Archive

Loving You

That’s something never changed
The more memorable time we had, the more I feel miserable

“นี่! หยุดเดียวนี้เลยนะลี ดงเฮ” ยูริโวยวายเสียงดังลั่น เมื่อเห็นดงเฮพยายามจะฉวยโอกาสที่เธอมองไม่เห็นหนีออกจากห้องประชุม ไม่อยากเล่นละครเวทีเด็กๆ นั่นคือสิ่งที่เขาคิด แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อได้ยินเสียงอันดังของยูริก็ต้องชะงัก

“เธอสัญญาแล้วนะว่าเธอจะทำละครเวทีกับฉัน เธอจะผิดสัญญางั้นเหรอ” ยูริถามจ้องเข้าไปในตาสีน้ำตาลตรงหน้านิ่ง ไม่มีคำพูดอื่นใดหลุดออกมาจากริมฝีปากสวยนั้น ดงเฮมองหญิงสาวตรงหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นสิ่งที่เขารู้คือเขาทำได้แต่พยักหน้าเบาๆแล้วเดินตามเธอไป แพ้ทางจริงๆเวลาที่เธอพูดเรื่องสัญญา และนั่นเป็นการเริ่มต้นของทุกสิ่ง

เขารู้จักกับยูริและคยูฮยอนตอนมัธยมปลาย ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียน เขา คยูฮยอน ยูริ และซอฮยอนน้องสาวของเธออยู่ด้วยกันเสมอ ยิ้มและหัวเราะไปพร้อมๆกัน ยูริเป็นดาวของโรงเรียน เธอทั้งสวย เก่ง ร่าเริงและเป็นมิตร เพราะความเปิดเผยของเธอทำให้เธอมีเพื่อนมากมาย ส่วยคยูฮยอนก็เป็นหนุ่มที่สาวๆหมายปอง เขาเรียนเก่ง เป็นถึงแชมป์คณิตศาสตร์โอลิมปิก เขารักดนตรีและเล่นดนตรีเก่ง หน้าตาดีจนติดอันดับออลจังของโรงเรียน ไม่แปลกนักที่ในที่สุดทั้งคู่ก็ตกลงคบหากันภายใต้การสนับสนุนของซอฮยอน

จนเมื่อเขาและเธอเข้ามหาวิทยาลัย สิ่งต่างๆก็เปลี่ยนไปเมื่อต่างคนแยกย้ายไปเรียนตามที่ตนเองต้องการ คยูฮยอนเลือกเรียนด้านการบริหารการตลาดเพราะต้องสืบทอดกิจการของครอบครัวบวกกับความชอบส่วนตัว ในขณะที่ยูริเลือกเรียนด้านการแสดงเช่นเดียวกับเขา ยูริเป็นเจ้าแม่กิจกรรม และก็ไม่พ้นที่จะชักชวนแกมบังคับให้ดงเฮซึ่งมีเวลาว่างตรงกับเธอมากที่สุดให้ร่วมกิจกรรมร่วมกับเธอทุกครั้งไป

“เธอเนี่ยนะ ทำไมไม่ไปบังคับให้แฟนเธอมันมาเล่นละครเวทีนี่บ้าง” ดงเฮบ่นงึม และทุกครั้งที่เขาบ่นเธอก็มักจะยักไหล่ตอบกลับมาหน้าตาเฉย

“ก็คยูฮยอนกับฉันเวลาไม่ตรงกัน อีกอย่างเขาก็ไม่ว่างด้วย”

“เธอควรจะบอกมันให้มาดูแลเธอบ้าง” ดงเฮยังคงไม่เลิกบ่น ทั้งหมดก็เพราะความเป็นห่วงคำเดียวเท่านั้น ละครเวทีต้องซ้อมหนัก เลิกก็ดึก ครั้นเขาจะไปส่งเธอทุกวันก็ไม่ได้ ซ้ำร้ายในอีกฐานะนึงยูริถือว่าเป็นแฟนเพื่อนสนิท จะทำอะไรเขาต้องคิดไม่น้อยเกรงว่าจะทำอะไรไปกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ยิ่งพวกเขาสำคัญมากเท่าไรเขายิ่งต้องคคิดมากขึ้นเท่านั้น

“เราไม่ได้คบกันแบบนั้น และฉันก็ดูแลตัวเองได้” ยูริสวนเกือบจะทันทีเมื่อได้ยินดงเฮพูด ไม่รู้ทำไมเธอหงุดหงิดเสมอเมื่อมีคนพูดถึงเธอกับคยูฮยอนแบบนั้น ราวกับว่าคบกันแล้วเธอเป็นเจ้าหญิงแล้วจะดูแลตัวเองไม่ได้ “ถ้าเธอเบื่อที่จะอยู่กับฉัน ก็ไปซะ ฉันไปชวนคนอื่นก็ได้”

ดงเฮมองยูริที่เดินหนีไป เขารู้ว่าเธองอน แต่เธอจะรู้บ้างไหมว่าที่พูดน่ะเพราะเป็นห่วง ไม่ใช่เพราะเบื่ออย่างที่เธอพูดออกมา ดงเฮถอนลมหายใจหนักอึ้งก่อนจะก้าวเท้าเร็วๆเดินตามเธอไป

…ต้องง้ออีกตามเคยสินะ

ยูริได้รับเลือกเป็นนางเอกละครเรื่องแรกที่ทั้งคู่ร่วมเล่น ส่วนดงเฮก็จับพลัดจับผลูได้เป็นพระรองอย่างไม่รู้ตัว แต่เพราะละครเรื่องนั้นทำให้เขาได้ใช้เวลาร่วมกับเธอมากขึ้น และทำให้เขาเห็นหลายๆมุมของเธอ ยูริกับภาพลักษณ์ที่แสนจะเก่งและห้าวหาญ สาวสวยเซ็กซี่ประจำภาควิชาการแสดง จริงๆแล้วเธอเป็นแค่เด็กหญิงคนหนึ่งที่อ่อนไหว ภายนอกยูริจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่จิตใจของเธอเหมือนจะตรงกันข้าม และเขาก็กลายเป็นคนที่เคียงข้างเธอเสมอ

“ไม่ไหวเอาซะเลย จะทำของขวัญให้พ่อกับแม่เองก็ไม่ได้ ต้องให้เธอช่วยทุกที” เธอบ่นตัวเองครั้งที่พยายามจะถักผ้าพันคอคู่ให้คุณและคุณนายซอตามที่ตกลงไว้กับซอฮยอน โดยซอฮยอนจะถักให้คุณพ่อ ส่วนเธอจะถักให้คุณแม่ แต่สุดท้ายกลายเป็นดงเฮต้องมาช่วยถักจนเสร็จดี เขาได้แต่หัวเราะเบาๆพร้อมกับบอกเธอว่าเขายินดี

“ฉันเป็นพี่ที่ไม่เอาไหน ดูแลน้องเองก็ไม่ได้” เธอบ่นกับเขาเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนต้องกลายเป็นคนติวหนังสือให้กับซอฮยอนแทนที่จะเป็นเธอ พี่สาวแท้ๆ ดงเฮได้แต่จับหัวเล็กๆนั้นโยกไปเบาๆ พร้อมกับคำปลอบใจ ใช่ทุกคนจะถนัดในสิ่งเดียวกัน สำหรับซอฮยอนเธอเป็นพี่สาวที่วิเศษที่สุดแล้ว

“ฉันไม่ได้เรื่องเอาซะเลย เล่นละครไม่เอาไหน แล้วยังจะมาเป็นนางเอก” เธอพูดเสียงอู้อี้เมื่อพักฝึกซ้อมละครเวที เธอโดนผู้กำกับตำหนิเรื่องที่เธอไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ของนางเอกที่มีความรักได้ ดงเฮได้แต่โอบกอดเธอไว้เบาๆเพื่อปลอบใจ .. เธอไม่ใช่คนใจแข็งที่ไร้ความรัก เธอแค่แสดงออกไม่เก่งเท่านั้น

ในห้องประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยสถานที่ที่ใช้จัดละครเวที คณะนักแสดงยังคงซ้อมละครเวทีเป็นปกติแม้เวลาจะผ่านไปร่วมค่อนคืน บางคนเริ่มง่วงแต่ก็ยังฝืนที่จะทำต่อให้เสร็จด้วยรู้ว่าคนอื่นๆก็กำลังตั้งใจทำงานเช่นกัน จะเสียเวลาไม่ได้แม้ซักวินาที ยูริกำลังซ้อมบทอยู่กลางเวทีกับพระเอกละครและดงเฮ หญิงสาวกำลังมุ่งสมาธิไปที่บทละครจนไม่สนใจสิ่งต่างๆรอบตัว พลันหางตาของดงเฮเหลือไปเห็นเพื่อนร่วมชั้นที่ถือกำลังจัดไฟดูหมิ่นเหม่คล้ายจะหล่นลงมา เขามองพร้อมกับคิดเบาๆ “อย่าได้ตกลงมาเชียว” แต่ไม่ทันไรสิ่งที่เขาคิดก็เกิดขึ้นจริงๆ ไวกว่าความคิด ดงเฮกระโดดเข้าไปผลักยูริให้พ้นทาง

โครม!

เสียงดังสนั่นปนกับเสียงหวีดร้อง ร่างกายของดงเฮถูกขาตั้งไฟทับจนหมดสติ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ยูริได้แต่ยืนสั่นพร้อมจะทรุดลงไปทุกเมื่อ น้ำตาที่ไหลยากเย็นกลับไหลรินลงมาตามแก้มเนียนโดยที่เธอไม่รู้ตัว

“ดงเฮ” เธอครางเบาๆ อยากจะหยุดหายใจให้ได้เมื่อเห็นสภาพเขา “อย่าเป็นอะไรนะดงเฮ”

ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาช้าๆ เขากระพริบตาปริบๆก่อนจะมองขึ้นไปที่เพดานขาว เขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่เพื่อจะรับรู้ว่าขณะนี้ตนเองอยู่ที่โรงพยาบาล ร่างหนาพยายามขยับตัว หากแต่แขนซ้ายของเขากลับไร้ความรู้สึก .. หนักเกินไป ขยับไม่ได้ .. สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือพิการ แต่อย่างไรซะเขาก็ต้องลุก เขาต้องไปดูยูริ เธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ป่านนี้เธอคงร้องไห้ไม่หยุดเพราะมัวแต่โทษตัวเองว่าทำให้เขาเจ็บตัว ก่อนที่ดงเฮจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น น้ำเสียงงัวเงียก็ดังขึ้นมาจากข้างเตียง

“เธอตื่นแล้ว ฉันตกใจแทบแย่” ยูริเอ่ยเสียงงัวเงียพร้อมกับยกมือเรียวบางขึ้นมาขยี้ตาเพื่อขจัดความง่วง ดงเฮมองไปยังต้นเสียงเมื่อเห็นเธอขยับตัวให้นั่งถนัดขึ้น .. ขยับได้เสียที เพราะยูริแท้ๆทีเดียว มานอนทับแขนจนชาไปหมด .. ดงเฮค่อยๆเลื่อนมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า

