเธอจนตอนนี้ เขารู้สึกได้ว่าเธอขืนตัวเบาๆเมื่อเขาเอื้อมมือไปรับและสัมผัสมือนุ่มของเธอก่อนที่จะปล่อยให้เขานำอาหารไปจัดเรียง เขารู้เธอคงไม่พอใจเขาที่เอาบรรยากาศอึมครึมมาให้ทั้งๆที่เวลาจะพบกันก็แสนจะน้อยนิด

ทั้งสองทานอาหารท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบกันเท่านั้น ซอฮยอนมองคนตรงหน้าที่เป็นต้นเหตุของบรรยากาศมาคุ นั่งทานข้าวกันสองคนบนโต๊ะกว้าง แถมเขายังมาทำท่าอย่างนี้ บอกว่าเธอทานข้าวกับหุ่นยังน่าเชื่อซะกว่า สุดท้ายหญิงสาวก็อดรนทนไม่ได้ต้องร้องถามออกมาในที่สุด

“อปป้า~ เป็นอะไรไปคะ”

“เปล่านี่” เขาตอบเสียงเรียบ

“ถึงเค้าไม่ได้ฉลาด แต่เค้าก็ไม่ได้โง่นะ” เธอแย้งพร้อมกับมองสบตาเขาอย่างต้องการหาคำตอบ

…ดูเอาเถอะคนเรา ทำหน้าเป็นตูดได้ขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าเปล่า

“ไม่มีอะไร” ดวงตาสีน้ำตาลเลี่ยงมองอาหารตรงหน้าแล้วตักใส่จานของเธอ “กินดีกว่า กิน กิน”

ไม่มีคำพูดใดอีกเลยระหว่างมื้ออาหารนั้น จนทานอาหารเสร็จพ่อหนุ่มแสนงอนช่วยเธอล้างจานทำความสะอาดครัวแล้วก็เดินกลับไปทิ้งตัวลงบนโซฟาเช่นเดิม ไม่มีการเล่นเกมหรือดูละครเหมือนปกติ เธอรู้เขามีอะไรบางอย่างในใจ….แต่ไม่ยอมบอกเธอ

 

 

“ในวันเกิดครบรอบอายุ 21 ปีของจินอุน มีคนดังมาร่วมงานวันเกิดหลายคนเลยครับ” ชางมิน 2AM หนึ่งในศิลปินรับเชิญในรายการ Radio Star วันนี้เอ่ยขึ้นก่อนจะไล่ชื่อคนดังมาทีละคนทีละคน

“รุ่นพี่โอ จีฮวาน” 

“SHINee”

“FT Island”

“Kara”

“Miss A” 

“ซอฮยอนนี่” ใครบางคนใน 2AM เอ่ยขึ้นก่อนจะมีคนพูดตามอย่างกับเป็นเสียงสะท้อน “SNSD” “SNSD ซอฮยอนนี่” 

“โอ้……” เขาหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อเธอ นี่เธอแอบไปตั้งแต่เมื่อไรกัน อันที่จริงแล้วเขาไม่รู้หรอกว่่าวันเกิดไอ้เจ้ารุ่นน้องตัวสูงที่ปฏิญาณตนว่าเป็นแฟนคลับตัวเอ้ Seomate ตัวพ่อของเธอนี่มันวันไหนกัน รู้แต่ว่าเคือง!

 

 

เขายกมือขึ้นยีผมสีน้ำตาลอย่างขัดใจ โชคดีเหลือเกินที่ตอนนั้นกล้องตัดชั้บไปที่คิม กูราและพิธีกรท่านอื่นเหมือนกับจะรู้ว่าเขากำลังเข้าเซฟโหมด

…เรียกซอฮยอนนี่งั้นเรอะ!

…แล้วไปงานวันเกิดอะไรตั้งแต่เมื่อไรกัน

…พระเจ้า ผมกลายเป็นคนขี้หึงไปซะแล้ว

ซอฮยอนปล่อยคนที่ออกอาการฟึดฟัดให้อยู่ในภาวะขัดใจอยู่อย่างนั้น เธอจะทำอะไรได้มากกว่านี้ในเมื่อเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นอะไร หญิงสาวลุกขึ้นไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าก่อนจะแกะมันออกดู มือเรียวบางหยิบแผ่นซีดีที่อยู่ในกล่องออกมาลองเปิดฟัง

เสียงเพลงจังหวะหนักแน่นดังขึ้น อินโทรของไม่ค่อยคุ้นสำหรับเขาเท่าไร .. น่าแปลก ทั้งๆที่เขาเป็นพิธีกรรายการเพลงแท้ๆยังไม่รู้ว่ามันเป็นเพลงอะไร บางทีอาจจะเป็นเพลงใหม่หรือไม่ใช่เพลงโปรโมตก็เป็นได้

You’’re my love
เธอที่รักของผม..

긴 밤을 잠 못 이룬다
คืนนี้ผมนอนไม่หลับ

그린다 또 난 난 난 난 오늘도 눈물 참아본다
คิดถึงคุณอีกแล้ว, วันนี้ ผมต้องพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

한 숨 쉬어본다 You’’re my love
ได้แต่ถอนหายใจออกมา, เธอที่รักของผม

เสียงทุ้มของนักร้องชายในเพลงขับขานเข้ากับท่วงทำนองเพลงช้าแต่เสียงเครื่องดนตรีหนักแน่นเป็นเอกลักษณ์ของวง เขาพอจะรู้แล้วว่าเป็นเพลงของใคร คยูฮยอน แทบจะทึ้งผมตัวเองแล้วลงไปนอนดิ้นอยู่ที่พื้น

…ว้ากกก นี่มันอะไร นี่มันอะไร นี่มันอะไร!!

Stabirabirapststabira love you love you love you my love
Stabirabi rapststabira, รักเธอ รักเธอ รักเธอนะที่รัก
Stabirabirapststabira I want your love
Stabirabi rapststabira ผมต้องการความรักจากคุณ

“เพลงเพราะดีนะคะ อปป้า” เธอเอ่ยหลังพร้อมกับหันหน้ามามองเขา หญิงสาวขยับตัวเล็กๆไปตามจังหวะเพลงที่ยังคงดำเนินต่อไป

…ก็เพราะแหละ แต่ไม่ชอบ!

…จูฮยอนของผมมาเปิดเพลงรักของชายอื่นอย่างนี้ 

…แถมเนื้อเพลงก็ชวนให้คิดขนาดนี้

…ใครจะชอบเล่า!

아픈 사랑아 ~~!
ความรักที่เจ็บปวดของผม ~~!

“อปป้า! อะไรกันคะ!” ซอฮยอนร้องโวยวายเมื่อคนที่ทำนิ่งอยู่ตั้งนานลุกขึ้นพรึ่บขึ้นหยิบรีโมทกดหยุดเพลงโดยไม่ปล่อยให้จนท่อน เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาต้องการอะไร พูดก็ไม่พูด นั่งเงียบกริบ พอเธอเปิดเพลงเพราะทนความเงียบไม่ไหวก็มาปิดเพลงของเธอ .. บทโจว คยูฮยอนจะป่วง เขาก็ป่วงโลกแตกได้เหมือนกัน

“Still in Love เหรอ ยังรักกันอยู่หรือยังไงถึงฟังน่ะ”

“แล้วไปงานวันเกิดอะไรไม่เห็นบอกกันเลย!”

“คบกันแล้วมาทำอย่างงี้อย่าคบกันเลยดีกว่า!”

ชายหนุ่มโวยเอาสิ่งที่อยู่ในใจออกมากประโยคแล้วประโยคเล่าจบแทบจะไม่เว้นวรรค ไฟที่กรุ่นๆที่ถูกจุดโดยหนุ่มๆตีสองถูกราดด้วยน้ำมันตราผู้ชายวงฟ้าจนแทบจะเผาไหม้ใจของเขาได้แล้ว

“ย่าห์ โจว คยูฮยอน!” เธอร้องเสียงดังทันทีที่ได้ยินคำพูดหลุดปากจากชายหนุ่ม “พูดอย่างงี้ได้ยังไงคะ เรื่องแบบนี้อปป้าพูดแค่เพราะโกรธเค้าเรื่องเล็กๆพวกนี้น่ะเหรอ”

“งานวันเกิดจินอุนมันตั้งนานมาแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนที่เราจะไปนิวยอร์คด้วยซ้ำ แถมเค้าก็บอกอปป้าแล้วว่าจะไป นิโคล ฮาร่า มินโฮก็ไปกัน” เธอรัวคำพูดเป็นชุด นึกเคืองอยู่เหมือนกันว่าอยู่ดีๆก็มาโกรธขึ้งกันด้วยเรื่องที่เธอไม่ผิด

 

 

“อปป้าเค้างานวันเกิดเพื่อนนะคะ” เธอบอกเขาเป็นเชิงบอกเล่ามากกว่าจะขออนุญาติ “พี่คะ งานวันเกิดจินอุน 91-liners ถือว่าเป็นนัดรวมตัวไปเลย เค้าว่างพอดี เค้าไปนะ”

คยูฮยอนเพียงรับคำก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่องอื่น แม้จะทำเหมือนไม่สนใจ แต่เพียงแค่ลับตาหญิงสาวไปเท่านั้นมือหนาก็คว้าโทรศัพท์ในมือขึ้นมากดหาเพื่อนสนิท “มินโฮ แกว่างหรือเปล่่า .. เสร็จแล้วรีบไปงานวันเกิดกับซอฮยอนเลยนะ”

 

 

“แล้วก็เพลงนั่นน่ะมันเกี่ยวอะไรกับเค้ากันเล่า” เสียงโอดครวญของเธอดึงเขากลับมาจากภาพในอดีตที่อยู่ดีๆก็นึกขึ้นมาได้

“อดีตสามีแต่งให้ไม่ใช่หรือไงเล่า” คยูฮยอนยังคงไม่ยอมแพ้ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองทำเกินกว่าเหตุไปในเรื่องของจินอุน! แต่เรื่องนี้เขาไม่ได้เกิดกว่าเหตุซักหน่อย!