ดวงตาคมมองใบหน้าสวยของเพื่อนสนิทที่บัดนี้ซีดกว่าที่เคยเป็น ตาคมสวยบวมแดงผิดไปจากที่เคยเห็น

“ฉันแย่ที่สุดเลย ทำให้เธอต้องเจ็บตัว” เธอเอ่ยขึ้น โทษตัวเองอีกครั้ง

ดงเฮเอื้อมมือหนาไปเช็ดน้ำตาให้กับเธอ เขาเดาเธอไว้ไม่ผิดจริงๆว่าเธอต้องโทษตัวเองแบบนี้ “ไม่ใช่เพราะเธอซักหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุ”

“ฉันขอโทษนะ และก็ขอบคุณจริงๆ” หญิงสาวพูด น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย

“ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะร้องไห้บ้างล่ะนะยูริ .. เธอก็รู้ฉันร้องไห้เก่งขนาดไหน” ยูริหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยิน เธอเลื่อนมือมาจับที่มือเขาและกุมมันไว้อย่างนั้น

…ขอบคุณที่ปกป้องฉัน ลี ดงเฮ

จากวันนั้นดงเฮบอกกับตัวเองเสมอว่าต้องดูแลเธอให้ดี ดีที่สุดเท่าที่จะดูแลเธอได้ ทั้งคู่เรียนรู้กันและกัน แบ่งปันความรู้สึก ดงเฮเป็นผู้ที่เข้าใจอารมณ์อ่อนไหวของยูริได้ดีที่สุด เขาจะกุมมือเธอเสมอ เช่นเดียวกับที่ยูริเข้าใจเขามากที่สุด เธอทำให้คนที่ร้องไห้ง่ายอย่างเขาแข็งแกร่งขึ้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอนำเสียงหัวเราะและรอยยิ้มมาให้กับเขา แต่ไม่เคยมีคำพูดใดออกมาจากทั้งสองคน แค่รู้สึกดีก็เพียงพอแล้ว แค่ได้ดูแลเธอก็เพียงพอแล้ว

ละครเรื่องแล้วเรื่องเล่าผ่านไปพร้อมความสัมพันธ์ที่งอกงามขึ้นโดยที่ทั้งคู่เองก็ไม่คาดคิด สามปีแล้วที่เขาเฝ้าดูแลยูริ .. และอยู่เคียงข้างเธออย่างนั้น

“ยูริ มีคนมาหา” เสียงตะโกนดังขึ้นเมื่อเห็นคยูฮยอนเข้ามาในหอประชุมในระหว่างที่กำลังมีการซ้อมละครเวที

“พาแฟนใหม่มาอวดแกด้วย” อีกเสียงนึงตะโกนขึ้นอย่างหยอกเย้าเมื่อเห็นว่าเขาเดินมากับสาวน้อยหน้าหวานราวกับตุ๊กตาเคลือบ

“นี่น้องสาวของยูริเว้ย! ฉันกับยูริยังรักกันดี อย่ามายุเลยน่า” คยูฮยอนตะโกนตอบกลับไปอย่างขำๆโดยไม่ทันได้สังเกตอะไร ดงเฮได้ยินคำพูดดังกล่าวได้ยินนิ่งอึ้งไป หัวใจของเขาชาหนึบ เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่เขาได้ยินคยูฮยอนพูดชัดเจนขนาดนี้ ชัดเจนจนเขาเองก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แต่สิ่งที่เขาบอกได้คือตอนนี้เขารู้หัวใจตัวเองแล้วหลังจากที่เขาใช้เวลาหลังจากที่คยูฮยอนและซอฮยอนกลับไปทบทวนบางอย่าง เขารักยูริ ความผูกพันธ์มันก่อตัวกลายเป็นความรักต้องแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ไม่เคยคิดจะโกหกหัวใจตัวเอง .. เวลาก่อให้เกิดความรักขึ้นมาเงียบๆแต่หนักแน่นเหลือเกิน

…ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เธอฉันคงต้องบอกเธอ

ค่ำแล้วการซ้อมละครเวทีจบลง ดงเฮเดินมาส่งยูริเหมือนทุกๆวัน เขาและเธอใช้เวลาทุกนาทีที่อยู่ร่วมกันอย่างคุ้มค่า ดงเฮเฝ้าคิดมาตลอดทางว่าเขาจะบอกเธอยังไงดี จะเริ่มยังไง จะพูดแบบไหน ทุกอย่างเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ แต่ทุกอย่างมันดูใช่ไปหมดในความรู้สึกเขา ไม่ทันที่เขาจะเริ่มพูดมือเรียวบางก็เอื้อมมาจับเขา

“ดงเฮ ฉันมีอะไรจะบอกเธอ”

ร่างสูงหยุดนิ่งก่อนจะหันมามองสาวผิวสีน้ำผึ้งตรงหน้า ดวงตาคมสวยคู่นั้นไม่ได้ปิดบังความรู้สึกใด ชัดเจนราวกับเธอกำลังบอกอะไรเขาอยู่ .. แต่ไม่ใช่ตอนที่กำลังดึงแขนอยู่อย่างนี้ มันไม่ใช่แบบนี่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็น

“เดี๋ยวก่อน ยูริ”

“ฉันไม่หยุด เธอสิต้องหยุดและฟังฉันพูด .. ฉันคิดว่า”

“ยูริ!” ร่างสูงแทบจะกระโดดไปปิดปากคนที่อยู่ตรงหน้าที่ไม่ยอมหยุดพูดตามที่เขาบอก

“ไม่หยุด ก็ฉันจะพูดนี่นา” ยูริค้าน ไม่ว่าอย่างไรเสียเธอก็ไม่หยุด เธอพูดในสิ่งที่เธอคิดเสมอและคราวนี้ก็เช่นกัน นี่ล่ะยูริของแท้ ไม่เคยฟังอะไร ไม่ยอมใครหน้าไหน ปกติทุกครั้งดงเฮจะต้องยอมเธอ แต่ครั้งนี้คงต้องเป็นข้อยกเว้น

ยูริดิ้นอย่างแรงเมื่อรู้สึกถึงมือหยาบที่ปิดเข้าที่ปากเธอ ร่างสูงโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหู “ฉันเองก็คิดเหมือนเธอนั่นแหละ”

แก้มนวลใสขึ้นสีแดงจัด มือเรียวบางยกขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งเขินอาย ตกใจ ระคนดีใจ ดงเฮมองมองหน้าแดงก่ำราวกับมะเขือเทศนั้นพร้อมกับยิ้มเบาๆ .. อายกับเขาก็เป็นนี่นา ปกติเห็นมีแต่ทำซ่าก๋ากั่นเวลามีชายหนุ่มมาบอกรัก

“ก็บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งพูด เรื่องอย่างนี้ให้ผู้หญิงพูดก่อนได้ยังไงเล่า” ดงเฮยกมือปัดผมตัวเองแบบเก้อๆ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทรู้ใจมานาน แต่พอบอกความจริงที่ต่างคนต่างซ่อนไว้ก็พาลเขินไม่น้อย

ยูริหัวเราะคิกเมื่อได้ยินชายตรงหน้าพูด ดงเฮเป็นอย่างนี้เสมอ เขามักจะทำให้เธอหัวเราะโดยไม่รู้ตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนที่เขาบอกรัก

“หัวเราะอะไรเล่า” คนถูกขำได้แต่ยืนทำหน้างอจนยูริต้องดึงแขนของเขาเพื่อนำทางไป

สองคนเดินเคียงข้างกันอย่างอบอุ่น ทุกก้าวย่างที่เดินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้จะมีความสุข แต่ถึงอย่างนั้นเขาทั้งสองก็ยังมีเรื่องให้คิด .. คยูฮยอน แฟนของยูริ เพื่อนสนิทของเขา .. เขาจะทำอย่างไร ในเมื่อทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นและได้รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง สำหรับเธอแล้วความรู้สึกที่เธอมีให้ดงเฮช่างแตกต่าง ทั้งอ่อนหวาน อ่อนไหว ไม่มั่นใจ แต่สบายใจในเวลาเดียวกัน เขาทำให้น้ำตาของเธอหายไป เธอรักเวลาที่เธอรู้สึกอย่างนั้น และสำหรับดงเฮแล้วเธอคือคนที่เขาต้องการจะดูแลไปตลอดชีวิต เธอคือโลกทั้งใบสำหรับเขา

…เธอสำคัญขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไรกันนะ

มือน้อยกระตุกแขนแกร่งให้หยุดเดินก่อนที่จะถึงหน้าประตูบ้าน “ดงเฮ .. ฉันจะบอกคยูฮยอนยังไงดี”

“บอกตามความจริง ฉันคิดว่าคยูฮยอนเข้าใจ” ดงเฮตอบพลางคิดถึงเพื่อนสนิท เขารู้มันคงลำบากสำหรับทั้งสามคน แต่นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็คงดีกว่าการโกหกกัน

แน่นอนว่าคนอย่างโจว คยูฮยอน ไม่มีทางหายโกรธได้ง่ายๆ เขาแทบจะไม่มองหน้าดงเฮและยูริหลังจากที่ยูริบอกเขาเรื่องความสัมพันธ์ของเธอและดงเฮ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น ดงเฮมองมือเล็กที่เขากุมอยู่ จะปล่อยมือนี้ไปได้ยังไงกัน ในเมื่อรักขนาดนี้ เขาได้แต่หวังว่าเวลาจะทำให้คยูฮยอนเข้าใจอะไรได้ดีขึ้นและให้อภัยพวกเขาได้ในที่สุด

ดงเฮเดินไปมาอยู่หน้ากระจก ตื่นเต้นจนนั่งแทบไม่ติด จนเมื่อมีเด็กน้อยยื่นจดหมายซองเล็กๆให้กับเขา

– ฉันมีธุระจะคุยกับพี่ ช่วยมาพบฉันที่สวนหลังโบสถ์ด้วยนะคะ .. ซอฮยอน –

คิ้วหนาขมวดนิ่วอย่างสงสัย ซอฮยอนอยากคุยกับเขาเรื่องอะไรกัน หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ เขารู้ว่ามันฉุกละหุกแต่เพราะเป็นซอฮยอนเขาจึงมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรมันคงสำคัญไม่น้อยถึงได้เรียกมาก่อนพิธีเริ่มเพียงไม่กี่นาทีอย่างนี้ร่างสันทัดในชุดทักสิโดรีบสาวเท้าออกไปยังที่นัดหมายเพียงเพื่อพบกับความว่างเปล่า ซอฮยอนยังไม่มา เขายกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมองอย่างกังวล .. ใกล้เวลาพิธีแล้ว เธอจะทำอะไรกันแน่ซอฮยอน

เสียงฝีเท้าเดินมาเบาๆ ร่างสูงหันมาเกือบจะทันทีที่รู้ถึงการเคลื่อนไหว

“มีอะไรหรือ ซอฮยอน” เขาถาม

“สัญญานะคะว่าพี่จะดูแลพี่สาวฉันอย่างดี อย่าทำให้พี่ยูริเสียใจนะคะนะคะ .. ไม่งั้นพี่ตายแน่” ซอฮยอนพูดแกมขู่ เสียงหวานๆของเธอไม่เหมาะกับท่าทางอย่างนี้จริงๆ แต่พอคิดว่าเป็นเรื่องของยูริแล้ว เขาเชื่อว่าเธอทำได้อย่างที่พูด

“ที่ผ่านมายังไม่พิสูจน์อะไรได้อีกเหรอ” ดงเฮถามกลับ เขารู้ว่าเธอเองรู้ดีว่าเธอไว้ใจเขาได้ แต่เธอแค่ต้องการความมั่นใจเท่านั้นเอง เขารู้พี่น้องคู่นี้ผูกพันกันมากกว่าคู่ไหนๆ ยูริและซอฮยอนทำให้เขาเชื่อในคำว่า ‘Sister Bond’

“ไม่รู้ล่ะค่ะ ถ้าเธอร้องไห้แม้แต่นิดเดียว พี่ตายแน่ .. ฉันจะไปจัดการพี่ด้วยมือของฉันเอง” ซอฮยอนขู่สำทับอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป แมวน้อยของยูริกลายร่างเป็นนางเสือพร้อมจะตะปบเขาได้ทุกเมื่อหากไม่รักษาสัญญา ดงเฮหัวเราะเบาๆเมื่อคิดว่าวันนี้เป็นวันที่เขารอคอยมาแสนนาน วันแต่งงานของเขากับยูริ เขารักและรอวันที่เธอจะได้ดูแลเธออย่างสมบูรณ์แบบมานานขนาดนี้ ไม่มีทางเสียล่ะที่เขาจะทำเธอให้เสียใจ

ประตูโบสถ์เปิดขึ้นพร้อมกับร่างบางระหงอยู่ในชุดเปิดไหล่ประดับเลื่อมระยับชายยาวระพื้น ยูริค่อยๆเดินไปตามพรมแดงที่โรยไว้ด้วยกลีบดอกไม้สีขาว ดงเฮเกือบจะหยุดหายใจเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เธอสวยราวกับนางฟ้าจนเขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้สักวินาที วินาทีนั้นเขารู้ตัวแค่เพียงว่าเขากล่าวคำว่า “ผมรับ” ก่อนจะประทับปากลงที่กลีบสวยนั้นไว้อย่างไม่อาจถอน

…ฉันรักเธอ ซอ ยูริ

หลังจากแต่งงาน ยูริและดงเฮอาศัยย้ายไปอยู่ในอพาร์ทเมนต์ขนาดกลางในกรุงลอนดอน ไม่ไกลนักจากที่พักของซอฮยอน ทั้งคู่เคยชวนให้ซอฮยอนมาอาศัยอยู่ร่วมกันโดยจะซื้อหาที่พักที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้พอเหมาะกับขนาดครอบครัว แต่ซอฮยอนปฏิเสธ เธอบอกว่าคู่แต่งงานควรจะใช้เวลาช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ให้เต็มที่

“ฉันจะได้มีหลานไวๆไงคะ” ซอฮยอนพูดยิ้มกว้างก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไม่สนใจยูริที่หน้าขึ้นสีจากคำพูดของน้องสาว เธอตีเขาที่แขนแกร่งเบาๆเมื่อเห็นเขาไม่ว่าอะไร

“อะไรกัน” เขาเอ็ด มือลูบแขนที่ถูกเธอตีป้อยๆ “ตีฉันทำไม ตีซอฮยอนสิ นั่นซอฮยอนเป็นคนพูดนะ”

“ก็เพราะเธอไม่ใช่เหรอที่ทำให้ฉันโดนล้อ” ยูริค้านหน้าแดงก่ำ .. อายจนไม่รู้จะพูดยังไง ก็เพราะเขานั่นแหละแสดงความรักประเจิดประเจ้อจนน้องเห็นแล้วเอามาล้อเธอได้ ซอฮยอนก็อีกคน มาแซวเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน แถมยังทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้เล่นเอายูริอยากจะจับน้องสาวที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ตรงหน้ามาตีซะให้เข็ด ดงเฮไม่ฟังคำที่สาวเจ้าบ่นว่าแม้แต่น้อย เขาคว้าตัวเธอมากอดแนบอกแกร่งก่อนที่จะกระซิบข้างหูเบาๆ

“ซอฮยอนนี่รู้ใจฉันจริงๆ”

เขาตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงนกร้อง ดงเฮขยับตัวมองนาฬิกาที่อยู่หัวเตียง เจ็ดโมงเช้า เขาเหลือบมองร่างบางที่ยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นทั้งๆที่ปกติเธอจะตื่นมาทำอาหานเช้าให้เขาทาน เธอคงเหนื่อย ดงเฮคิด .. แปลกจริง เมื่อคืนก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับเธอซักหน่อย ออกจะนุ่มนวลอ่อนโยนแท้ๆ ดงเฮคิดตามแบบคนขี้เล่น ถ้ายูริล่วงรู้ถึงความคิดเขาคงโวยวายหาว่าเขาทะลึ่งอีกแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้นเพื่อจัดการธุระส่วนตัวก่อนจะเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า

ควันกาแฟหอมกรุ่นปลุกยูริขึ้นมา เธอเดินมาโอบกอดดงเฮจากด้านหลังก่อนมองอาหารที่เขากำลังปรุงอยู่ หญิงสาวทำท่าพะอืดพะอมเมื่อได้กลิ่นอาหารที่หอมชวนทานแล้วจึงวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำก่อนจะมานอนซมหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงไม่ต่างจากเมื่อเช้า ดวงหน้าคมสวยบัดนี้ซีดไร้สีเลือดจนดงเฮตกใจ

“ไปหาหมอเถอะนะยูริ” ดงเฮลูบศรีษะเธอเบาๆ แววตาบ่งชัดว่าเป็นห่วง เป็นขนาดนี้แล้วเธอยังจะดื้ออยู่อีก “เธอเป็นอย่างนี้แล้วฉันจะไปทำงานได้ยังไงกัน”

“รอดูซักวันนะดงเฮ เธอไปทำงานเถอะ ฉันจะเรียกจูฮยอนมาอยู่เป็นเพื่อน” ยูริยังคงปฏิเสธอย่างอ่อนแรง

“เย็นนี้ถ้าไม่ดีขึ้นเธอต้องไปหาหมอ” เขากล่าวเสียงจริงจังก่อนประทับปากลงที่กลางหน้าผาก ก่อนเลื่อนมาที่แก้ม แล้วจึงหยุดนิ่งที่ริมฝีปากบาง

“ฉันป่วยอยู่นะ” ยูริพูดเสียงเบาเมื่อดงเฮถอนจูบ

“เพราะเธอป่วย ฉันถึงต้องให้กำลังใจไง” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนออกไปทำงาน

ยูริโทรหาซอฮยอนทันทีที่ลับตา เธอบอกให้น้องสาวรีบมาหาเพราะมีเรื่องสำคัญระดับชาติ หญิงสาวบอกน้องว่าเธอตั้งครรภ์ได้สองเดือนเศษ ซอฮยอนดีใจจนตัวโยน แต่เธอมองน้องสาวแววตาบอกถึงความลังเล ยูริรู้ดีว่าตอนนี้เธอและดงเฮไม่พร้อมที่จะมีลูก ดงเฮต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายและการเลี้ยงดูเด็กที่จะเติบโตในต่างประเทศ เธอจะทำมันได้อย่างไร ซอฮยอนโอบกอดพี่สาว หญิงสาวรู้ดีว่ายูริหนักใจแค่ไหน แต่เธอยังย้ำกับยูริว่าเธอควรจะปรึกษาดงเฮให้ดีๆก่อนจะตัดสินอะไรไป ลูกคือของขวัญ​ .. มันควรจะเป็นอย่างนั้น

ดงเฮวางข้าวของอุปกรณ์ถ่ายภาพเมื่อกลับมาถึงบ้าน ยูริที่เดินกระสับกระส่ายหันมองมาทางเขาจนเกือบจะทันที เธอคิดถึงคำพูดของซอฮยอนวนไปวนมา ลูกคือของขวัญงั้นหรือ

“เป็นอะไรเหรอยูริ” ดงเฮถาม

“ถ้าเรามีลูกจะดีไหมดงเฮ” เธอตอบเขาด้วยคำถาม คำพูดสวยงามที่ตั้งใจเรียบเรียงเอาไว้ในหัวถูกลืมไปเสียสิ้นเหลือแค่เพียงคำถามห้วนๆสั้นๆ

ดงเฮแทบหูอื้อเมื่อได้ยิน .. ลูก .. สิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝัน ดงเฮคิดถึงมือน้อยๆที่เขาจับจูงให้ก้าวเดินทีละก้าว เสียงเด็กน้อยที่เรียกเขาว่าพ่อ ดงเฮกำพร้าพ่อ พ่อเสียตั้งแต่เขาอยู่มัธยม นับตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็คิดว่าเสมอจะต้องสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและได้เป็นพ่อที่ดีอย่างพ่อของเขา น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อคลอด้วยความยินดีจนพูดไม่ออก ในที่สุดพระเจ้าก็เห็นใจให้โอกาสเขาได้เป็นพ่อ

“นี่! ลี ดงเฮ .. ฉันกำลังจะมีลูก นายกำลังจะเป็นพ่อคนจะมานั่งร้องไห้ไม่ได้นะ” ยูริร้องโวยเมื่อเห็นชายหนุ่มเริ่มออกอาการขี้แย

สิ้นคำเสียงหัวเราะประสานกันแทบจะทันที ดงเฮกอดยูริแน่น แม้พวกเขาจะยังไม่พร้อม แต่ถ้ามีเธอเคียงข้างเขามั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี

ยูริให้กำเนิดลูกสาว “ยูมี” ทั้งคู่เกิดขึ้นมาท่ามกลางความรักจากทั้งพ่อและแม่ ยูริเสียเลือดมากจากการคลอด และตกเลือดหลังคลอดเป็นจำนวนมากจนเกือบเสียชีวิต วินาทีที่แพทย์แจ้งอาการเธอ หัวใจของเขาเกือบหยุดเต้นเมื่อคิดว่าต้องเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไป ยูริต้องเธอเผชิญกับภาวะโลหิตจาง เป็นผลทำให้ภูมิต้านทานต่ำและร่างกายอ่อนแอ เธอป่วยกระเสาะกระแสะบ่อยจนไม่สามารถดูแลลูกน้อยได้ด้วยตนเองไหว ซอฮยอนจึงช่วยดูแลยูมีแทนเวลาเธอป่วย โดยที่เขาใช้เวลาว่างทั้งหมดไปกับการดูแลเธอ “เธอเหนื่อยไหม” เธอมักจะถามเขาเสมอ

“ฉันไม่เคยเหนื่อยที่ได้ดูแลเธอและลูก การอยู่เคียงข้างเธอทำให้ฉันมีความสุข” นั่นคือคำตอบที่เขาพร่ำบอกเธอเสมอ