“แล้วเค้าบอกหรือไงว่าแต่งให้ซอฮยอนน่ะ มันมีชื่อเค้าอยู่ในนั้นหรือไง ถึงยงฮวาอปป้าจะแต่งเพลงนั้นให้เค้าจริงแล้วยังไง เค้าต้องรักยงฮวาอปป้าหรือไง” ซอฮยอนกลายเป็นซอฮยอน The Rapper ไปทันทีเมื่อเขายังคงไม่ยอมแพ้ เธอแสดงให้เห็นอีกด้านของเธอเวลาที่เธอฉุนขาด “อปป้าก็รู้มาตลอดว่าเค้าเป็นยังไง ทำไมต้องไม่ไว้ใจกันด้วย”

“ก็คนเชียร์เธอสองคนกันเยอะเหลือเกินนี่” ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างแรง ทำหน้าง้ำเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น

“แล้วยังไงคะ เค้าต้องชอบยงฮวาอปป้าเพราะมีคนเชียร์เยอะหรือยังไง”

“เค้าต้องทำยังไงอปป้าถึงจะเชื่อ อยู่ดีๆมาไม่ไว้ใจกันแบบนี้ทั้งๆที่เค้าไม่ทันทำอะไรเลย”

“นอนน้อยหรือเปล่าถึงได้พาลขนาดนี้ พาลต่อไปเถอะ เค้าไม่อยากอยู่กับคนขี้หงุดหงิด” หญิงสาวพูดรัวแบบแทบจะไม่เว้นวรรคหายใจ มือเรียวบางหยิบกระเป๋าขึ้นพาดบ่าพร้อมกับเอ่ยประโยคที่เหมือนกับจะหยุดโลกได้ “วันนี้เค้าไม่ไปส่งที่แอร์พอร์ทนะคะ”

“อ้าว ไหงสัญญากันไว้ไง จูฮยอน-อาห์” เขาร้อนรนทันทีเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายที่เธอทิ้งท้าย ซอฮยอนสัญญาว่าเธอจะไปส่งเขาที่สนามบินโดยการนั่งรถไปกับรถบริษัทที่ไปส่ง Super Junior แต่นั่นคือก่อนที่เขาจะเข้าโหมดเหวี่ยงวึนใส่เธอ

สุดท้ายเขาก็มานั่งหน้าง่วงอยู่ข้างๆซีวอนแทนที่จะได้นั่งออดอ้อนแฟนที่รักอย่างเธอ หลังจากที่เธอเดินจากไปพร้อมคำขู่ว่าจะไม่ไปส่งที่สนามบิน คยูฮยอนก็รีบคว้าตัวเธอด้วยความเร็วไวแสง เขาทั้งขอโทษทั้งง้อเธอจนไม่รู้จะทำยังไงแต่เธอก็ยังใจแข็ง หญิงสาวบอกว่าเธอไม่ได้โกรธ “…แต่อปป้าสมควรโดนลงโทษบ้าง ข้อหาไม่ไว้ใจเค้า” เธอบอกอย่างนั้น ยังไม่ได้ทันได้คืนดีเป็นเรื่องเป็นราวก็ถึงเวลาที่เขาต้องออกเดินทางเสียก่อน

…โจว คยูฮยอน พาโบ!

เขาไม่สบายใจเท่าไรนักเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทะเลาะแล้วไม่ได้พูดคุยกันจนเข้าใจจริงก่อนจะแยกกันไปคนละประเทศอย่างนี้ จริงอยู่เขาโทรศัพท์คุยกับเธอหลังจากนั้นจนเข้าใจกันดีแต่มันก็ไม่เหมือนกับการปรับความเข้าใจกันแบบพบกันตัวต่อตัว อย่างนั้นเขายังได้กอดเธอ ได้ลูบศรีษะเธออย่างที่อยากจะทำ อารมณ์ตอนนี้ของเขาเหมือนเข้าใจแต่ไม่สุด ขึ้นสวรรค์แต่ไม่ถึงชั้นเจ็ด อะไรประมาณนั้น

คยูฮยอนเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยและมีงานที่ทำให้ต้องอยู่ต่อหลังจากนั้น ไม่สามารถกลับเกาหลีได้ทันทีอย่างพี่ๆของเขา ถึงอย่างนั้น เมื่อเท้าแตะประเทศบ้านเกิดเข้าก็รีบไปพบเธอทันที .. ก่อนที่เธอจะต้องไปต่างประเทศเพื่อแสดงคอนเสิร์ตบ้าง

“ซอฮยอน-อาห์ อปป้าว่าเราตั้งกฎของคู่เราดีไหม” เขาพูดขึ้นระหว่างที่นั่งกุมมือเล็กๆอยู่ มืออีกข้างจิ้มไอแพดบนหน้าตักอย่างเพลิดเพลิน

…สุขกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว อยู่กับซอฮยอน ได้เล่นเกมวาดอะไรซักอย่าง*

“กฎเลยเหรอคะ” เธอเอียงคอถาม หลายวันมานี่ที่ต้องแยกกันไปทำให้เธอคิดอะไรได้หลายๆ ยิ่งได้คุยกับเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเยาว์อย่างลี ฮวานฮีแล้วเธอยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรจะหงุดหงิดใส่เขากลับไป คยูฮยอนอปป้าก็คนคนนึง จะสามารถเข้าใจอะไรตลอดได้อย่างไร ยังไงก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างประสาคนรักกัน วันที่เขาน้อยใจเธอควรจะเข้าใจเขาแทนที่จะโต้เถียงด้วยเหตุผลสารพัดอย่างนี้ เธอควรทำอย่างเขา .. ให้ความมั่นใจเธอด้วยอ้อมอกอุ่น

“กฎข้อแรก ถ้าห้ามเดินทางทั้งๆที่ทะเลาะกัน ให้เคลียร์กันให้รู้เรื่องภายในวันนั้น” เขาเสนอด้วยสายตาเป็นประกาย ภูมิใจสุดๆกับความคิดของตัวเอง

“กฎข้อที่สอง ห้ามหึงด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างงี้ได้ไหมคะ” เธอมองหน้าเขายิ้มๆ ซอฮยอนได้นิสัยนี้มาจากเขาเต็มๆ ตอบโต้ด้วยการจิกกัดแต่มันดูน่ารักมากในสายตาของเขา

“ก็คนมันรักมันหวงอ่ะ” เขาตอบงุบงิบเมื่อโดนเธอจี้จุดเข้าอย่างจัง

“งั้นก็เอาเป็น….กฎข้อที่สอง ต้องบอกรักเค้าทุกวัน” เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้เขาอย่างน่ารัก “ได้ไหมคะ”

“ได้สิ จะได้บอกมากกว่าวันละครั้งยังได้เลย”

 

 

 

NOTE:

* เกมวาดอะไรซักอย่าง คือ เกม DrawSomething เกมฮิตในหมู่ผู้ต้องการโชว์ความสามารถทางศิลปะ -_-”

* ขอโทษแฟนคลับเด็กผู้ชายวงฟ้าและหนุ่มๆตีสองนะคะที่ต้องพาดพิงเบาๆ เราเอ็นดูเด็กๆนะคะ แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องมีจุดที่เค้าสองคนทะเลาะกันนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ดันมีโมเมนต์พวกนี้เป๊ะพอดีื ขอโทษนะคะ #โค้งอย่างงาม

* ลังเลจริงๆตอนเขียนเรื่องนี้ พอดีดูคลิปบางคลิปก็บอกว่าน้องไปงานวันเกิดจินอุนแต่บางคลิปแปลเป็นส่งคลิปไปอวยพร ทำเอางงแตกเพราะไดอาล็อกอาจมีเปลี่ยนกันเลยทีเดียว แต่สุดท้ายเลือกไปงานวันเกิดค่ะ .. น่าจะพอเหมาะให้จุดประกายไฟได้ แล้วก็ส่วนใหญ่หัวข้อข่าวเป็นไปงานวันเกิดเลยออกมาเป็นอย่างนี้แหละค่ะ

* สงสัยใช่ไหมน้องซอได้ซีดีมาได้ยังไง เค้าคิดไว้แล้วล่ะแต่ไม่บอก 55 .. แต่ไม่ได้แอบไปเจอพี่ยงฮวาแน่ๆค่ะ คยูไลน์เค้าฝากมาให้ตากี้ตะหาก

* เพราะข้อจำกัดของบล็อคหรือของเราเองทำให้ใส่สีอ่อนไม่ได้ในส่วนที่เป็นความคิด/ย้อนอดีต แต่ทำให้เป็นตัวเอียงๆเพื่อจะได้งงน้อยลงนะคะ ^^”

เพราะรายการนั้นแท้ๆที่ทำให้เขาไม่มั่นใจ
ในเมื่อใครๆต่างก็บอกว่าเธอคล้ายกับผู้หญิงอีกคน … คนที่พี่ชายของเขาสนใจ

 

ในห้องนอนที่ยังคงเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือระเกะระกะกระจายอยู่รอบเตียง โจว คยูฮยอนค่อยๆรู้สึกตัวตื่นจากความฝันช้าๆ เขาได้ยินเสียงโทรทัศน์แว่วมาจากด้านนอกก่อนจะได้ยินเสียงคุ้นหูที่ทำให้เขาประหลาดใจ

“อปป้า คุณอึนซอเค้าเหมือนฉันจริงๆเหรอคะ”

“อืมม .. ก็เหมือนอยู่นะแต่ไม่เหมือนไปซะทั้งหมดหรอก”

เขาได้ยินเสียงชายหนุ่มอีกคนตอบเธอ เขาค่อยๆขุดตัวเองออกจากที่นอนนุ่มออกมายังห้องนั่งเล่นเพื่อไขข้อข้องใจ คนเพิ่งตื่นนอนหยุดอยู่ที่หน้าประตูมองดูพี่ร่วมวงและคนรักของเขาจากด้านหลัง ทั้งสองนั่งดูรายการโทรทัศน์ด้วยกันอย่างอารมณ์ดี รายการนั้น…รายการแต่งงานสมมติที่พวกเขาไปออกเป็นตอน blind date ไม่รู้ว่าสองคนนั้นอยู่อารมณ์ไหนกันมานั่งดูกันสองคนแบบนี้ทั้งๆที่รายการก็ออกอากาศไปซักพักแล้ว

“อปป้าดูชอบเธอจริงๆเลยนะคะ”

“ก็แล้วชอบมันเล่นๆได้ด้วยเหรอจูฮยอน-อาห์” ดงเฮตอบเธอพร้อมกับหันหน้ามามอง มือหนาบีบจมูกรั้นของเธออย่างหมั่นเขี้ยวจนคนตัวเล็กกว่าโวยวาย

“ดงเฮอปป้า~!”

หญิงสาวทำหน้างออย่างเอาแต่ใจที่ใครๆก็รู้ว่าเธอจะมีอาการแบบนี้กับคนสนิทเท่านั้น คนขี้หวงที่ยืนมองภาพความสนิทสนมคุ้นเคยของสองคนจนเริ่มจะทนเงียบไม่ไหวต้องออกมาแสดงตัว

“อ้าว อปป้า .. สวัสดีค่ะ” “ไง คยูฮยอน .. ตื่นแล้วเหรอ” สองเสียงทักขึ้นพร้อมกันอย่างแจ่มใสต่างจากอีกคนที่หน้ายุ่ง ทั้งมึนขี้ตาทั้งลมหึงตีปนกันไปหมด

“เปล่า นี่ละเมอ” เขาตอบหน้าตายก่อนจะเดินลงไปทิ้งตัวนั่งข้างๆหญิงสาวแล้วพิงศรีษะลงบนไหล่เธอทั้งอยากอ้อนและต้องการแสดงความเป็นเจ้าของในที

“มีซุนดุบุจิเกะที่ซอฮยอนทำไว้แน่ะ กินสิ” ดงเฮเอ่ยขึ้นในขณะที่คยูฮยอนขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย ซุนดุบุชิเกะไม่ใช่ของโปรดเขาซักหน่อย นั่นมันของโปรดดงเฮต่างหาก

…เอาใจคนอื่นแบบนี้ เดี๋ยวปั๊ดน้อยใจซะเลยนี่

“ของโปรดอปป้าเค้าทำบ่อยแล้วก็เลยทำของโปรดคนอื่นบ้างสิคะ แถมเต้าหู้ก็ดีกับสุขภาพด้วย” เสียงหวานๆของเธอเอ่ยเจื้อยแจ้วเหมือนรู้คำค่อนขอดในใจเขา มือเรียวเล็กดันร่างของเขาให้ลุกขึ้นกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งพร้อมกับว่า “ไปอาบน้ำก่อนเลยค่ะแล้วค่อยมากิน เดี๋ยวเค้าอุ่นให้”