จนเมื่อยูริทรุดหนัก เธอมีภาวะปอดติดเชื้อเฉียบพลัน ในบรรยากาศห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลเงียบสงบ ลมหนาวเริ่มพัดมาอ่อนๆแม้จะยังไม่เข้าฤดูหนาว “ถ้าหิมะยังไม่ตกก็แสดงว่ายังไม่ใช่ฤดูหนาว” เธอชอบบอกเขาอย่างนั้น ยูริรักหิมะ มันทำให้เธอคิดถึงตอนเด็ก ตอนนั้นทุกอย่างช่างง่ายดายมีเพียงความบริสุทธิ์สดใส เธอชอบเดินกอดแขนดงเฮเสมอเวลาหิมะโปรย ไออุ่นของเขาทำให้เธออบอุ่น ดวงตาคมมองซอฮยอนขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆยูริราวกับว่าเธอเป็นเด็กน้อย สองพี่น้องกระซิบกันเบาๆในสิ่งที่เขาไม่ได้รับรู้ ดงเฮเบือนหน้าหนี เขายืนสะกดอารมณ์นิ่ง กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากเย็น ไม่อาจเอ่ยคำใดเพราะรู้ดีว่าคงระงับเสียงไม่ได้สั่นไม่ได้

…ร้องไห้ไม่ได้ ยูริจะเป็นห่วง

ซอฮยอนขอตัวออกไปด้านนอกเพื่อปล่อยให้เขาอยู่กันสองคน เขารู้เธอออกไปเพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ ไม่ต่างอะไรกับเขา เขาได้ยินเสียงเรียกของเธอที่เบาหวิวราวกับลมในฤดูหนาว

“ช่วยฉันหน่อยสิ ฉันอยากไปมองท้องฟ้ากับเธอ”

ดงเฮช้อนอุ้มตัวเธออย่างง่ายดาย ตัวเธอเบาราวกันนุ่น ยูริผ่ายผอมลงมากตั้งแต่เธอป่วยออดๆแอดๆ แต่ใบหน้าสวยหวานยังคงมีรอยยิ้มเสมอ เขาพาเธอมานั่งที่ริมหน้าต่างตามที่เธอขอ ลมเย็นๆที่พัดผ่านมาทางหน้าต่าง ภาพพระอาทิตย์กำลังจะลับตาอยู่เบื้องหน้าสวยจนเขาอยากจะหยุดเวลาไว้

“สัญญากับฉันนะว่าเธอจะมีความสุข ดูแลลูกสาวของเราให้ดีให้สมกับที่เขาเป็นของขวัญแต่งงานของเรา” ยูริกระซิบที่ข้างหูเขา ดงเฮกระชับกอดแน่นน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อายให้กับคำพูดของภรรยารัก

“อย่าร้องไห้สิ ทุกเวลาทุกนาทีที่ฉันอยู่กับเธอเป็นเวลาที่น่าจดจำ เธอไม่คิดอย่างนั้นเหรอดงเฮ” เสียงหวานของเธอเอ่ยเบาๆราวกับสายลมที่พัดผ่าน

…ดงเฮ ได้โปรดใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขแทนฉันด้วย

ยูริจากไปพร้อมกับหิมะแรกของปี เหมือนโลกทั้งโลกของเขาหยุดหมุน ดวงตาของเขาเห็นแต่สีขาวดำ เขาหมดแรงพลังจะก้าวเดินแม้จะบอกตัวเองเสมอว่าต้องเข้งแข็งเพื่อยูมี ตัวแทนแห่งความรักของทั้งคู่ .. ของขวัญแต่งงานของเขาและยูริ .. แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้าลูกสาวก็มักจะมีภาพของเธอซ้อนขึ้นมาเสมอ เด็กน้อยเหมือนภรรยาของเขาเสียเหลือเกิน เขารักลูกแต่เขาเองก็เจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีดลงกลางใจ ดงเฮเลือกทำงานหนักเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อลืมเธอและทิ้งลูกน้อยไว้ให้ซอฮยอนดูแล แม้รู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ยูริต้องการ

ภาพของยูริยังคงชัดเจนในความทรงจำของเขา ภาพเธอยิ้ม ภาพเธอหัวเราะ ภาพเธอเดินกอดแขนเขาในวันหิมะตก ภาพเธอเล่นกับซอฮยอน ภาพเธอโอบกอดยูมี แล้วเขาจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรโดยที่ไม่มีเธอ

…ยิ่งความทรงจำของเรางดงามแค่ไหน ฉันยิ่งเสียใจที่ต้องก้าวเดิน

…ฉันจะอยู่ในหัวใจของเธอตลอดไป รู้สึกไหมว่าความรักของฉันอยู่รอบตัวเธอ

อีกหนึ่ง Special Chapter ที่ดึงมากจากมหากาพย์ฟิคกาก Loving You ที่เขียนไว้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เรื่องนี้รีไรท์ไม่เยอะเท่าไรเพราะไม่รู้จะเขียนยังไงค่ะ แถมเขียนไว้นานแล้วอีก เอาเป็นว่า….อ่านดูพัฒนาการคนเขียนแล้วกันนะคะ ㅠㅠ

What lies between us is Sister Bond
You are a part of my life

“ยูริ หนูกำลังจะได้เป็นพี่คนแล้วนะลูก” คุณนายซอพูดกับยูริน้อยที่อายุสองขวบกว่าอย่างอ่อนโยน มือเรียวบางลูบไปที่ศรีษะเล็กๆของเด็กหญิงอย่างรักและเอ็นดู ลูกสาวคนแรกของเธอเป็นสิ่งพิเศษในชีวิต บัดนี้พระเจ้าได้มอบความปิติยินดีให้แก่ครอบครัวของเธออีกครั้ง

“พี่? ยูริจะได้เป็นพี่เหรอคะ แล้วใครจะมาเป็นน้องให้ยูริล่ะคะ” ยูริน้อยซึ่งอยู่ในวัยกำลังช่างถามถามคำถามที่คนเป็นแม่อดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมาอย่างขันนักกับความน่ารักของลูกสาวคนนี้ของตน

“น้องของยูริเป็นสิ่งพิเศษ ตอนนี้น้องอยู่ตรงนี้นะลูก” คุณนายซอจับมืออูมเล็กของลูกสาวมาวางไว้ที่หน้าท้องที่เริ่มนูนของตนเบาๆพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “พูดกับน้องไหมลูก น้องรู้เรื่องนะ”

“แล้วถ้ายูริพูด น้องจะตอบยูริยังไงล่ะคะ” ยูริน้อยยังคงตั้งคำถาม เด็กหญิงอยากรู้จักคนที่จะมาเป็นน้อง น้องของเธอจะหน้าตาเป็นยังไงนะ จะเหมือนเธอไหม เล่นได้ไหม จะตัวเท่าเธอเลยหรือเปล่า แล้วน้องจะมาเล่นกับเธอได้อย่างไนในเมื่ออยู่ในตัวแม่อย่างนั้น

“ไว้น้องเบื่อจะโตในตัวแม่แล้วก็จะออกมาตอบยูริด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นยูริต้องช่วยแม่ดูแลน้องนะลูกนะ” คุณนายซอตอบพร้อมโอบกอดลูกสาวคนโตอย่างอบอุ่น สิ่งล้ำค่ากำลังเติบโตอย่างช้าๆภายในตัวเธอ

“ยูริลูก อย่าพาน้องไปไกลนะ” คุณนายซอร้องเตือนยูริที่วิ่งจับจูงมือจูฮยอนน้องสาววัยอ่อนกว่าสามปีให้วิ่งตามไป .. จูฮยอน ยูริเป็นคนเลือกชื่อนี้เอง ชื่อที่มารดาบอกว่ามันแปลว่าไข่มุกล้ำค่า ยูริบอกว่าชื่อนี้เพราะเหมาะกับน้องสาวที่น่ารักของเธอที่สุด ลูกสาวคนเล็กของบ้านตระกูลซอจึงได้ชื่อว่าเด็กหญิงซอ จูฮยอน หรือที่ใครๆพากันเรียกสั้นว่าซอฮยอน

ภาพเด็กหญิงสองคนเดินจูงมือเล่นกันเป็นภาพที่แสนจะคุ้นชินของคนที่อยู่อาศัยในละแวกนั้น คนพี่มักจะผูกผมม้ารวบไว้ ท่าทางก๋ากั่นไม่ยอมคนแถมซนจนเหมือนเด็กผู้ชาย ส่วนน้องสาวคนเล็กนั้นผิวขาวจนเกือบจะไร้สีตัดกับปากสีชมพูสด ผมยาวถูกถักเป็นเปียอย่างน่ารัก ดูอย่างไรก็ไม่ต่างกับตุ๊กตาตัวน้อย มือเล็กผอมมักจะจับอีกมือที่เล็กกว่า บ้างก็วิ่งเล่นไล่จับ ส่งเสียงร้องกันอย่างสนุกสนานจนผู้พบเห็นต่างก็ยิ้มตามไปตามๆกัน

“จูฮยอนมาเร็ว” ยูริจับมือน้องสาวแน่นไม่ปล่อยให้ไปไหน สองพี่น้องวิ่งเล่นเพลินกันจนมาถึงริมธารน้ำ ยูริเหลือบไปเห็นเพิงเล็กๆใต้โคนไม้ใหญ่ เธอวิ่งไปดูอย่างกระตือรือร้นด้วยความสงสัยโดยให้น้องสาวยืนดูอยู่ห่างๆ ยูริมองดูภาพข้างหน้า เจ้าลูกแมวน้อยร้องสี่ตัวแข่งกันร้องเหมียวๆไม่ยอมหยุด .. แม่แมวไปไหนกัน .. เด็กน้อยคิดก่อนจะกวักมือเรียกน้องสาวให้มาดูด้วยกัน

“จูฮยอน มานี่เร็ว”

ซอฮยอนวิ่งตือไปยังที่ที่พี่สาวยืนดูแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ดวงตากลมเบิกโตอย่างยินดีเมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆตรงหน้า

“ลูกแมวน้อย” เธอเอ่ยอย่างตื่นตาตื่นใจ “ฉันเก็บไว้ได้ไหมคะ”

“ไม่ได้หรอกจูฮยอน คุณแม่คงไม่อนุญาตหรอก เดี๋ยวก็ตีกับเจ้าอินุตายพอดี” ยูริปรามน้องสาว โดยไม่ลืมพูดถึงอินุ ลูกหมาซอฮยอนเพิ่งเก็บไปเลี้ยงก่อนหน้านี้แล้วตัวนึง

“แม่ของมันอยู่ไหนล่ะคะ”ซอฮยอนน้อยยังคงถาม สายตามองลูกแมวตัวจ้อยอย่างสงสาร “มันคงเหงานะคะที่แม่ไม่อยู่ด้วย ไม่เหมือนฉันเลย ฉันยังมีพี่เวลาที่แม่ไม่อยู่ ฉันเลยไม่เหงา”