เขาได้ยินเสียงหัวเราะใสของเธอกับดงเฮดังแว่วมาจากในครัว เขารู้ว่าพี่ชายคงยอมหยุดดูรายการเพื่อมาทำหน้าที่เป็นลูกมือของซอฮยอนในการทำอาหารเป็นแน่

…ร้อยวันพันปีเคยทำที่ไหน

จนเมื่อเขาเดินออกมาร่างบางนั้นก็เดินยกถาดอาหารที่พร้อมไปด้วยข้าวและซุนดุบุชิเกะร้อนๆชามโตมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์อย่างรู้ใจ คยูฮยอนมองอาหารที่ส่งควันฉุยแลดูน่ารับประทานตรงหน้า มือก็คว้าช้อนและตะเกียบมากินอย่างเอร็ดอร่อย

“อปป้าเอาอีกไหมคะ” ซอฮยอนถามขึ้น เปล่า… เธอไม่ได้ถามเขาเพราะเขายังกินไปได้แค่ไม่กี่คำ เธอถามดงเฮคนที่โปรดปรานซุนดุบุชิเกะคนนั้นต่างหาก

“ไม่ล่ะ เมื่อกี้กินไปยังไม่หายอิ่มเลย จูฮยอน” ดงเฮตอบพร้อมกับลูบท้องทำท่าอิ้มแปล้เพื่อยืนยัน มือหนานั้นหยิบรีโมทคอนโทรลสีขาวขึ้นมากดสั่งการไปยังเครื่อง Apple TV ให้เล่นต่อ

คยูฮยอนมองคนตรงหน้าอย่างข้องใจ ดวงตากลมโตของเธอที่เปล่งประกายใสราวกับเพชรน้ำงามจับจ้องอยู่จอโทรทัศน์แทบไม่กระพริบ เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆตลอดทั้งรายการ เธอหัวเราะตอนที่ทุกๆคนแกล้งเขาช่วงโชว์ความสามารถเพื่อจับใจสาวๆ และหัวเราะหนักกว่านั้นเมื่อเห็นท่าทางของเขาตอนจับมือกับคู่เดทแบบเก้ๆกังๆ ยิ่งตอนที่คู่เดทในรายการบอกว่าชอบจงฮยอนวง SHINee นั่นซอฮยอนถึงกับตบมือหัวเราะอย่างอารมณ์ดี นอกจากเธอจะดูเขาอย่างแฮปปี้ดี๊ด๊าแล้วเธอยังดูจะสนุกไปกับการดูพี่ๆคนอื่นในรายการด้วยโดยเฉพาะดงเฮ เธอทั้งหยอกเย้าเพื่อน(พี่)ร่วมวงของเขาสารพัดจะหามาแซวจนดงเฮหน้าแดงเถือกไปหมด

“ตอน blind date แบบนี้ดูสนุกดีนะคะ” ซอฮยอนพูดเมื่อรายการจบลง ไม่วายแสดงความเห็นกับรายการ “แต่คุณเชน่าเธอคงตกใจนะคะที่ฮยอกแจอปป้าทำแบบนั้น ไม่ได้เตี๊ยมกับเธอไว้ก่อนแบบนี้เธอคงหมดความมั่นใจน่าดู .. น่าตีจริงๆเลย”

คยูฮยอนตอนนี้ทั้งงงทั้งสับสน ปฏิกิริยาของคนรักไม่เหมือนกับที่เขาคาดคิดไว้เลยแม้แต่น้อย เธอดูสนุก…สนุกเกินไปจนเขานึกหวั่นใจว่าเธอจะเก็บความไม่สบายใจเอาไว้ เพราะมันช่างแตกต่างจากตอนที่เธอดูรายการตอนพิเศษที่เขาถ่ายกับดาราจีนคนนั้น หรือเป็นเพราะเธอดันได้ดูรายการนั้นก่อนที่จะดูรายการนี้เลยมีภูมิต้านทานสูง หรือไม่เธอก็อาจจะไร้ความรู้สึกไปเสียแล้ว ดวงตาคมปลาบเลื่อนไปมองนิ่งอยู่ที่คนที่เป็นเสมือนพี่ชาย ดงเฮนั่งอยู่ข้างๆซอฮยอน เขาแหย่เธออย่างอารมณ์ดี แล้วยังดวงตานั่นอีกล่ะ

…หรือฮยองจะชอบซอฮยอน 

สมองอันปราดเปรื่องของคยูฮยอนวิเคราะห์เท่าที่ข้อมูลจะพอมี ในเมื่อดงเฮฮยองชอบซน อึนซอตั้งแต่แรกเห็นและใครๆก็ทราบกันว่าซน อึนซอได้ชื่อว่าคล้ายซอฮยอนเขา ตั้งแต่คนสนิท พิธีรายการ ไปจนถึงแฟนๆต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ยิ่งคิดถึงปฏิกิริยาของดงเฮที่มีต่ออึนซอในรายการ ความเป็นไปได้ยิ่งพุ่งพรวดจนเขากลัว

…แถมซอฮยอนกับดงเฮก็สนิทกันซะขนาดนั้น วันนี้ยังทำซุนดุบุชิเกะเอาใจกันอีก

คยูฮยอนเก็บความสงสัยของเขาเอาไว้จนเมื่อไปส่งซอฮยอนเสร็จแล้วกลับมาเลยจึงเปิดบทสนทนากับชายรุ่นพี่อย่างเปิดใจ

“พี่ชอบซอฮยอนเหรอ”

“ถ้าฉันชอบนายจะทำไม จะยกให้งั้นเหรอ” ดงเฮสวนอย่างไม่ยอม ทำเอาอีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป คยูฮยอนรักซอฮยอนเกินกว่าจะสามารถยกเธอให้กับใครได้ หากแต่เขาก็รักดงเฮด้วยเช่นกัน คำถามแบบนั้น…เขาเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง

“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันชอบเธอ” คนเป็นพี่เอ่ยถามด้วยท่าทีที่อ่อนลงเมื่อเห็นอาการของน้องชาย

“ก็พี่ชอบคุณอึนซอ แล้วอึนซอก็เหมือนซอฮยอนนี่นี่นา”

“แล้วนายว่าพวกเธอเหมือนกันไหม” ดงเฮตอบคำถามของมักเน่ด้วยคำถาม

ร่างสูงกว่านิ่งคิด สำหรับคยูฮยอนแล้วเขาตอบได้โดยไม่ต้องทันทีว่าคล้ายแต่ยังไงก็ไม่เหมือน ซอฮยอนมีความเป็นเด็กไร้เดียงสาและมีบุคลิกแสนจะเป็นเอกลักษณ์ ขนาดใครๆบอกว่ายุนอา ยูริ และซอฮยอนเหมือนกันอย่างกับแฝดสามเขาเองค้านหัวชนฝา .. ที่สำคัญ ไม่ว่าซอฮยอนจะเหมือนใครแค่ไหน เขาสามารถแยกเธอออกมาจากคนอื่นได้แม้มองจากไกลๆ

…หรืออาจเป็นเพราะดวงตาของคนเรามักมองแค่คนที่เรารักและสามารถแยกเธอออกมาจากคนทั่วไปได้เสมอ?

“ก็คล้ายๆแต่ไม่เหมือน สำหรับผมซอฮยอนมีคนเดียว” คยูฮยอนตอบ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองจ้องลึกไปในดวงตาของอีกฝ่าย

“ฉันก็คิดเหมือนนาย ซอฮยอนมีคนเดียวเหมือนกับที่อึนซอก็มีแค่คนเดียว สำหรับฉันซอฮยอนเป็นน้องสาวที่น่ารักและจะเป็นตลอดไป” ดงเฮตอบ เขายื่นมือหนาไปยีผมของคนที่สูงกว่าอย่างหมั่นเขี้ยว “อะไรกัน กับฉันนายยังหึงยังหวงอีกเหรอไง ฉันน่ะเห็นเธอมาตั้งแต่เด็กเลยด้วยซ้ำนะ”

เหมือนยกโลกทั้งใบออกจากบ่า คยูฮยอนโล่งใจที่ได้ยินคำตอบของพี่คนสนิท แต่เขารู้ตัวว่าเขาพลาดอีกแล้ว .. เขาพลาดแสดงจุดอ่อนให้คนอื่นเห็นเหมือนทุกครั้งที่เรื่องนั้นเกี่ยวกับซอฮยอน

“เหอะน่า อย่าพูดมากได้ป่ะ” มักเน่ตัวร้ายแกล้งทำท่าหงุดหงิดเพื่อเบี่ยงประเด็นก่อนจะพูดอย่างมั่นใจ “ก็แค่ไม่อยากให้เสียใจหรอกน่า ยังไงซอฮยอนก็ไม่มีทางรักคนอื่นนอกจากผม”

ดงเฮมองคนตรงหน้าที่อยู่ดีๆความมั่นใจก็พุ่งสุดปรอทอย่างนึกขัน

…ไอ่เกียมเอ้ย ถ้าเป็นเมื่อเช้านายจะกล้าพูดแบบนี้ไหม

…อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้ว่าแกนอยแค่ไหน

*******

 

ร่างสูงบอบบางของหญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูด้านในสุดของชั้น 12 เธอเอื้อมมือเพื่อจะกดรหัสห้องพักก่อนจะเปลี่ยนใจเคาะประตูแทนแม้ว่าจะรู้รหัส การเปิดประตูเข้าหอพักที่มีแต่ผู้ชายนั้นอันตรายกว่าที่คิด เธอกลัวจะเปิดไปเจอใครกำลังอยู่ในชุดวันเกิดเดินตัวปลิวอยู่ในห้องเหมือนที่เธอรู้ว่ารุ่นพี่ของเธอทำแบบนั้นกันเป็นประจำ หากเป็นอย่างนั้นจริงคงจะพากันกระอักกระอ่วนไปทั้งคนเห็นและคนถูกเห็น

ก็อก ก็อก

“ครับ” เธอได้ยินเสียงตอบแล้วตามมาด้วยเสียงกุกกักจากในห้องก่อนที่ประตูจะเปิดออก

ดงฮเเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นร่างบางตรงหน้า ซอฮยอนหนึ่งในผู้หญิงที่หาเวลาว่างได้ยากที่สุดในโลกมาหอพักของ Super Junior ตั้งแต่เช้าตรู่ เช้าแบบที่เขาสามารถบอกได้ว่าคนที่เธอมาหานั้นยังไม่มีทางตื่น

“คยูฮยอนยังนอนอยู่เลย จูฮยอน .. เข้ามาก่อนสิ” เขาบอกรุ่นน้องก่อนจะเบี่ยงตัวให้เธอเข้ามา “นั่นหอบอะไรมาเยอะแยะน่ะ” เขาถามพร้อมกับยื่นมือไปคว้าถุงลดโลกร้อนที่หนักอึ้งจากเธอแล้วเดินนำไปที่หน้าโทรทัศน์ หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์สวมทับด้วยเคฟตัวหรูเดินตามเขาไป ดวงตาวาวใสมองหน้าจอโทรทัศน์เครื่องโตที่ปรกติเคยเห็นแต่ไว้ใช่เล่นเกม วันนี้มันได้ทำหน้าที่ใหม่ แม้ภาพบนจอหยุดนิ่งแต่เธอสามารถบอกได้ว่ามาจากรายการใด ทั้งรู้จากคนที่ปรากฎตัวอยู่ในรายการ .. รู้เพราะเคยเป็นคนที่เคยร่วมในรายการนั้นมาก่อน

“โอ๊ะ อปป้าดูรายการแต่งงานสมมติอยู่เหรอคะ มันไม่ได้ฉายตอนนี้นี่”