ยูริมองน้องสาวตัวจ้อยที่พูดจะฉะฉาน ซอฮยอนเป็นนักเหตุผล เธอมักจะยกเหตุผลสารพัดเวลาพูด ถึงแม้มันจะเป็นเหตุผลแบบเด็กๆก็ตาม คราวนี้ก็เช่นกัน

“แต่มันก็มีพี่น้องนะจูฮยอน เยอะกว่าเธอด้วยซ้ำ เหมือนเธอมีพี่อีกสามคนแน่ะ” ยูริพูดพร้อมกับชูนิ้วสามประกอบ

“แต่มันไม่มีแม่นะคะ” ซอฮยอนยังคงค้าน

“แม่มันอาจจะไปหาอาหารอยู่ก็ได้นะ”

“งั้นเราอยู่เป็นเพื่อนมันจนกว่าแม่มันจะมาได้ไหมคะ” ซอฮยอนยังคงเสนอทางเลือก เด็กน้อยชอบเล่นกับสัตว์มาแต่ไหนแต่ไร เห็นสัตว์ไม่มีเจ้าของก็พาลจะเก็บมาเลี้ยงทุกครั้งไป ถ้าไม่โชคดีเหมือนครั้งอินุที่เป็นหมาเล็กเลี้ยงง่ายแล้วล่ะก็ แม่หนูน้อยมักจะขอเล่นกับสัตว์พวกนั้นจนวินาทีสุดท้ายโดยมียูริอยู่เป็นเพื่อน

เด็กทั้งสองเล่นกับลูกแมวน้อยเพลินจนแม่แมวกลับมาก็ยังไม่ยอมกลับด้วยกำลังติดพัน แมวแม่ลูกอ่อนตัวนี้ต่างจากแมวแม่ลูกอ่อนทั่วไปที่มักจะหวงลูก แม่แมวตัวนี้ไม่ดุหรือหวงลูกเลยแม้แต่น้อย แต่กลับอวดลูกตัวนั้นตัวนี้ให้เด็กหญิงได้เล่นราวกับรู้ว่าเด็กหญิงทั้งสองไม่ได้จะทำอันตรายกับลูกตน ในขณะที่กำลังเล่นเพลินเสียงฟ้าร้องครืนดังขึ้นจนยูริต้องเหลือบขึ้นมอง เมฆฝนลอยครึ้มเหมือนฝนตั้งเค้าจะตกตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจทราบได้ ผู้เป็นพี่จึงรีบเรียกน้องสาว

“จูฮยอน กลับกันเถอะ ฝนจะตกแล้ว”

ไม่ทันสิ้นคำ ฝนก็กระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว เด็กทั้งสองได้แต่หลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลนักจากเพิงของลูกแมว สองพี่น้องกอดกันกลมด้วยความหนาวสั่น หากแต่ฝนที่ตกลงมากลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย

“ไว้ฝนซาเราวิ่งกลับบ้านกันนะจูฮยอน ถ้ารอฝนหยุดสงสัยไม่ได้กลับบ้านแน่เลย” ยูริเอ่ยขึ้น ซอฮยอนได้แต่พนักหน้าหงึกหงักรับคำผู้เป็นพี่สาว

“จูฮยอน! ยูริ!” เสียงเรียกคุ้นเคยดังขึ้นปลุกเด็กน้อยที่หลับไหลให้ตื่นขึ้น ยูริรู้สึกถึงน้ำหนักตัวของน้องสาวที่ทับอยู่บนไหล่ของเธอ ทั้งหนักและร้อน เธอเอื้อมมือผอมไปจับตัวน้องสาวเพื่อจะปลุกแต่ซอฮยอนตัวน้อยกลับหลับนิ่งไม่ไหวติง ร่างจ้อยร้อนผ่าวราวกับไฟ เด็กหญิงหันซ้ายขวาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรก่อนที่จะร้องเรียกผู้เป็นแม่ “แม่คะ! เราอยู่นี่ค่ะ!!”

คุณนายซอหันขวับมาตามเสียงเรียกคุ้นหู หญิงสาวตัดสินใจถือร่มออกมาตามหาลูกสาวด้วยเห็นว่าผิดเวลาไปนานและฝนก็ตกหนัก เด็กๆคงติดฝนอยู่ที่ไหนซักแห่ง เธอพยายามตามหาตามบ้านเพื่อนบ้านที่เด็กๆมักจะไปเล่นแต่กลับไม่พบ ทำเอาความกังวลของคนเป็นแม่นั้นไม่อาจบรรยายได้ว่ามากแค่ไหนที่ลูกสาวทั้งสองคนของเธอหายไป สิ่งล้ำค่าของเธอ..หายไป เมื่อได้ยินเสียงของลูกสาวคนโต ร่างระหงของคนเป็นแม่รีบวิ่งมาตามเสียงแทบจะทันที

“แม่คะ น้องตัวร้อนจี๋เลย ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น” ยูริพูดร้อนรนเมื่อเห็นผู้เป็นแม่ เด็กหญิงกอดน้องสาวแน่นไม่ยอมปล่อย สีหน้าร้อนรนกว่าครั้งไหนๆ ยิ่งกว่าพาเจ้าอินุไปทำสวนหลังบ้านพังทั้งแปลงเสียอีก

“ไหนให้แม่ดูน้องหน่อยสิยูริ” เสียงของคนเป็นแม่บ่งชัดถึงความเครียดขึ้ง หากแต่คุณนายซอยังคงตั้งสติเต็มที่ มือเรียวบางของแม่สัมผัสตัวซอฮยอนก่อนจะอุ้มลูกสาวคนเล็กแนบอกอย่างร้อนใจ “ไปเร็วลูก เราต้องพาน้องไปหาหมอ”

หนูน้อยซอฮยอนลืมตาตื่นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย ห้องสีขาวโพลนจนแสบตาบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆที่เธอไม่ชอบ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆก่อนจะหยุดลงที่ข้างๆ พี่สาวคนโตกำลังหลับสนิท คนตัวเล็กกว่าขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นแต่กลับทำไม่ได้ง่ายๆดังใจคิด ยูริรู้สึกตัวเกือบจะทันทีที่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหว

เด็กหญิงซอ จูฮยอนหมดสติไปสองวันเต็มด้วยอาการปอดบวมโดยมีครอบครัวดูแลใกล้ชิด โดยเฉพาะยูริที่ไม่ยอมห่างน้องสาว เธอไม่สนใจแม้ว่าคุณและคุณนายซอจะปรามเพราะเกรงว่าลูกสาวคนโตจะเป็นหวัดไปอีกคน แต่เด็กน้อยกลับให้เหตุผลสั้นๆ “เดี๋ยวน้องเหงา”

“จูฮยอนอา .. พี่ขอโทษที่ดูแลเธอไม่ดี เธอเลยป่วยหนักขนาดนี้” เด็กหญิงกล่าวขอโทษน้องสาวในความบกพร่องของตัวเอง “เธอต้องให้น้ำเกลือด้วย เจ็บมากไหม”

ซอฮยอนเหลือไปมองสายน้ำเกลือก่อนมองที่แขนเล็กๆของตัวเอง ร่างเล็กซีดเซียวมองพี่สาวยิ้ม แม้จะอ่อนแรงแต่เธอมียูริเคียงข้าง ยังไงก็ไม่เป็นไรเลยแม้แต่น้อย “ฉันไม่เป็นไรซักหน่อย ไม่เจ็บซักนิด พี่อย่าห่วงเลยนะคะ”

“อย่าเป็นอะไรอีกนะจูฮยอน พี่ตกใจ” ยูริพูดพึมพำ

แม้จะป่วยง่ายมาตั้งแต่เด็กและต้องใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลบ่อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ซอฮยอนได้ยินคำพูดอย่างนี้จากปากของพี่สาว นับแต่นั้นเธอก็สัญญากับตัวเองว่าเธอจะรักษาสุขภาพของเธอให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ป่วยให้ยูริต้องเป็นกังวล

ซอฮยอนและยูริเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่เล็กจนโต เด็กทั้งสองเหมือนกันแบบที่ใครก็มองออกว่าเป็นพี่น้อง ผิดแต่ที่ยูริผิวสีน้ำผึ้ง หน้าสวยคมตั้งแต่แวบแรกที่มอง แววตาซุกซนซ่อนอย่างเปิดเผย เธอเป็นเด็กรักกิจกรรม ชอบหาอะไรทำเป็นชีวิตจิตใจ ในขณะที่น้องสาวผิวขาวจนเกือบซีด ใบหน้าสวยหวาน ซอฮยอนร่าเริงสดใส แต่มีวินัยในตัวเองที่สุด ดวงตากลมโตใสแจ๋ว เป็นประกายตอนเด็กยังไง โตขึ้นก็ยังเป็นอย่างนั้น ยูริมีความซุกซนและห้าวหาญเป็นอาวุธอย่างไร ดวงตาประกายแวววับและความคิดที่ลึกซึ้งนั้นก็เป็นอาวุธของซอฮยอนเช่นกัน

จนเมื่อเรียนมัธยมปลายยูริก็ได้รู้จักกับคยูฮยอนและดงเฮ แน่นอนว่าเธอจะแนะนำเพื่อนสนิททั้งสองให้น้องสาวรู้จัก ซอฮยอนเป็นมิตรกับเพื่อนของพี่สาวทุกคนเสมอ แม้เธอจะไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นผู้ชายมากนัก แต่ดงเฮและคยูฮยอนถือเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาเป็นเพื่อนพี่สาว .. ซอฮยอนชื่นชมในตัวคยูฮยอนเป็นอย่างมาก เขาเรียนเก่ง เป็นถึงแชมป์คณิตศาสตร์โอลิมปิก เขารักดนตรีและเล่นดนตรีเก่ง ที่สำคัญเขารักเปียโนเช่นเดียวกับเธอ เขาหน้าตาดีจนติดอันดับออลจังของโรงเรียน เขานี่ล่ะที่เธอหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องได้มาเป็นพี่เขย!