“ดูจาก Apple TV น่ะ” เขาตอบเรียบๆพร้อมกับเอื้อมหยิบรีโมทขนาดเล็กสีขาวเพื่ิอเล่นต่อ

“ฉันอยากดูด้วยแต่ว่าฉันอยากทำอาหารให้อปป้าก่อน อปป้ายังไม่ได้ทานข้าวเช้าใช่ไหมคะ” เธอถาม

“อาหารให้พี่?” คิ้วหนาเลิกขึ้นด้วยความสงสัย มือหยายกชี้มาที่ตัวเองเมื่ิอถามคำถาม

“ที่ฉันติดดงเฮอปป้าไว้ไงคะว่าให้ช่วยดูแลคยูฮยอนอปป้าให้ด้วยตอนที่ถ่ายรายการ” เธอตอบพร้อมกับยกถุงผ้าที่เต็มไปด้วยของสารพัดที่เธอซื้อมาเพื่อประกอบอาหารเข้าไปในครัวขนาดเล็ก

“อ๋ออออ” ดงเฮนึกขึ้นได้ถึงข้อตกลงที่ไม่จริงจังนั้น อันที่จริงเขาไม่ได้หวังอะไรมากแค่อยากแกล้งคยูฮยอนสนุกๆไปเลยรับปากเธอ ที่เหลืออาจจะเป็นแค่ขนมอร่อยๆหรืออาหารจานด่วนนอกบ้านซักมื้อ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นซอฮยอนวันนี้เขาเลยโชคดีมีลาภปากแต่เช้า ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นเต็มความสูง(สูงแล้ว?)พร้อมกับเสนอตัวเป็นผู้ช่วยแม่ครัว “เอาสิ เดี๋ยวพี่ช่วยเธอทำแล้วเราค่อยมาดูต่อกัน”

“อร่อยมาก จูฮยอน” ดงเฮเอ่ยชมเปาะทันทีที่ได้ชิมรสมือของรุ่นน้องสาว “ทำอาหารเก่งอย่างนี้น่าอิจฉาเจ้าคยูจริงๆ อนาคตมันคงอย่างกับขึ้นสวรรค์”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะอปป้า” เธอตอบอย่างเขินๆในคำชมก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น ดงเฮมองร่างงามตรงหน้าอย่างพินิจ เด็กหญิงซอ จูฮยอนที่เขาเคยเห็นตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ บัดนี้กลายเป็นหญิงสาวที่งามพร้อมจนน่าอิจฉาคนที่ได้ไปเป็นแฟนนัก

…ไอ่มักเน่ปิศาจแสนเกรียน

มื้อเช้าของทั้งคู่จบลงโดยซอฮยอนได้รับคำชมครั้งแล้วครั้งเล่าจากเขาจนเธอชักจะเขินขึ้นมาจริงๆ ทั้งคู่กลับมาปักหลักอยู่หน้าโทรทัศน์อีกครั้ง เพียงแค่ตอนต้นของรายการที่เปิดเผยตัวหญิงสาวในการนัดบอดคนแรกคือ ซน อึนซอ เธอก็ได้ยินเสียงพิธีกรหญิงพูดขึ้นว่าเธอเหมือนกับซอฮยอน อีกครั้งแล้วที่เธอได้ยินคำพูดแบบนั้นจึงเอ่ยถามคนข้างๆด้วยความสงสัย “อปป้า คุณอึนซอเค้าเหมือนฉันจริงๆเหรอคะ”

“อืมม .. ก็คล้ายอยู่นะแต่ไม่เหมือนไปซะทั้งหมดหรอก”

“อปป้าดูชอบเธอจริงๆเลยนะคะ” ซอฮยอนมองอาการของพี่ชายในหน้าจอโทรทัศน์ บอกไม่ถูกว่านานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้เห็นคนที่นั่งข้างเธอเขินอะไรขนาดนี้ ตั้งแต่เลิกกับยุนอาพี่สาวของเธอไปเพราะต่างคนต่างก็ไม่มีเวลาให้กันจนความสัมพันธ์ลดระดับลงอย่างน่าใจหาย

“ก็แล้วชอบมันเล่นๆได้ด้วยเหรอจูฮยอน-อาห์” เขาตอบเธอพร้อมกับหันหน้ามามอง มือหนาบีบจมูกรั้นของเธออย่างหมั่นเขี้ยวจนคนตัวเล็กกว่าโวยวาย

“ดงเฮอปป้า~!”

หญิงสาวทำหน้างออย่างเอาแต่ใจที่ใครๆก็รู้ว่าเธอจะมีอาการแบบนี้กับคนสนิทเท่านั้น ร่างสูงของอีกคนเดินเข้ามาในห้องขณะที่พี่ชายกำลังแหย่แม่น้องสาวตัวโตที่สูงเกือบจะเท่ากัน

“อ้าว อปป้า .. สวัสดีค่ะ” “ไง คยูฮยอน .. ตื่นแล้วเหรอ” สองเสียงทักขึ้นพร้อมกันอย่างแจ่มใสไม่ได้ใส่ใจกับอีกคนที่ทำหน้ายุ่งด้วยรู้ว่าเขาจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่อตื่นนอนตอนเช้า

“เปล่า นี่ละเมอ” เขาตอบหน้าตายก่อนจะเดินลงไปทิ้งตัวนั่งข้างๆหญิงสาวแล้วพิงศรีษะลงบนไหล่เธอ .. น่าหมั่นไส้นักในสายตาของพี่ร่วมวง

“มีซุนดุบุจิเกะที่ซอฮยอนทำไว้แน่ะ กินสิ” ดงเฮเอ่ยขึ้นในขณะที่คยูฮยอนขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย

“ของโปรดอปป้าเค้าทำบ่อยแล้วก็เลยทำของโปรดคนอื่นบ้างสิ แถมเต้าหู้ก็ดีกับสุขภาพด้วย” เสียงหวานๆของเธออธิบายเมื่อเห็นแววตาตัดพ้อของคนบางคน ซอฮยอนดันร่างของเขาให้ลุกขึ้นกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งพร้อมกับว่า “ไปอาบน้ำก่อนเลยค่ะแล้วค่อยมากิน เดี๋ยวเค้าอุ่นให้”

อีกครั้งที่ดงเฮทำหน้าที่ของผู้ช่วยแม่ครัวและเขาก็ทำได้ดีจนซอฮยอนเองเอ่ยแซว “ทำอาหารเก่งอย่างนี้น่าอิจฉาคุณอึนซอจริงๆเลยค่ะ อนาคตเธอคงอย่างกับขึ้นสวรรค์” ทำเอาพ่อคนอ่อนไหวถึงกับหน้าแดงไปกับคำหยอกเย้าของน้องสาว ทั้งสองคนสนุกกับการทำอาหารไม่ได้รู้ว่าเสียงดังไปถึงอีกห้องและทำให้อีกคนหงุดหงิดไม่น้อย

ซอฮยอนเดินยกถาดอาหารที่พร้อมไปด้วยข้าวและซุนดุบุชิเกะร้อนๆชามโตมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์เมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากห้องด้วยรู้ว่าเป็นที่โปรดในการทานอาหารของชายหนุ่ม คยูฮยอนมองอาหารที่ส่งควันฉุยแลดูน่ารับประทานตรงหน้า มือก็คว้าช้อนและตะเกียบมากินอย่างเอร็ดอร่อย

“อปป้าเอาอีกไหมคะ” ซอฮยอนถามดงเฮเมื่อเห็นเขามองคยูฮยอนเคี้ยวข้าวตุ้ยๆโดยไม่ชวนพี่ชายแม้ซักคำ .. ซุนดุบุชิเกะเป็นอาหารโปรดของเขา บางทีเขาอาจจะอยากทานอีก

“ไม่ล่ะ เมื่อกี้กินไปยังไม่หายอิ่มเลย จูฮยอน” ดงเฮตอบพร้อมกับลูบท้องทำท่าอิ้มแปล้เพื่อยืนยัน มือหนานั้นหยิบรีโมทคอนโทรลสีขาวขึ้นมากดสั่งการไปยังเครื่อง Apple TV ให้เล่นต่อ

เสียงหัวเราะใสแจ๋วดังขึ้นเป็นระยะๆตลอดทั้งรายการ เธอหัวเราะตอนที่ทุกๆคนแกล้งเขาช่วงโชว์ความสามารถเพื่อจับใจสาวๆ และหัวเราะหนักกว่านั้นเมื่อเห็นท่าทางของเขาตอนจับมือกับคู่เดทแบบเก้ๆกังๆ ยิ่งตอนที่คู่เดทในรายการบอกว่าชอบจงฮยอนวง SHINee นั่นซอฮยอนถึงกับตบมือหัวเราะอย่างอารมณ์ดี นอกจากเธอจะดูเขาอย่างแฮปปี้ดี๊ด๊าแล้วเธอยังดูจะสนุกไปกับการดูพี่ๆคนอื่นในรายการด้วยโดยเฉพาะดงเฮ เธอทั้งหยอกเย้าเพื่อน(พี่)ร่วมวงของเขาสารพัดจะหามาแซวจนดงเฮหน้าแดงเถือกไปหมด

ซอฮยอนไม่มีอาการหึงหวง เธอไม่สะทกสะท้านกับคำว่าคู่น้องเล็กหรือ Maknae Couple ที่คนอื่นเรียก เพราะเธอรู้สำหรับเขา Maknae Couple นั้นมีเพียงคู่เดียวที่เป็นจริงและมีเพียงเธอที่ได้รับความรักจากเขา ดูเหมือนทุกอย่างไม่สามารถทำอะไรเธอได้โดยเฉพาะเมื่อดูรายการนี้หลังจากที่เธอได้ดูรายการแต่งงานสมมติตอนพิเศษที่ถ่ายที่เมืองจีนของคยูฮยอน

“ตอน blind date แบบนี้ดูสนุกดีนะคะ” ซอฮยอนพูดเมื่อรายการจบลง ไม่วายแสดงความเห็นกับรายการ “แต่คุณเชน่าเธอคงตกใจนะคะที่ฮยอกแจอปป้าทำแบบนั้น ไม่ได้เตี๊ยมกับเธอไว้ก่อนแบบนี้เธอคงหมดความมั่นใจน่าดู .. น่าตีจริงๆเลย”

ทั้งสาวคนยังคงนั่งดูรายการนั้นรายการนี้ราวไปถึงคลิปการแสดงต่างๆที่แฟนๆอัพโหลดไว้จาก Apple TV เมื่อถึงเวลาค่ำคยูฮยอนก็ขอตัวไปส่งซอฮยอนที่หอพักเหมืินกับทุกครั้งที่เธอมาหา

“รายการตอนนี้สนุกดีนะคะ ฉันเองก็เพิ่งได้ดูเต็มๆวันนี้แหละ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่กันสองคนบนรถที่มีเขาเป็นคนขับ

“เธอต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆซอฮยอนนี่”

“หะ .. ไหงมาว่ากันอย่างงี้ล่ะคะอปป้า” ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองคนตรงหน้าที่อยู่ดีๆก็มาว่าว่าเธอเพี้ยนทั้งๆที่เธอยังไม่ทันจะทำอะไร

…ใครกันแน่ที่เพี้ยนกว่า หา?