ซอฮยอนทั้งหนุนทั้งผลักทั้งดันทั้งยุจนคยูฮยอนและยูริตกลงใจคบกันเป็นแฟนกัน จนเมื่อซอฮยอนเข้าเรียนมัธยมปลายปีหนึ่งและเริ่มเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยตามแบบฉบับเด็กรักเรียน คยูฮยอนจึงอาสาสอนพิเศษให้กับเธอในฐานะที่เป็นน้องสาวของแฟน เขาและเธอใช้เวลาร่วมกันมากพอที่จะทำให้คนคนนึงหลงรักอีกคนได้ แต่ซอฮยอนก็เลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้เพราะผู้ชายคนที่เธอรักเป็นแฟนของยูริ พี่สาวที่เธอรักที่สุด

ยูริเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนสีขาวอมชมพูสว่างตาเมื่อรู้ว่าน้องสาวไม่ได้ลงไปทานข้าวเย็น ซอฮยอนไม่เคยทำให้เป็นห่วงอย่างนี้ เธอไม่เคยไม่มีเหตุผลสักครั้ง ยูริมองน้องสาวที่ใส่หูฟังฟังเพลงอยู่ในโลกส่วนตัวของเธอกับสมุดบันทึกเล่มน้อย เธอเอื้อมมือไปแตะไหล่น้องสาวเบาๆแล้วจึงถามด้วยเสียงห่วงใย

“เป็นอะไรไป จูฮยอน”

“เปล่าค่ะ” ซอฮยอนปฏิเสธ

ยูริมองน้องสาวที่อยู่ตรงหน้า ซอฮยอนเคยมีรอยยิ้มสดใสและแววตาเป็นประกาย บัดนี้น้องสาวของรอยยิ้มนั้นหายไป ส่วนแววตาสดใสถูกทดแทนด้วยความหมองหม่น ตาบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด คนที่ทำให้น้องสาวที่แสนน่ารักของเธอเป็นได้ขนาดนี้มีไม่กี่คน

“อย่าโกหกพี่ จูฮยอน .. เธอก็รู้ว่าเธอโกหกไม่เก่ง” ยูริพูดเสียงขรึม พอเป็นเรื่องของน้องสาวแล้ว ยูริมักจะเปลี่ยนจากขี้เล่นเป็นจริงจังในเสมอ

ซอฮยอนเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอทะเลาะกับคยูฮยอนเมื่อกลางวันช้าๆ หยดน้ำตาค่อยๆก่อตัวแล้วไหลลงมาตามแก้มใส ยูริโอบกอดน้องสาวไว้แน่นราวกับจะปลอบใจว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมในไม่ช้า

“เดี๋ยวคยูก็ลืม ขานั้นอารมณ์เปลี่ยนเร็วจะตาย .. เธออย่าโกรธคยูเลยนะ แค่นี้เขาก็มีเรื่องให้คิดมากมาพอแล้ว” ยูริพูดพลางถอนหายใจ เธอยังพูดต่อคล้ายกับว่าต้องการจะสารภาพบาป “พี่น่ะเลิกกับคยูฮยอนเมื่อวานนี้”

“แต่นั่นน่ะ ไม่ใช่ความผิดของฉันนะคะ .. ฉันน่ะ ไม่อยู่ให้พี่คยูทำร้ายจิตใจหรอกค่ะ ฉันจะไปเรียนต่อมันซะพรุ่งนี้เลย คอยดูสิ” เมื่อความโกรธเริ่มคลายเหลือไว้เพียงความน้อยใจและเสียใจซอฮยอนก็เริ่มกลับมาเป็นคนเดิม ยูริหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางของน้องสาว เธอโยกตัวช้าๆโดยที่ยังมีน้องน้อยอยู่ในอ้อมกอดจนในที่สุดซอฮยอนก็หัวเราะออกมา

…ฉันดีใจที่มีพี่อยู่เคียงข้างเสมอ พี่สาวที่น่ารักที่สุดของฉัน

ในสายตาคนเป็นพี่ที่เฝ้ามองสาว ยูริรู้ดีว่าซอฮยอนรู้สึกอย่างไรกับคยูฮยอน เช่นเดียวกับที่เธอรู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับคยูฮยอน เธอไม่ได้รักเขา เธอรักคนอื่น ถึงแม้เธอจะเป็นกามเทพแผลงศรให้ซอฮยอนไม่ได้ แต่อย่างน้อยการซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองคงงสะกิดใครบางคนได้ เธอเชื่ออย่างนั้น

“เธอจะไม่ให้พี่บอกคยูฮยอนจริงๆน่ะเหรอ” ยูริถามย้ำอีกครั้งก่อนที่ซอฮยอนจะออกเดินทางไปเรียนต่อ

“ถ้าเขาไม่ถาม เราก็ไม่ควรจะไปบอกเขานี่คะ .. แล้วอีกอย่าง ถ้าบอกไปฉันอาจจะเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนแล้วก็ได้” ซอฮยอนตอบอย่างเด็ดเดี่ยว ยูริได้แต่มองน้องสาวแสนดื้อ เธอรู้ว่าไม่ว่าจะทำยังไงซอฮยอนก็คงไม่เปลี่ยนใจ

“ถ้าเขาถามพี่ก็บอกได้ใช่ไหม” ยูริยังคงถามต่อ

“ฉันต้องไปแล้ว พี่ดูแลตัวเองดีๆนะคะ .. แล้วก็อย่าทะเลาะกับพี่ดงเฮมากนักล่ะ” ซอฮยอนพูดก่อนจะเดินจากไป เธอหันกลับมาอีกครั้งก่อนจะวิ่งมากอดยูริ “ฉันรักพี่นะคะ รีบตามฉันมาเร็วๆนะ”

ซอฮยอนเดินจากมาอีีกครั้ง คราวนี้เธอไม่หันกลับไปแล้ว น้ำตาไหลลงมาตามแก้มเนียนใส แต่เธอคงปล่อยให้มันไหลไปอย่างนั้น

…ถ้าฉันเช็ดน้ำตาแม้สักนิดพี่คงรู้ถึงแม้จะแค่มองมาจากข้างหลัง

…ฉันต้องเข้มแข็ง ไม่ให้พี่สาวรู้ว่าฉันอ่อนแอ

ยูริมองน้องสาวที่เดินจากไป น้องสาวตัวน้อยของที่เธอที่บัดนี้เติบโตจนตัวเท่ากัน หญิงสาวหวนคิดถึงคำพูดของซอฮยอนน้อยที่พูดถึงลูกแมวเมื่อครั้งวัยเยาว์ .. มันคงเหงานะคะที่แม่ไม่อยู่ด้วย ไม่เหมือนฉันเลย ฉันยังมีพี่เวลาที่แม่ไม่อยู่ ฉันเลยไม่เหงา .. น้ำตาคนเข้มแข็งก็ไหลรินลงมาอย่างไม่อาจห้าม ในชีวิตไม่เคยที่สักครั้งที่เธอต้องห่างน้องสาวอย่างในวันนี้ ซอฮยอนจะรู้ไหมว่าแค่เธอเดินหันหลังไปคนเป็นพี่ก็คิดถึงเธอแล้ว

ดงเฮมองร่างบางที่ยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น มือหนาโอบประคองคนรักปลอบใจโดยไม่มีคำพูดใดออกมา หญิงสาวซบศรีษะลงบนไหล่กว้างอย่างต้องการที่พักพิง ดวงตาสีน้ำตาลสวยยังคงมองไปตามทางที่น้องสาวเดินหายลับไป

…ยัยลูกแมวน้อยของพี่ ดูแลตัวเองดีๆนะ แล้วพี่จะไปหา

ซอฮยอนมองพี่สาวที่ยืนหันหลังให้ผ่านกระจกบานโต ยูริสวยจนเธออธิบายไม่ถูก เหมือนนางฟ้าล่ะมั้ง ชุดเปิดไหล่สีขาวประดับเลื่อมระยับทิ้งชายยาวระพื้น ใบหน้าได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามเหมาะเจาะ เข้ากับผมสีน้ำตาลเป็นคลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ วันนี้พี่สาวเธอจะแต่งงานกับดงเฮ ยูริดูสวยงามบริสุทธิ์ในชุดเจ้าสาว

“พี่คะ เดี๋ยวฉันมานะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น

“เธอจะไปไหน พิธีไม่ได้จะเริ่มแล้วเหรอ” ยูริถาม ซอฮยอนเป็นเพื่อนเจ้าสาวในวันนี้แต่นี่น้องสาวตัวดียังจะไปไหนทั้งๆใกล้เวลาแล้ว “ถ้าเธอกลับมาไม่ทัน พี่จะเปลี่ยนตัวเพื่อนเจ้าสาว”

ซอฮยอนหัวเราะร่าทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะเอ่ยกับพี่สาว “ฝันไปเถอะว่่าพี่จะได้เปลี่ยน ฉันจองตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ฉันเกิด”

ซอฮยอนวิ่งไปยังจุดนัดหมาย หวังว่าเขาคนที่เธอนัดไว้คงจะมา แล้วเขาก็มาจริงๆ ชายหนุ่มยืนอยู่กลางสวนสวย เขาหันมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเดินเข้ามาใกล้ ดงเฮประหลาดใจที่สุดเมื่อได้รับจดหมายสั้นๆจากซอฮยอนบอกว่าเธอมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยก่อนงานพิธี เขารู้ว่ามันฉุกละหุก แต่เพราะเป็นซอฮยอนเขาจึงมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรมันคงสำคัญไม่น้อยถึงได้เรียกมาก่อนพิธีเริ่มเพียงไม่กี่นาทีอย่างนี้

“มีอะไรหรือ ซอฮยอน” ชายหนุ่มในชุดทักซิโดถามเสียงนุ่ม

“สัญญานะคะว่าพี่จะดูแลพี่สาวฉันอย่างดี อย่าทำให้พี่ยูริเสียใจนะคะนะคะ .. ไม่งั้นพี่ตายแน่” ซอฮยอนพูดแกมขู่ ชายตรงหน้าเป็นคนที่พี่สาวของเธอรักหมดใจ แม้ดงเฮจะได้แสดงเธอและครอบครัวเห็นว่าเขารักและสามารถดูแลยูริได้ แต่อย่างนั้นก็เถอะ เธอต้องการคำยืนยัน .. นั่นน่ะ พี่สาวของเธอทั้งคนนะ!

“ที่ผ่านมายังไม่พิสูจน์อะไรได้อีกเหรอ” ดงเฮถามกลับ เขารู้ว่าเธอเองรู้ดีว่าเธอไว้ใจเขาได้ แต่เธอแค่ต้องการความมั่นใจเท่านั้นเอง

“ไม่รู้ล่ะค่ะ ถ้าพี่ยูริร้องไห้แม้แต่นิดเดียว พี่ตายแน่ .. ฉันจะไปจัดการพี่ด้วยมือของฉันเอง” ซอฮยอนขู่สำทับอีกครั้ง สำหรับซอฮยอนเมื่อเป็นเรื่องของยูริแล้ว แมวน้อยของยูริสามารถกลายร่างเป็นนางเสือพร้อมจะตะปบคนที่ทำอะไรพี่สาวเธอเสมอ

งานแต่งงานของยูริผ่านไปอย่างงดงามและน่าจดจำ เธอไม่ต้องเปลี่ยนเพื่อนเจ้าสาวเพราะซอฮยอนกลับมาทันเวลาพอดี ในงานฉลองไม่มีการโยนดอกไม้ เนื่องจากยูริเดินมามอบช่อดอกไม้ให้กับน้องสาวคนเล็กด้วยมือของเธอเอง

“ดอกไม้นี้สำหรับเธอน้องรักของพี่ ไม่ต้องรีบแต่งงานก็ได้ แต่พี่เชื่อว่าดอกไม้นี้เป็นสัญลักษณ์ของความสุข พี่ขอมอบความสุขให้กับเธอ” ยูริพูดเบาๆข้างหูซอฮยอน ซอฮยอนรับช่อดอกไม้มาพร้อมรอยยิ้ม น้ำตาแห่งความปิติเอ่อคลอดวงตาใสพร้อมจะไหลลงมาทุกเวลา