“ไม่หึงพี่หน่อยเหรอไงกัน แถมไปสนิทกับดงเฮฮยองชนาดนั้นไม่คิดบ้างเหรอว่าพี่จะหวง”

“ไม่หึงหรอกค่ะ เพราะฉันน่ะมีผู้ช่วยดีเหมือนอปป้ามีจงฮยอนอปป้าที่เป็น Kyuline เลยล่ะค่ะ” เธอตอบทั้งรอยยิ้ม “อปป้าเองก็ไม่ควรจะหึงฉันกับอปป้าผู้ช่วยนะคะ”

คยูฮยอนนิ่งนึกย้อนไปถึงวันถ่ายทำ ที่ทั้งดงเฮ ซองมินและอึนฮยอกมาร่วมแกล้งเขากันอย่างสนุก โดยเฉพาะดงเฮที่นอกจากจะป่วนแล้วเขายังกวนใจด้วยการพูดถึงเธอระหว่างการถ่ายทำอยู่เนืองๆทำเอาเขาแทบไม่กล้าจะเล่นอะไร สุดท้ายต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเลือก .. อี ฮยอกแจ

ซอฮยอนกับดงเฮคงตกลงอะไรกันไว้ .. อาจจะเป็นซุนดุบุชิเกะนั่น .. แลกกับการป่วนคยูฮยอนระหว่างการถ่ายทำรายการแต่งงานสมมติตอน blind date ที่ดงเฮและพี่ๆไปถ่ายทำด้วย แล้วผลงานของพี่ชายเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างล้ำเลิศไร้ที่ติ ส่วนเขาเสียท่าแพ้ทางแบบหมดรูป

ทุกอย่างกระจ่างแล้วในตอนนี้ถึงพฤติกรรมกวนส้นของพี่ๆร่วมวงในวันนั้นและท่าทางอารมณ์ดีผิดปกติของเธอเวลาดูรายการนั้น

 

…ใครกันนะที่บอกเธออ่อนแอและไร้พิษสง 

…ขนาดไร้พิษสง พี่ยังแพ้ทางเธอได้ขนาดนี้ รู้ไปถึงไหนคงอายไปถึงนั่น

 

 

NOTE:

* ปั้นออกมาได้จริงๆด้วย โดยที่ไม่ได้ขัด timeline ของ Short Fic ตอนก่อนหน้า .. ปลาบปลื้มมมมมม ><

* ความตั้งใจกับพล็อตในตอนแรกฉีกกระเจิงไม่มีชิ้นดี ตอนแรกตั้งใจจะเขียนเป็นความคิดของกี้ระหว่างถ่ายทำกับความคิดของซอฮยอนระหว่างที่ดูรายการ แต่ไหงไปไงมาไงมาเป็นงี้ก็ไม่รู้ .. พล็อตแรกใช้เวลาเป็นวันสรุปสุดท้ายเขียนไม่ออกแม้แต่นิดเดียว พอยกพล็อตนั้นออกไปแล้วมาลองเขียนใหม่เลยได้ออกมาเป็นแบบที่เห็น ก็พอไหวแต่แอบเสียดาย .. ทั้งๆที่อยากเขียนแบบพล็อตแรกแท้ๆ

* เรื่องยุนเฮ vs อึนเฮ อันนี้ไม่ได้เชียร์คู่ไหนเป็นพิเศษ บอกตรงๆยุนเฮก็น่ารัก ส่วนด๊องเวลาอยู่ในรายการกับอึนซอก็น่ารักอีกแบบ สคริปต์หรือเปล่าบอกไม่ได้จริงๆ .. แต่ถ้าด๊องไม่ดี๊ด๊ากับอึนซอ เรื่องนี้ก็คงไม่กำเนิด จริงไหม

* rewrite เบาๆเมื่อ 28Feb2012

Kona Beans .. เมล็ดกาแฟพันธุ์โคนา 

Kona Beans คือเมล็ดกาแฟที่ปลูกบนเนิน Hualalai และ Mauna Loa เมืองเขต Kona มลรัฐ Hawaii ด้วยรสชาดที่เข้มข้นและเป็นเอกลักษณ์ทำให้กาแฟโคนากลายเป็นหนึ่งในกาแฟที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก แต่สำหรับแฟนๆวงเกาหลีชื่อดังอย่าง Super Junior แล้ว Kona Beans ยังมีอีกความหมายคือร้านกาแฟที่ได้รับการตกแต่งด้วยไม้สีอ่อนตั้งแต่พื้นไปจนจรดเพดานแต่งริมขอบด้วยสีน้ำตาลเข้มเพิ่มความคลาสสิค เฟอร์นิเจอร์ภายในร้านล้วนทำมาจากไม้สีสว่างเข้ากันกับพท้นและเพดาน เพียงแค่เดินเข้ามาในร้านก็ได้กลิ่นหอมของกาแฟพันธุ์ดี Kona Beans เมล็ดนี้ได้รูปการดูแลโดยเหล่าแม่ๆของสมาชิก Super Junior อย่างลีทึก ซองมิน เรียวอุค และคยูฮยอน

 

Waiter .. พนักงานเสิร์ฟ

พนักงานเสิร์ฟคือพนักงานบริการลูกค้า พนักงานเสิร์ฟที่ Kona Beans ได้รับการฝึกอบรมเป็นอย่างดีเพื่่อให้บริการที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ หากแต่วันนี้ลูกค้าที่ Kona Beans สาขาอับกูจงต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ บ้างก็ลอบมองร่างสูงที่ยืนให้บริการอยู่หลังเคาท์เตอร์อย่างไม่เคอะเขินที่ตกเป็นเป้าสายตา บ้างก็หยิบกล้องหรือโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพพนักงานที่หน้าตาหล่อสมบูรณ์แบบคนนั้น สำหรับแฟนๆประจำรายการ Immortal Song 2 หรือ MBC Radio Star คงรู้จักพนักงานเสิร์ฟหน้าตาหล่อเหลาคนนี้เป็นอย่างดีเพราะไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน หากแต่คือโจว คยูฮยอนนักร้องเสียงหลักของวง Super Junior ที่เคยร่วมเป็นผู้แข่งขันในรายการ Immortal Song 2 และเป็นหนึ่งในพิธีกรรายการ MBC Radio Star ในปัจจุบัน

วันนี้พนักงานเสิร์ฟคนพิเศษว่างเว้นจากการทำงานหลักของเขา หลังจากที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศไม่หยุดหย่อนหลังจากปีใหม่ที่ผ่าน ตั้งแต่เวียดนาม ไปญี่ปุ่น และเซียงไฮ้ ในที่สุดคยูฮยอนได้แวะเวียนมาที่ร้านเพื่อช่วยแบ่งเบาภารของเหล่าแม่ๆไปได้บ้าง แต่ดูเหมือนการที่เขามากลับเป็นการเพิ่มภาระให้กับมารดามากกว่า เพราะบรรดาแฟนคลับต่างก็ต้องการจะใช้เวลาใกล้ชิดกับเขา ทำให้ลูกค้าที่ร้านเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จริงอยู่การที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้นก็ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแต่การที่มีลูกค้ามากมายขนาดนี้โดยที่ทางร้านไม่ได้เตรียมการไว้ก็ทำงานให้พนักงานยุ่งขิงจนมือเป็นระวิง คยูฮยอนจึงต้องทำหน้าที่รับรายการอาหารจากลูกค้าก่อนที่จะให้บาริสต้าของร้านเป็นคนจัดการต่อ หากแต่คลื่นแฟนคลับอยู่ได้ซักพัก เมื่อค่ำมากแล้วก็บางตาลงอย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะไปไหนต่อ อีกอย่างแฟนๆของเขาต่างก็รู้ดีว่าควรจะให้เวลาส่วนตัวกับศิลปินที่รักของพวกเขาบ้างไม่มากก็น้อย

 

Fame .. ชื่อเสียง

ความหมายตามพจนานุกรมภาษาอังกฤษบอกไว้ว่าคือ the state or quality of being widely honored and acclaimed แปลเป็นไทยก็คือภาวะหรือมีคุณสมบัติที่ได้รับความชื่นชมนับถือ แปลเป็นภาษาไทยอีกทีได้ว่าชื่อเสียงหรือความมีชื่อเสียง แต่สำหรับแฟนละครแล้วคงนึกถึงละครเพลงเรื่อง Fame ที่สร้างโดย David De Silva มากกว่า Fame เป็นบทประพันธ์ที่ได้รับการดัดแปลงและตีความเป็นละครเวทีใหม่อีกหลายต่อหลายครั้ง เช่นในตอนนี้ที่เกาหลีกำลังมีละครเวที Fame, the Musical แสดงอยู่ โดยมีนักแสดงในเรื่องคือ ทิฟฟานี่วง SNSD อึนฮยอกวง Super Junior จองโมวง Trax และนักแสดงมากฝีมืออีกคับคั่ง

ด้วยละครเรื่องนี้เป็นละครเวทีเรื่องแรกของทิฟฟานี่ เพื่อนร่วมวงอย่างยุนอา แทยอนและซอฮยอนจึงได้มาชมเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเธอ นอกจากนั้นวันนี้สาวๆยังพาเด็กๆ Dangerous Boy มาชมละครเวทีด้วยเช่นกัน

 

Customer .. ลูกค้า

ลูกค้า สำหรับ Kona Beans แล้วลูกค้าคือคนสำคัญ และวันนี้คนสำคัญที่เดินมาสั่งเครื่องดื่มก็คือเด็กน้อยหน้าตาคุ้นเคยืคยูฮยอนมองเด็กชายวัยรุ่นสองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ นึกแล้วนึกอีกว่าเคยเจอกันที่ไหนแต่กลับนึกไม่ออก

“ขอลาเต้ร้อนสองแก้ว คาปูชิโน่หนึ่งแก้ว ลาเต้เย็นสองแก้ว ม็อคค่าร้อนสองแก้ว แล้วก็ชาร้อนกลิ่นเลมอนแก้วนึงฮะ” หนึ่งในเด็กชายบอกเขาในขณะที่อีกคนเท้าเคาท์เตอร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ … วอนแท้ๆเด็กพวกนี้

“พี่ชายช่วยไปส่งที่โต๊ะด้วยได้ป่ะฮะ … แบบว่ามีคนเค้าอยากเจออ่ะ” เด็กชายกล่าวตอนที่จ่ายเงินให้กับเขาพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้อย่างกวนๆ ดวงหน้่าใสสมวัยหากแต่มีร่องรอยความเอาเรื่องอยู่เล็กๆตามประสาวัยรุ่น คยูฮยอนมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างชั่งใจว่าจะเบิ้ดกระโหลกลูกค้าผู้มีพระคุณแรงๆซักทีหรือจะให้บริการตามแบบพนักงานเสิร์ฟ ถึงเขาจะเป็นไอดอลแต่ตอนนี้กำลังใส่หมวกอีกใบเรียกว่าพนักงานเสิร์ฟอยู่อย่างนี้จะเบิ้ดหัวด้วยความรักคงไม่ได้ ชายหนุ่มกำลังจะร้องเรียกบาริสต้าที่ง่วนอยู่กับเครื่องดื่มเกือบสิบแก้วที่เด็กชายสั่งแต่กลับมีเสียงทุ้มๆอย่างเด็กเพิ่งแตกหนุ่มพูดขึ้นว่า “พี่ชายไปเก็บตังค์ที่โต๊ะนะฮะ”

แม้จะขัดใจลึกๆกับคำสั่งที่ออกแนวเกรียนๆของลูกค้าวัยรุ่นที่ดูจะเรียกร้องจากแคชเชียร์อย่างเขาเหลือเกินแต่สุดท้ายชายหนุ่มก็เดินถือถาดเครื่องดื่มมายังโต๊ะที่เด็กชายบอกไว้ด้วยเห็นว่าลูกค้าเริ่มบางตาและไม่เหลือบ่ากว่าแรง เขาเองก็อยากจะรู้นักว่าเหตุใดเด็กหนุ่มสองคนนั้นถึงย้ำนักย้ำหนา ดวงตาคมมองชาเลมอนร้อนที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆแข่งกับกาแฟในใจไพล่คิดไปถึงอีกคนที่ชอบดื่มชาเลมอนเหมือนกัน … ซอฮยอน

 

Her … เธอ 

แวบแรกที่เขาเห็นกลุ่มเด็กผู้ชายสี่คนกับกลุ่มหญิงสาว ช่างเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันเสียจริงๆ จนเมื่อเดินมาใกล้เข้า หญิงสาวตรงหน้าในกลุ่มเด็กชายท่าทางกวนๆกลับเป็นเธอ ชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆอย่างนึกขันในตัวเองว่าเขาคิงถึงเธอมากเกินไปถึงได้มองหน้าใครเป็นหน้าเธอแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะชาเลมอน คยูฮยอนพาร่างสูงเดินเข้าไปใกล้เข้า ดวงตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยนั้น ดวงตากลมโตเป็นประกายวิบวับราวกับอัญมณี ผมสีน้ำตาลเข้มทิ้งตัวเป็นลอนสวยขับให้ผิวขาวๆของเธอขาวและน่าทนุถนอมราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ

“อปป้า!”

“แค่เห็นซอฮยอนแค่นี้ถึงกับเพ้อเลยเหรออปป้า”

“ทำอย่างกับพรุ่งนี้จะไม่ได้เจอกันงั้นแหละ”

เสียงคุ้นๆของหญิงสาวดังขึ้นฉุดคยูฮยอนให้กลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง เขามองหญิงสาวตรงหน้าที่ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์เมื่อครู่อีกครั้งด้วยอยากรู้ว่าเธอคือใคร … แต่เธอก็คือเธอ ซอฮยอน

…เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน

“อปป้า ใจคอจะไม่สนใจพวกเราหน่อยเหรอไง แล้ากาแฟน่ะจะไม่ให้พวกเรากินใช่ไหม” ชายหนฺ่มหันหน้าไปตามเสียงตัดพ้อต่อว่านั้นแล้วจึงพบว่าเป็นยุนอาน้องร่วมค่ายผู้แสนประหลาด ดวงตาคมปราดมองรอบๆก่อนจะพบว่าสาวๆที่อยู่ในกลุ่มเด็กทะโมนคุ้นหน้าคือ SNSD รุ่นน้องร่วมค่าย .. ยุนอา แทยอน ทิฟฟานี่ และเธอ

“มายังไงกันล่ะเนี่ย” เขาถาม มือหนาวางถาดที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มสารพัดชนิดลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้า เขาเอื้อมหยิบชาเลมอนแล้วพาตัวเองเข้าไปนั่งข่างๆเธอก่อนจะยื่นเครื่องดื่มร้อนให้ หญิงสาวขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มแสนหวาน

“ไปดูละครเวทีของทิฟฟานี่อนนี่มาค่ะ แล้วเลยพาเด็กๆมากินอะไรอุ่นๆซะหน่อย ข้างนอกหนาวจะแย่” ยุนอาตอบในขณะที่แทยอนขยิบตายุกยิกกับฮเวฮุนอยู่สองคน จนยุนอารู้ตัวในที่สุดว่าคนที่ถามนั้นไม่ได้สนใจจะฟังคำตอบแต่อย่างไร เพราะตอนนี้พนักงานเสิร์ฟรูปหล่อได้สร้างโลกส่วนตัวเล็กๆขึ้นในวงสภากาแฟเสียแล้ว

“อปป้า!” หญิงสาวได้แต่โวยวายหงุดหงิดอยู่คนเดียว “วันหลังจะไม่พามาแล้ว”

“อย่าบ่นน่า เดี๋ยวเลี้ยงกาแฟ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นปล่อยเสียงบ่นเจื้อยแจ้วให้ดังต่อไปตามประสา เดี๋ยวเหนื่อยก็คงจะหยุดเอง หากแต่ตอนนี้ขอใช้เวลาอยู่ในโลกส่วนตัวกับเธอที่รักซักครู่ก่อนก็แล้วกัน

 

 

NOTE :

* พอดีเห็นรูปพนักงานเสิร์ฟหน้าตาดีของ Kona Bean แล้วสาวๆก็พาเด็กสันขวานตัวแสบไปดูละครเวทีวันเดียวกันเลย(มั้ง) ไหนๆก็ไหนๆ อกหักจากงานแต่งงานตาพี่ไปสองวันก็เลยเขียนมันซะเลย .. แล้วก็อยากลองเขียนวิธีการเขียนแบบใหม่ๆด้วยค่ะ อันนี้แปลกดีจริงๆ นอกจากแปลกแล้วเนื้อเรื่องยังไร้แก่นสารไร้การเคลื่อนไหวอีกต่างหาก ตัวเอกไม่ทำอะไรนอกจากจ้องกันอย่างกับปลากัด ๕๕

* rewrite เล็กๆวันที่ 30Jan12

เมื่อคนนึงต้องไปร่วมรายการแต่งงานสมมติอีกครั้ง

 

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองเหลือบมองร่างบางระหงที่เขานั่งกุมมือนิ่มไว้อยู่เคียงข้าง หลังจากปีใหม่แต่ละคนก็งานรัดตัวจนแทบจะไม่มีเวลาหายใจ แต่เขาและเธอก็พยายามหาเวลาเพื่อมาพบกันอย่างในวันนี้ คยูฮยอนฉวยโอกาสพาเธอหลบออกจากโรงแรมหลังจากงาน Golden Disk Award ที่โอซาก้า เขาพาเธอมานั่งเล่นที่สวนสาธารณะเล็กๆไม่ไกลนักจากโรงแรม โชคดีจริงๆที่มันเงียบสงบจนเหมือนเขาและเธออยู่ในโลกส่วนตัว น่าแปลกที่ไม่มีใครจำเธอได้ทั้งๆที่เธอเป็นหญิงสาวที่เป็นหนึ่งใน girl group ชื่อดังที่ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งหลายต่อหลายรอบและเขาก็เป็นไอดอลที่มีแฟนคลับญี่ปุ่นแยู่ไม่น้อย .. ที่นี่ไม่มีผู้คนมากมายที่กรีดร้องเรียกชื่อของพวกเขา อาจจะเพราะจำไม่ได้ หรือไม่ก็จำได้แต่มีจิตเมตตาให้เวลาส่วนตัวกับไอดอลอย่างพวกเขา

“ซอฮยอน-อาห์” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดยามค่ำคืนลง

“คะ อปป้า” เธอรับคำก่อนจะหันดวงหน้าสวยที่ล้อมด้วยผมยาวสยาย ผิวขาวๆกระทบแสงจันทร์จนทำให้สายตาคมที่จับจ้องอยู่ตกอยู่ในมนต์สะกดจนแทบจะลืมเรื่องที่ตั้งใจจะพูดไว้

“อปป้า…” เสียงทุ้มกล่าวขึ้นก่อนจะขาดหาย ดวงตาสีน้ำตาลขุ่นมัวอย่างเต็มไปด้วยความกังวลใจ ไม่รู้จะพูดจะเริ่มยังไงดีในเมื่อตอนนี้เขาสับสนไปหมด ลำพังถ้าเป็นแค่เขาตัวคนเดียวไม่ว่าจะเกิดอะไรก็รับมือได้ไหว แต่นี่เพราะมันเกี่ยวกับเธอด้วย….เต็มๆ เขาเลยนั่งแทบไม่อยู่สุขทันที่ทราบข่าว

“อปป้าคะ มีอะไรหรือเปล่า” เสียงหวานถาม ดวงตาคู่สวยที่มักเต็มไปด้วยประกายวิบวับบัดนี้ฉายแววห่วงใยระคนสงสัยในอาการประหลาดๆของชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้าง มือเล็กๆขยุกขยิกอยู่ภายใต้กระเป๋าเสื้อ Double Coat สีน้ำตาลตัวเก่งของเขาจนมือหนาต้องกระชับแน่นขึ้น

“อปป้าต้องไปออกรายการแต่งงานสมมติ” เขาตอบเร็วจนเธอฟังแทบไม่ทัน ดวงตาคมหลุบลงมองพื้นหญ้าตรงหน้าอย่างกับว่ามันมีอะไรน่าสนใจนัก .. ทั้งๆที่มันก็เป็นหญ้าเหมือนเดิม

“อปป้าว่าอะไรนะคะเมื่อกี้ฉันฟังไม่ทันเลย” เธอถามอีกครั้ง ครั้งนี้เธอลุกขึ้นมานั่งตรงหน้าเขาพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาคมที่เคยฉายแววขี้เล่นอยู่เสมอ

…อปป้าจะบอกเธอยังไงดีนะ

“ก็แค่บอกตามความจริงก็พอค่ะ” เสียงหวานพูดราวกับล่วงรู้ความอึดอัดใจของคนตรงหน้า ทำเอาเขาทบจะตกเก้าอี้

“ซอฮยอน-อาห์ .. อปป้าต้องไปถ่ายรายการแต่งงานสมมติ” ชายหนุ่มพูด

“ค่ะเค้ารู้แล้ว” เธอตอบกลับมาสั้นๆ .. สั้นจนน่าตกใจ

“ครั้งนี้ไม่ได้ไปในฐานะ Fighting Junior … แต่เป็น Dating Junior” คยูฮยอนพูดต่อ น้ำเสียงบ่งชัดถึงความไม่สบายใจด้วยห่วงความรู้สึกของคนตรงหน้า กลัวว่าเธอจะเข้าใจผิด “ทางรายการดันชอบเรื่องที่พวกเราล้อเล่นกันเลยจัด Blind Date ให้พวกเราในรายการแล้วก็มีตอนพิเศษวันวาเลนไทน์”

“ค่ะ อันนั้นเค้่าก็ทราบ” เธอยืนยันตอบอีกครั้งทำเอาคนที่ตั้งใจจะบอกเรื่องหนักอกที่ทำเอาเครียดตั้งแต่ทราบข่าวจากเมเนเจอร์ฮยองจนเงียบไปตลอดเวลาหนึ่งวันเต็มมองอย่างไม่เข้าใจ หรือเป็นเขาคนเดียวที่จริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้

“เค้าสนิทกับยุน PD มาตั้งแต่สมัยที่ยังร่วมรายการ อนนี่โทรมาบอกให้เค้าทราบจะได้เตรียมจัดการคนเจ้าชู้ให้เข็ด” ซอฮยอนตอบเสียงเรียบ เธอดูนิ่ง…จนเกินไป นิ่งจนเขาเองชักจะกลัวๆ “คิมบอมอปป้า ยงฮุนอปป้าก็มากระซิบบอกเค้า .. น่าจะตั้งแต่ก่อนบอกอปป้าอีกล่ะมั้ง”

“เธอไม่โกรธงั้นเหรอ” เขาถามคนตัวเล็กที่อยู่ในเสื้อกันหนาวสีขาวตัวหนาดูอบอุ่น แต่อย่างนั้นลมที่พัดพาความหนาวช่วงเดือนมกราก็ทำเอาเขาต้องโอบเธอเบาๆเพื่อคลายหนาว

“ก็มันเป็นงานนี่คะ” ร่างบางในอ้อมกอดของเขาตอบอย่างอ่อนหวาน “เค้าเองก็เคยต้องลำบากใจเหมือนอปป้ามาก่อน”

“แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้คบกัน” เขายังคงแย้งหญิงสาวคนรักทั้งๆที่สบายใจขึ้นไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเธอเข้าใจ โชคดีเหลือเกินที่เป็นเธอที่เข้าใจเขามาตลอด หากเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่เข้าใจเขาและหน้าที่การงานของเขาคงทำให้เขาลำบากใจกว่านี้และอาจจะจบลงด้วยการทะเลาะกันเป็นแน่ .. แต่นี่เป็นเธอ

“ตอนนี้ที่เราคบกันอปป้าคงทำงานลำบากกว่าเค้ามากขึ้นด้วยซ้ำเพราะมัวแต่มานั่งห่วงเค้าอยู่แบบนี้” เธอตอบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่สูงกว่า เสียงของเธอขับกล่อมเขาทำให้เขาสบายใจ ราวกับจะบอกซ้ำๆว่าไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร

“ซอฮยอน-อาห์” เขาไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดอีกได้แต่กระชับอ้อมแขนดึงเธอมากอดไว้ให้แน่นขึ้น ทั้งขอบคุณ ทั้งห่วงใย

 

 

Ding~!

มือเนียวบางเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาเมื่อได้ยินเสียงสัญญานเตือนข้อความใหม่ ดวงตากลมโตอ่านข้อความจากโปรแกรม MSN Chat ที่เธอมักจะใช้ติดต่อกับเพื่อนๆเสมอในยามที่ต้องเดินไปทำงานต่างประเทศ

Gaemgyu :
เครื่องลงแล้ว เดี๋ยวอปป้าต้องไปถ่าย WGM แล้วนะคะ

Seobaby :
โชคดีนะคะอปป้า ขอให้การถ่ายทำเป็นไปด้วยดีค่ะ .. Fighting!

Gaemgyu :
สคริปต์เยอะมาก อปป้าจำไม่ได้เลย >”<

Seobaby :
เป็นตัวของตัวเองไว้ค่ะอปป้า อปป้าทำได้อยู่แล้ว V(^-^)

Gaemgyu :
ถ้าเป็นตัวของตัวเองรายการนี้คงไม่ได้ถ่ายหรอกซอฮยอน
เธอก็รู้อปป้าจะไปมองใครที่ไหนได้อีก ❤

ซอฮยอนส่ายหัวเบาๆให้กับความน่ารักของคนรักหนุ่ม คยูฮยอนเป็นอย่างนี้เสมอ ขี้เล่น ขี้แหย่ แต่เมื่อถึงเวลาเขาก็กลายเป็นผู้ชายที่อบอุ่นที่สุด เธอเองเข้าใจดีกับความที่รู้สึกที่ต้องถูกบังคับให้เข้าร่วมรายงานแต่งงานสมมติ เธอรู้ว่ามันลำบากใจแค่ไหนที่ต้องใช้เวลาร่วมกับคนที่ไม่รู้จัก เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องสร้างความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวเสียด้วยแม้จะเป็นเพียงแค่รายการแต่ก็แสนจะอึดอัด ซอฮยอนโชคดีที่เธอยังเด็กตอนเข้าร่่วมรายการ อายุแค่เพิ่งเริ่มแต่งงานได้เท่านั้น และภาพลักษณ์ของเธอเองก็ช่วยเธอไว้ได้มาก ไม่เช่นนั้นเธออาจจะเสียจูบแรกให้กับชายอื่นที่เธอไม่ได้รักไปแล้วก็เป็นได้ ต้องขอบคุณยุน PD ที่แสนจะเข้าอกเข้าใจเธอที่เขียนสคริปต์ในการทำงานมาแบบที่เป็นเธอที่สุดและหลีกเลี่ยงสกินชิพทุกทางที่เป็นไปได้ ระหว่างการถ่ายทำตอนของเธอกับยงฮวา ซอฮยอนไม่เคยปิดบังใครว่าเธอสนิทสนมกับคยูฮยอนมากแค่ไหน หญิงสาวเองไม่รู้หรอกว่าคยูฮยอนทำอิท่าไหนยงฮวาถึงได้เกรงอกเกรงใจเขาขนาดนั้น การที่สามีในรายการไม่กล้าแม้แต่จะแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธอเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี …. และเธอเองก็มีส่วนที่ทำให้ยงฮวาไม่กล้า เพราะเธอไม่เคยเปิดโอกสให้เขาในฐานะคนรักเลยแม้แต่น้อย จะทำได้อย่างไรล่ะก็เธอมีคยูฮยอนอยู่แล้วเต็มหัวใจ

เธอหย่อนโทรศัพท์คู่ใจไว้ในกระเป๋าก่อนที่จะเตรียมตัวเพื่องานคอนเสิร์ท Girls’ Generation Live in Hong Kong ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ … ต่อให้เชื่อใจแค่ไหนยังไงก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีสิน่า

…ห่วงอปป้ากลัวเขามัวแต่จะห่วงเธอจนทำงานไม่ได้ 

…กลัวอะไรที่ยังไม่เกิด

แต่ถึงอย่างนั้น The show must go on การแสดงยังคงต้องเริ่มต้นและดำเนินต่อไปจนกว่ามันจะจบลง .. นั่นคือเหตุผลที่เธอมักให้สัมภาษณ์เสมอว่าต้องการสามีในอนาคตที่เข้าใจการทำงานของเธอ เพราะเธอเองก็จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของเขาเช่นเดียวกัน

คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะรวบรวมสมาธิเพื่อถ่ายรายการ งานนี้เขาต้องขุดความสามารถในการแสดงขึ้นมาใช้ขั้นสุดแม้จะเป็นการแสดงเป็นตัวเองก็ตาม มาถึงตอนนี้เขานับถือทั้งซอฮยอนเป็นที่สุดที่เธอสามารถอยู่กับการแต่งงานสมมติได้อยู่เป็นปี ในเมื่องานของเขาไม่กี่ตอนยังลำบากใจขนาดนี้ ถ้าหากเป็นการแสดงแบบที่เป็นตัวละครอื่น เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่รายการแบบนี้ เล่นเป็นตัวเองแบบนี้ เขาเองก็พูดไม่ออก

…ยังไงอปป้าก็ยังรู้สึกผิดกับเธออยู่ดี ซอฮยอน ถึงจะเป็นงานก็เถอะ

คยูฮยอนทำความรู้จักกับภรรยาในรายการ การถ่ายทำจะเรียกว่าราบรื่นก็ได้ ต้องขอบคุณนิสัยขี้เล่นหน้าตายของเขาเองทั้งๆที่จริงๆแล้วก็ไม่ได้สนิทกับใครลึกซึ้งได้ง่ายขนาดนั้น ตัวเขาเองหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาเธอคนนั้นเกือบจะตลอดเวลาแม้จะรู้ว่าเธออยู่ในคอนเสิร์ท ซอฮยอนเองก็ทำให้เขาประหลาดใจโดยการตอบข้อความของเขาเร็วที่สุดเท่าที่เธอทำได้เช่นเดียวกัน

 

 

การถ่ายทำรายการแต่งงานสมมติของคยูฮยอนจบลง .. ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่ภาวะปรกติ ไม่มีการพูดถึงการถ่ายทำรายการนั้นอีกราวกับว่าเป็นเพียงรายการรายการนึงซึ่งไม่ได้มีความสำคัญอะไร เขาและเธอยังหมั่นหาเวลามาเจอกันเสมอทั้งๆที่ต่างคนต่างก็งานรัดตัวจนแทบจะไม่ได้หายใจ เวลาของพวกเขามีค่าจนเกินกว่าจะหาเวลามาระแวงใส่กัน

มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นดูพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นเบอร์ของหนึ่งในน้องสาวแสนสวยโทรมา จะไม่ประหลาดใจได้อย่างไรในเมื่อร้อยวันพันปียุนอาไม่เคยโทรหาเขาซักหน่อย

“คยูฮยอนอปป้า” เสียงเอกลักษณ์ที่เขาจำได้แทบจะทันทีดังขึ้นมาตามสาย ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ

“ว่ายังไงฮโยยอน” เขากรอกเสียงไปตามสาย แม้จะขัดใจที่โดนขัดจังหวะเวลาเล่นเกมแต่ก็คิดว่าอาจจะมีเรื่องด่วนอะไรที่เกี่ยวกับดวงใจของเขา

“มักเน่…..”

“เอ้า บอกมาสิว่าซอฮยอนเป็นอะไร” เสียงหญิงสาวขาดหาย ทำเอาเขาแทบจะกระโจนออกจากห้องเพื่อให้ยังหอพักของเธอ

“เมื่อกี้พวกเราเผลอเปิดรายการที่อปป้าไปออกเพราะว่าจะดูทึกกี้อปป้า จะได้เอาไปแซวกัน …… แต่พวกเราลืมไปว่าวันนี้เป็นตอนพิเศษของอปป้า” ปลายสายเล่าให้ฟังถึงต้นเหตุที่โทรมา “ตั้งแต่ดูรายการมักเน่ก็ร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะอปป้า นี่อยู่ดีๆก็ออกไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ”

“หะ!” แค่ได้ยินว่าเธอร้องไห้แล้วหายไปจากหอพักเขาก็ร้อนรนจนทำอะไรแทบไม่ถูก โทรศัพท์มือถือยี่ห้อผลไม่ชื่อดังเกือบจะกลายเป็นผลไม้เน่าเพราะถูกขว้างทิ้งถ้าเขาไม่ได้ยินเสียงออดที่ดังจากหน้าประตูเสียก่อน ร่างสูงวิ่งออกจากห้องไปถึงหน้าประตูเพียงเสี้ยววินาทีทำเอาพี่ๆร่วมพี่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นวงตกใจไปตามๆกันกับท่าทีอันแสนประหลาดของมักเน่ตัวร้าย

ออดดดดด~

ร่างบางระหงที่อยู่หลังประตูโผเข้าหาเขาแทบจะทันทีเมื่อประตูเปิดออกจนเขาเกือบจะล้ม มือหนาคว้าเธอเข้ามาให้ห้องพร้อมกับปิดประตูลงอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าใครจะมาเห็น หญิงสาวกอดเขาแน่นพร้อมกับสะอึกสะอื้นจนตัวโยน น้ำตาของเธอทำเขาชาหนึบไปหมดทั้งหัวใจ

“ซอฮยอน-อาห์ เธอร้องไห้ทำไม” เขาถามทั้งๆที่พอจะเดาถึงสาเหตุของน้ำตาได้ .. คงไม่พ้นรายการนั้นสินะ

“อปป้า เค้าขอโทษ” เธอร้องไห้สะอื้นฮัก น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าแข่งกันไหลออกมาประจานความอ่อนแอของเธอให้คนรักเห็น “ตอนที่เค้าไปออกรายการนั้นอปป้าคงเสียใจมากเลยใช่ไหม”

“เด็กโง่ เธอจะขอโทษทำไม มันไม่ใช่ความผิดของเธอซักหน่อย” เขาตอบเสียงอ่อนโยนพร้อมกับประคองร่างบางที่สะอื้นจนตัวโยนไปยังโซฟาที่พี่ๆในวงต่างก็รู้ใจสลายตัวไปทันทีที่ได้รู้ว่ามักเน่ทั้งสองต้องการเวลาส่วนตัว แม้จะเป็นห่วงแต่พวกเขารู้ดีว่าด้วยความรักอันหนักแน่นจะทำให้ทั้งสองจัดการกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ ไม่เว้นแม้แต่ครั้งนี้

“ตอนที่เค้าไปออกรายการนั้นอปป้าคงเสียใจมาก แล้วตอนนี้อปป้าเองก็คงอึดอัดใจมากเลยสินะ” เธอหยุดหายใจชั่วครู่แล้วจึงพูดต่อด้วยเสียงสั่นเครือ ซอฮยอนตอนนี้ดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ “ตอนที่เค้าดูรายการ เค้าคิดถึงแต่อปป้า .. เอ อปป้าจะคิดอะไรอยู่นะ .. อืมมม ตอนนี้สินะที่อปป้ากำลังส่งข้อความหาเค้า”

“ตอนอปป้าดูเค้าอปป้าก็เป็นอย่างนี้ใช่ไหม” เธอถามพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าทั้งน้ำตา

“ไม่หรอก” เขาตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีให้ใครคนไหน

“ตอนนั้นเราไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างนี้ อปป้าก็ได้แต่หึงได้แต่หวงไปฝ่ายเดียว จะแสดงออกก็ไม่ได้เพราะเรายังไม่ได้รักกันมากขนาดนี้” เขาอธิบาย นิ้วโป้งหน้าเกลี่ยที่แก้มใสบางเบาเพื่อซับน้ำตาให้กับเธอ “เธอเองก็เล่าให้อปป้าฟังตลอดว่าไปไหนทำอะไร และอปป้าเองก็มีอาวุธสำคัญ … คือจงฮยอน”

ในตอนนั้นจงฮยอนทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดีที่คอยรายงานสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ แต่เขายังจำความร้อนรนในใจทุกครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆของซอฮยอนกับยงฮวาได้เป็นอย่างดี เพราะความรักมั่นคงในตัวเธอทำให้เขาอดทนมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นยิ่งทำให้เธอมีค่าและมีความหมายมากกว่าผู้หญิงคนไหน .. เขาต้องขอบคุณทั้งเพื่อนสนิทอย่างจงฮยอนและเธอที่ทำให้มีวันที่รักกันได้อย่างนี้

“แต่…” เขาเอื้อมมือจับมือบางที่เย็บเยียบก่อนจะสารภาพ “อปป้าเคยเปิดอกคุยกับยงฮวาว่าเขาคิดยังไงกับเธอ”

“หา!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น

“เพราะอปป้าห่วงเธอ .. อปป้าเลยไปบอกเค้าว่าอย่าทำให้จูฮยอนเสียใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

“อปป้า!” น้ำตาที่เหมือนจะหยุดไหลกลับไหลรินออกมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของคนรัก คิดถึงความเจ็บปวดของเขาตอนที่พูดประโยคนั้นออกมา คงเจ็บไม่ต่างกับเธอในตอนนี้ที่หวาดหวั่นเหลือเกิน อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ “เค้ารักอปป้าเหลือเกิน เค้าจะทำยังไงดี ที่ผ่านมาอปป้าคงเสียใจเพราะเค้าใช่ไหม เค้าขอโทษ”

“ไม่เห็นต้องทำยังไงนี่ซอฮยอน เธอก็แค่รักอปป้าต่อไป อปป้าเองก็จะรักเธอต่อไป” เขาตอบ “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นทำให้อปป้ารักเธอมากขึ้นทุกวัน การที่เราได้รักกันในวันนี้ถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่อปป้าจะรักษาไว้เท่าชีวิต”

มือหนารั้งตัวเธอเข้ามาแนบอก ทุกๆครั้งที่มีปัญหา ทุกๆครั้งไม่ว่าเหนื่อยแค่ไหน .. อ้อมกอดนี้เหมือนเป็นคำตอบให้ทุกสิ่ง ราวกับเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจเขาให้หายเหนื่อย

“อปป้า” เสียงหวานดังขึ้นจากอ้อมกอดหนักแน่นนั้น

“หื้ม” ร่างสูงคลายวงแขนออกเพื่อให้มองหน้าเธอให้ชัดขึ้น เขาก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมกอดที่ตอนนี้สีหน้าดูผ่อนคลายลงไปมารอยยิ้มจางๆเผยขึ้นอยู่ในดวงหน้าสวย

“เวลาคนเราหึงมันเป็นอย่างนี้เองเหรอ ทั้งๆที่เค้าเข้าใจว่ามันเป็นงานแท้ๆ” เธอเอ่ยขึ้นลอยๆราวกับรำพึงรำพันกับตัวเองมากกว่าตั้งใจถาม

“ซอฮยอน-อาห์ อปป้าจะรักใครได้อีก แค่เธอคนเดียวก็พอแล้ว” เขาตอบพร้อมกับอมยิ้ม “ไม่เชื่ออปป้าเหรอ”

“เค้าเชื่อใจอปป้า แต่…..” เสียงหวานตอบก่อนเว้นวรรคไปชั่วครู่คล้ายๆกับลังเลใจว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า

“แต่อะไรคะ”

“แต่เค้าก็แค่ไม่เชื่อใจผู้หญิงคนอื่นต่างหาก” หญิงสาวย่นจมูกทันทีที่คิดถึงแต่ละฉากในรายการต้นเหตุที่ผ่านเข้ามาในสายตา

“บางทีเค้าอาจจะไม่ควรจะดูรายการนั้น” เธอเอ่ย หญิงสาวนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะรีบแก้คำพูดตัวเอง “ไม่ได้สิ! เค้าต้องดูเพราะเค้าต้องเป็นกำลังใจให้ทุกงานของอปป้า แล้วก็ต้องดูว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆด้วย”

เสียงหัวเราะดังขึ้นแทบจะทันทีที่เห็นอาการของคนรัก จะมีใครหึงได้น่ารักขนาดนี้อีกไหมเนี่ย การหึงของซอฮยอนเป็นการหึงที่ไม่น่ารำคาญเอาเสียเลย ดีเสียอีกที่เธอแสดงความรู้สึกออกมาบ้าง เขาจะได้รู้ว่าเธอเองก็รักเขาไม่น้อยไปกว่ากัน

“อปป้าหัวเราะอะไร” ซอฮยอนถามแล้วจึงพ่นลมออกทางจมูกอย่างที่เธอทำเวลาไม่พอใจอะไรซักอย่าง

“อปป้าดีใจ” คยูฮยอนตอบง่ายๆแล้วจึงรอยยิ้มร้ายกาจมาให้เธอ

“เอ๊ะ!”

“แฟนหึงน่ะเลยดีใจ ไม่เข้าใจหรือไง” เขาตอบอีกครั้งพร้อมกับรั้งร่างบางเข้ามาหา

“บ้าหรือไงเล่า” มือเรียวบางตีที่อกอุ่นดังเพี๊ยะ ดวงหน้าหวานแดงก่ำเมื่อได้ยินคำตอบของคนขี้แกล้ง

“อ๊าว ก็จริงๆ” เขาสำทับอีกครั้งก่อนจะถามขึ้นมาอย่างหยอกเย้า “แล้วตอนเธอดูอปป้าเธอทำท่าโกรธแบบนี้ด้วยหรือเปล่า”

“อปป้า~!” ไม่ทันที่ซอฮยอนจะได้โวยอะไรมากไปกว่านั้น ริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนปากบางสวยพร้อมกับมอบจูบอันแสนลึกซึ้งให้กับเธอ

 

 

ในบางครั้งความรักอาจมีเรื่องให้พบเจออีกมากมาย ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามานั้นล้วนทำให้เห็นค่าความรักมากขึ้นเช่นเดียวกับเขาและเธอที่เพิ่มพูนความรักความเข้าใจให้กันวันละเล็กละน้อย หากเปรียบคงเหมือนกับต้นแดนดิไลออนที่เขาและเธอร่วมกันดูแลได้ผลิดอกออกใบอย่างสวยงาม….และจะสวยงามอย่างนี้ตลอดไป

เขาและเธอเชื่ออย่างนั้น

 

 

 

NOTE :

 

08/01/2012

แหม มันมีเรื่องให้ลุ้นระทึกอีกแล้ว ลุ้นจิตหลุดพอๆกับตอนที่พี่ทึกไป WGM เลย ตอนที่ยังไม่ประกาศว่าเป็นใครกันแน่เนี่ย ก็ข่าวตอนนี้ว่อนไปว่อนมาว่าจะมี Blind Date ให้เจ้า Dating Junior ให้จับคู่กันกับสาวนักแสดงหญิงในรายการเองแล้วสองจากสี่คู่อาจจะได้รับการเสนอจากรายการให้เป็นคู่ถาวรอย่างงี้ ตาด๊องยาใจเจ้คอนเฟิร์มเป็นคู่กับ Soo Eun Seo อย่างงี้ๆ ส่วนอีกกระแสก็บอกจะมี Pick-A-Pat ของสี่สาวนักร้อง Seungyeon Lizza Sunhwa และ Hyomin แถมมีข่าวว่า Hyomin กับ Sungmin มีถ่ายไปแล้วด้วย .. อะ อันนี้ถึงกับงงว่าจะเชื่อข่าวไหนดี

 

เอาเป็นว่าอยากเชื่อข่าวไหนก็ได้ที่ไม่มีเจ้าเกียมเป็นเมนได้ไหม .. เกียมไม่เหมาะนะคะ ไม่เหมาะ อยากไปเป่าหู PD รายการจริงๆเลยทีเดียว

 

ตอนนี้ได้หัวข้อจะเขียนเรื่องสั้นเรื่องต่อไปแล้ว เอาเป็นว่าต้องรอดูเรื่องจริงๆก่อนว่าผลจะออกเป็นหัวก้อยอย่างไร .. ระหว่างรอ ขอไปสวดมนต์ จุดธูป บนบานศาลกล่าวพร้อมกับทำใจให้สงบก่อนแล้วกัน ช่วงนี้ใจไม่ดี

 

นะโม พุทโธ นะโม พุทโธ

 

16/01/2012

อันที่จริงเริ่มร่างเรื่องไว้แล้วตั้งแต่รู้เรื่องเฮกับอึนซอ แต่ยังเขียนไม่จบ จนพรีวิว Blind Date มาและมีข่าวว่าตากี้ไปถ่ายทำรายการเมื่อวานนี้เป็นวันแรก โดยจะเป็น WGM Special วันปีใหม่(Chinese New Year)และวาเลนไทน์ เริ่มถ่ายเมื่อวานและวันนี้ก็ยังถ่ายอยู่ .. ใจเลยลอยๆอึนๆ .. ฟิคเลยเขียนจบแบบรวดเร็วและอึนๆไม่แพ้กัน 555

 

เป็นครั้งแรกที่เขียนฟิคได้อึนๆหน่วงๆขนาดนี้ แต่ในฐานะแม่ยกคยูซอเค้าจะหนักแน่นมั่นคง รอชิปพี่น้องคู่นี้ต่อไป สุดท้ายบอกตรงๆไม่รู้ว่า Serial Short Fiction จะจบยังไงหรือเมื่อไร เพราะดันไปหยิบเอาบางอย่างในชีวิตจริงมาใส่ในเรื่องนี่สิ .. ถ้า WGM ของตากี้พลังดีมาแบบยาวนาน Serial Short Fiction ก็อาจจะหมดโมเมนต์ต้องพักไปเขียนฟิคเรื่องอื่นแทน(เพื่ออัพจิตตัวเอง)