“อย่าร้องไห้ในงานแต่งงานของพี่สิจูฮยอน” ยูริกล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนจะดึงน้องสาวที่ตอนนี้ตัวสูงเลยเธอไปแล้วมากอด

“วันนี้น้ำตาของฉันเป็นน้ำตาแห่งความสุขนะคะ” ซอฮยอนตอบอู้อี้ในอ้อมกอดของพี่สาว ไม่ว่าจะโตขึ้นสักเพียงไหนเธอก็ยังคงเป็นน้องสาวตัวน้อยอยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง

หนึ่งปีผ่านไปยูริให้กำเนิดลูกสาว “ยูมี” ทั้งคู่เกิดขึ้นมาท่ามกลางความรักจากยูริและดงเฮ ยูริเสียเลือดมากจากการคลอด ทั้งยังตกเลือดหลังคลอดเป็นจำนวนมากจนเกือบเสียชีวิต เธอต้องเธอเผชิญกับภาวะโลหิตจาง เป็นผลทำให้ภูมิต้านทานต่ำและร่างกายอ่อนแอ หญิงสาวป่วยกระเสาะกระแสะบ่อยจนไม่สามารถดูแลยูมีได้ด้วยตนเองไหว ซอฮยอนจึงรับอาสาดูแลยูมีแทนเวลาเธอทรุด จนเมื่อยูริป่วยหนักเพราะมีภาวะปอดติดเชื้อเฉียบพลันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ภายในห้องสีขาวที่เธอต้องมาบ่อยจนคุ้นเคย แม้จะไม่ชอบกลิ่นสะอาดๆและบรรยากาศรอบตัวแต่หญิงสาวก็ยังคงแวะเวียนมาอยู่เสมอเพื่อมาหาพี่สาวคนเดียว ร่างสูงบอบบางของหญิงสาวขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆยูริเหมือนที่พี่สาวเคยทำเมื่อตอนเธอเป็นเด็กโดยไม่ใส่ใจสายตาใคร

“ยูมีคือแก้วตา ดงเฮคือดวงใจ น้องสาวที่น่ารักเป็นส่วนนึงของในชีวิตฉัน .. พี่ดีใจที่ได้เห็นน้องสาวของพี่เติบโต” ยูริพูดเบาๆกับน้องสาว ซอฮยอนกระชับอ้อมแขนของเธอให้แน่นขึ้นราวกับกลัวว่าพี่สาวของเธอจะหายไป

น้องรักของพี่ เธอต้องยิ้มเสมอนะรู้ไหม

ยูริจากไปพร้อมกับหิมะแรกของปี ทุกครั้งที่สายลมพัดผ่านซอฮยอนจะคิดถึงยูริพี่สาวของเธอเสมอ เหมือนเพิ่งแค่เมื่อวานที่ฉันวิ่งเล่นกับพี่ เหมือนเพิ่งแค่เมื่อวานที่เราหัวเราะกัน เหมือนเพิ่งแค่เมื่อวานที่ฉันได้กอดพี่ ภาพความทรงจำระหว่างสองพี่น้องยังคงสวยงามเสมอ

…ฉันจะดูแลแก้วตาดวงใจของพี่เอง พี่อย่าได้เป็นห่วงเลยนะคะ

…พี่รู้เธอจะดูแลแก้วตาดวงใจของพี่เป็นอย่างดี

ฟิคสั้นตอนนี้จริงๆแล้วเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องยาวเรื่องแรกที่เขียนไว้คือ Loving You ซึ่งไม่ได้ย้ายมาจนถึงตอนนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความผูกพันธ์ของสองพี่น้อง ยูริ-ซอฮยอน เรื่องนี้เลยชื่อว่า Sister Bond และเพราะวันนี้เป็นวันเกิดยูริเราก็เลยหยิบมาปัดฝุ่นและรีไรท์นิดหน่อย ถึงมันอาจจะไม่ดีนักและตอนท้ายจะจบแบบเศร้าไปหน่อย .. อย่าว่ากันเลยนะคะ

สุดท้าย สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณควอน ขอให้ทุกๆวันของยูริมีความสุขเสมอๆ ของคุณสำหรับทุกเสียงหัวเราะที่ยูริมอบให้ สดใสอย่างนี้ตลอดไปนะคะ : D

“จูฮยอน พี่ว่ายูริเปลี่ยนไป”
คยูฮยอนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ สาวน้อยแก้มยุ้ยเงยหน้าจากหนังสือที่เธอถืออยู่ในมือ เธอเอียงคอพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยดวงตาที่ใสแจ๋วซึ่งคยูฮยอนรู้จักเธอดีพอว่านั่นคือคำถาม
“เราแทบจะไม่มีีเวลาพบกันเลย แล้วก็แทบจะไม่ได้คุยกัน พี่ว่าเธออาจจะมีคนอื่น” เขาเอ่ยตอบเธอไปก่อนที่่เธอจะพุูดอะไรออกมา
“แต่บางที พี่ยูริอาจจะแค่ต้องทำอะไรบางอย่างก็ได้นี่คะ ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ยูริอาจจะเสียใจที่รู้ว่าพี่คิดอย่างนี้กับเธอ” ซอฮยอนตอบตามความคิดของเธอ “บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้นะคะ”

คยูฮยอนถอนหายใจเมื่อได้ยินคำตอบจากซอฮยอน เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอจนบางครั้งเขาเองยังคิดว่าเธอควรจะมองโลกในแง่ร้ายบ้าง หรือบางครั้งเขาอาจจะควรเรียนรู้วิธีการมองโลกแง่ดีอย่างสุดขั้วจากเธอมาบ้าง เขาอาจจะได้สบายใจมากขึ้น

คยูฮยอนคบหากับยูริมาตั้งแต่มัธยมปลาย ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียน เขา ซอ ยูริ และลี ดงเฮอยู่ด้วยกันเสมอ ยิ้มและหัวเราะไปพร้อมๆกัน จนเมื่อเขาและเธอเข้ามหาวิทยาลัย ส่ิงต่างๆก็เปลี่ยนไป เขาเลือกเรียนด้านการบริหารการตลาด ในขณะที่ยูริเลือกเรียนด้านการแสดงเช่นเด่ียวกับดงเฮ ยูริเป็นเจ้าแม่กิจกรรม และเธอก็ชวนแกมบังคับให้ดงเฮซึ่งมีเวลาว่างตรงกับเธอมากที่สุดให้ร่วมกิจกรรมร่วมกับเธอ เธอมีเวลาให้เขาน้องลง แต่คิดอีกทีอาจจะเป็นเขาต่างหากที่มีเวลาให้เธอน้อยลง เพราะเขาเองก็เริ่มฝึกงานที่บริษัทของที่บ้าน และงานก็ยุ่งล้นจนแทบไม่ได้หายใจ ทุกวันนี้เขาพบซอฮยอนบ่อยกว่ายูริแฟนของเขาเสียอีก เนื่องจากเขารับอาสาติวหนังสือให้กับซอฮยอนที่กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ บางครั้งซอฮยอนก็แวะมาหาเขาที่บ้านบ้างที่บริษัทบ้างจนใครๆต่างพากันเข้าใจผิดว่าเธอคือแฟนเขา แล้วอย่างนี้ใครกันแน่ที่เปลี่ยนไป

คยูฮยอนมองสาวน้อยตรงหน้าอีกครั้ง เธอกำลังอ่านหนังสือที่เขาเตรียมมาให้อย่างตั้งอกตั้งใจ เธอสวยราวกับนางฟ้า เครื่องหน้าหวานรับกับหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตส่องประกายใสแจ๋วเสมอเมื่อมองตาเขา แก้มยุ้ยๆของเธอทำให้เธอยิ่งดูน่ารัก ผมดำขลับขับผิวขาวน้ำนมให้ยิ่งขาวจนชวนหลงไหล

นี่แหละนะ จูฮยอน ก็เธอสวยขนาดนี้ ใครๆถึงพากันอิจฉาพี่กันเป็นแถว

แต่ไม่ว่าซอ จูฮยอนจะสวยแค่ไหน เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความรักเลยแม้แต่น้อย “ฉันไม่สนใจเรื่องความรักตอนนี้ค่ะ” เธอให้เหตุผลแบบนี้เสมอทุกครั้งที่เขาถาม ถึงเขาจะพยายามเซ้าซี้เธอต่อไปว่าเมื่อโตขึ้นเธอเองก็จะต้องมีครอบครัว แต่เธอเองก็จะแย้งกลับมาอีกครั้งว่า “ฉันยังมีอะไรหลายอย่างมากมายที่อยากจะทำในตอนนี้ ถึงแม้จะต้องแต่งงานในอนาคต แต่ว่าฉันไม่อยากแต่งงานเมื่ออายุยังน้อยค่ะ”

ซอ จูฮยอน.. เธอคือซอ จูฮยอนจริงๆ ให้ตายเถอะ

และจนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังไม่เคยเห็นเธอพูดถึงผู้ชายคนไหนให้เขาได้ยินเลยแม้แต่น้อย คงมีแต่เขาที่เป็นผู้ชายคนเดียวที่ยอมใกล้ชิดด้วย และอีกคนคงอาจจะเป็นดงเฮ เพราะเป็นเพื่อนสนิทของเขาและยูริ นอกนั้นเขาเองก็ไม่เห็นใคร

พี่ยูริเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือ

ซอฮยอนเก็บความสงสัยไว้ในใจของตัวเองภายใต้ท่าที่นิ่งเฉย เท่าที่เธอเห็นทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ยูริยังทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกันตอนที่เธอเพิ่งเริ่มคบกับคยูฮยอน ไม่มีชายคนไหนมาหาเธอที่บ้าน ไม่มีเพื่อนใหม่หรือชายแปลกหน้ามาแนะนำให้เธอรู้จัก นอกจากคยูฮยอนและดงเฮ แล้วยูริจะมีใครไปได้เล่า พี่สาวอาจจะกำลังยุ่งกับบางอย่างมากกว่า งานที่โรงเรียน การบ้าน หรือกิจกรรมของเธอนั่นแหละ เธอเชื่ออย่างนั้นจริงๆ

ซอฮยอนลอบมองชายที่นั่งตรงหน้า พี่ชายคนนี้เป็นชายหนุ่มที่ใครๆต่างก็หมายปอง เขาโด่งดังในหมู่สาวๆในโรงเรียนเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดูดี เรียนเก่ง และแถมยังอัธยาศัยดี ไม่แปลกที่เขามีเพื่อนมากมาย ตรงข้ามกับเธอที่อึดอัดเสมอเวลาต้องอยู่กับคนที่ไม่คุ้นเคย.. คยูฮยอนเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธออยากจะอยู่ใกล้ เขาไม่เคยสร้างความอึดอัดให้กับเธอ ตรงกันข้าม เขาคือความสบายใจของเธอ ทุกครั้งที่คยูฮยอนอยู่ใกล้ๆเธอ เธอรู้สึกเสมอว่าทุกๆอย่างจะผ่านไปด้วยดี ความรู้สึกของเธอมันมากจนเธอไม่อาจปฏิเสธหัวใจตัวเองได้ ว่าเธอรักผู้ชายตรงหน้านี้เหลือเกิน เธอรักแฟนของพี่สาวตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่เคยเปิดโอกาสให้ชายคนไหน แต่แม้เธอจะรักคยูฮยอนมากเพียงไหน แต่เธอไม่เคยคิดต้องการครอบครองเขา เธอแค่อยากเห็นเขามีความสุข นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ

ซอฮยอนวางดินสอที่อยู่ในมือลง คยูฮยอนรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เขามองหน้าเธอพร้อมรอยยิ้ม แต่เห็นได้ชักว่าแววตาแฝงไปด้วยความไม่สบายใจ

“พี่คะ เราไปเที่ยวกันไหม” เธอเอียงคอน้อยๆ รอคำตอบจากผู้ชายตรงหน้า
“แต่เธอจะสอบวันพรุ่งนี้เราจะไปได้ยังไงกัน” คยูฮยอนปฏิเสธเธอ ก็ในเมื่ออารมณ์ไม่ดีแบบนี้เธอจะให้เขาไปเที่ยวเล่นได้ยังไงกัน พาลจะหมดสนุกกันทั้งสองคนไปเปล่าๆ แถมพรุ่งนี้เธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาไม่อยากทำให้เธอสอบไม่ผ่านเพราะเขา
“เราอ่านหนังสือกันมาเป็นปีแล้วนะคะ หยุดอ่านวันเดียวไม่ทำให้ฉันได้คะแนนน้อยลงหรอกค่ะ ถึงถ้าอ่านไปแต่ไม่มีสมาธิก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี” ซอฮยอนแย้งเขาอย่างมีเหตุผล ราวกับว่าเธอพูดถึงตัวเขามากกว่าตัวเธอ เธอเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย “นะคะพี่คยู”
ก็เพราะอย่างนี้อย่างนี้สินะ เขาถึงปฏิเสธเธอไม่ได้ซักครั้ง สุดท้ายเขาต้องยอมเธอทุกครั้งไป “ไปก็ไป เก็บของสิจูฮยอน เดี๋ยวพี่เปลี่ยนใจนะ” คยูฮยอนตอบพลางส่งยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้า
ได้ยินดังนั้น ซอฮยอนจึงรีบเก็บข้าวของของเธอเข้าที่ แล้วจึงหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กก่อนจะจับจูงมือผู้ชายตัวสูงให้เดินตามเธอไป

“ไปสวนสนุกกัันนะ จูฮยอน.. พี่ไม่ได้ไปมานานมากแล้ว”

 

* Feel like holding your hand *

 

ซอฮยอนมองตุ๊กตาตรงหน้าด้วยตาเป็นประกาย เธอชอบเคโรโระเป็นชีวิตจิตใจ แต่จะได้มาได้ยังไงล่ะ เล่นอะไรไม่เป็นซักอย่าง ปาเป้า ปากระป๋อง โยนห่วง ถ้าเล่นเกมพวกนี้ให้ชนะ เธอว่าไปซื้อเอาง่ายกว่า
“อยากได้ไหม เดี๋ยวพี่เล่นเกมให้” คยูฮยอนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่เธอมองตุ๊กตา เธอมองราวกับว่ามันเป็นเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับราคาแพงเหมือนที่หญิงสาวคนอื่นชอบซื้อหากัน
ซอฮยอนมองตุ๊กตาเคโรโระน้อยก่อนจะตัดใจ เธอคิดแล้วว่าความเป็นไปได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ได้ตุ๊กตามานั้นแทบจะเป็นศูนย์ ตัดใจไม่เอาเสียดีกว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันว่าเราไปเล่นเครื่องเล่นกันดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นให้พี่เล่นเกมตานึงก่อนแล้วเราค่อยไปเล่นเครื่องเล่นต่อ ตกลงไหม” คยูฮยอนมองหน้าสาวน้อยตรงหน้ายิ้มๆ ทำไมเขาจะไม่่รู้ว่าเธออยากได้มันแค่ไหน แต่ด้วยความเป็นเด็กช่างคิดช่างหาเหตุผลบวกด้วยความเกรงใจ สุดท้ายซอฮยอนก็จะไม่บอกเขาว่าเธอต้องการมัน
“แต่…”
ก่อนที่ซอฮยอนจะได้พูดอะไรต่อไป คยูฮยอนก็รีบพูดตัดบทไปเสียก่อน “ก็พี่อยากเล่น เธอจะใจร้ายไม่ให้พี่เล่นเลยเหรอ”
คยูฮยอนยิ้มร้ายกาจก่อนที่จะเดินนำหน้าไปยังซุ้มของเล่นสีสันสวยงาม

เกมง่ายๆพวกนี้ มีหรือปึศาจเกมอย่างเขาจะแพ้ ไม่มีทางเสียล่ะ

แขนบอบบางกอดตุ๊กตาเคโรโระตัวโตที่คยูฮยอนเล่นเกมชนะมาจนได้ แถมได้ตัวใหญ่สุดเสียด้วย เธอมองมันอย่างมีความสุข ดีใจเป็นที่สุด

ดีใจเพราะได้เคโรโระ หรือดีใจที่ได้ตุ๊กตาจากพี่คยูฮยอนกันแน่นะ จูฮยอน

เธอคิดพลางยิ้มให้กับตัวเองเบาๆ ก่อนจะส่ายหัวเล็กๆเพื่อปัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป
“พี่คยู เราจะไปไหนกันต่อดีคะ” ซอฮยอนเอ่ยถามคนที่เดินอยู่เคียงข้างท่ามกลางผู้คนมากมายที่พากันเดินกันเบียดเสียด แต่ไม่มีเสียงตอบที่เธอคุ้นเคย ซอฮยอนหันมองรอบกายไม่เห็นคนที่เธอมองหาอยู่ใกล้ตัวอย่างที่ควรจะเป็น
“พี่คะ พี่คยู”

“เหนื่อยไหมจูฮยอน คนเยอะชะมัดเลย”
คยูฮยอนเดินพ้นกลุ่มคนออกมา พลางบ่นกับคนข้างตัว แต่ไม่มีเสียงหวานตอบมาอย่างเคย เขามองรอบตัวเพื่อหาเธอ แต่หาอย่างไรก็ไม่พบใบหน้าสวยยพร้อมเสียงเจื้อยแจ้วพี่คอยเรียชื่อเขา
“จูฮยอน” คยูฮยอนครางเบาๆเมื่อคิดว่าเธอพลัดหลงไปที่ไหน ก่อนจะวิ่งออกตามหา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาเธอ
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก’
“บ้าชะมัด! มาติดต่อไม่ได้อะไรตอนนี้ล่ะจูฮยอน!!” คยูฮยอนสบถอย่างหัวเสีย เขายังคงเดินตามหาหญิงสาวต่ออย่างร้อนใจ จริงอยู่ ซอฮยอนไม่ได้เป็นเด็กน้อยหลงทาง เธอโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ แต่เขาก็ยังคงไม่สบายใจที่ไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน เมื่อรู้ว่าเธอหายไป อาการหายใจไม่ออกแบบนี้คืออะไร เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เอาเสียเลย

“พี่คะ” คยูฮยอนได้ยินเสียงหวานที่คุ้นเคยและสัมผัสเบาๆตรงไหล่ของเขาที่ลู่ลงด้วยความเหนื่อยอ่อน “พี่ไปไหนมา”
คยูฮยอนมองร่างสูงบอบบางตรงหน้าอย่างยินดีจนแทบจะคว้าเธอมากอด แต่ชั่ววินาทีเท่านั้นคยูฮยอนก็เก็บอาการดีใจไว้ เหลือเพียงท่าทางเรียบเฉยพร้อมกับคำตำหนิ “อยู่ดีๆเธอก็หายไปไม่บอก พี่หาเธอแทบตายเลยนะจูฮยอน”
ยังไม่ทันได้พูดอะไรมือแกร่งก็คว้าข้อมือบางก่อนที่จะหันมาถาม “เราจะไปไหนต่อกันดี”
แค่พบหน้าเธอ เห็นรอยยิ้มของเธอ ได้ยินเสียงของเธอ อยู่ๆอาการอึดอัดหายใจไม่ออกก็หายไป กลับกลายเป็นความสบายใจที่ได้เคียงข้าง

เธออย่าหายไปอีกนะ จูฮยอน

ซอฮยอนสะดุ้งตกใจเบาๆเมื่อมือคยูฮยอนจับที่ข้อมือของเธอ จากนั้นความตกใจก็เปลี่ยนเป็นอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ จนลืมว่าเมื่อครู่เธอน้อยใจคยูฮยอนที่อยู่ดีๆก็ตำหนิเธอ ซอฮยอนเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนเคียงข้าง ก่อนจะก้มลงมามองเจ้าเคโรโระที่อยู่ในมือ ยิ้มราวกับเป็นคนบ้า

ฉันขอหยุดเวลาไว้แค่นี้ได้ไหม

 

Love Note
รูปยัยหนูซอฮยอน คยูฮยอน ยูริ ดงเฮตอนเด็กๆ จริงมีซอฮยอนเท่านั้นที่ใส่ชุดนักเรียน ที่เหลือเค้าเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว .. แต่แปะไว้เพราะน่ารักดี 🙂

แต่กี้คงเกลียดเราพิลึก อาตี๋บ้าเกมนั่นทำลายรูปตอนเด็กของตัวเองตล๊อดดดด

Characters

ซอ จูฮยอน aka ซอฮยอน

โจว คยูฮยอน

ลี ยูมี

โจว มุนบิน

Intro

แสงแดดสาดผ่านกระจกบานใหญ่เข้ามาในห้องนอนกว้างที่ตกแต่งไปด้วยเครื่องนอนสีขาว ปลุกผู้ที่นอนอยู่ให้ตื่นขึ้นมารับวันใหม่ร่างกายที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มขยับไปมา เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมปรับสายตาให้เข้ากับแแสงอาทิตย์ จากนั้นจึงขยี้ผมตัวเองเบาๆ ผมยุ่งเหยิงของคนเพิ่งตื่นนอนไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาที่ดึงดูดใจสาวๆของเขาลดลงไปได้เลย คยูฮยอนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัวตามปกติ เขาดำเนินชีวิตเหมือนเดิมทุกวัน แม้กำลังกายจะมี แต่กำลังใจกลับลดน้อยลงทุกทีๆ เขาอ่อนแอ..ได้ที่ไหน ในเมื่อเขายังไม่ได้พบเธอ

ซอ จูฮยอน.. สำหรับเขาเธอคือใครกันแน่ ทุกๆวันเขาถามตัวเองเสมอ คำตอบมากมายโผล่ขึ้นมาในหัว

เธอคือน้องสาวของซอ ยูริ แฟนเก่าของเขา ก่อนที่ยูริจะเลิกกับเขาและไปคบกับลี ดงเฮ เพื่อนสนิทของเขาเอง
เธอคือเพื่อนสนิทของเขา ถ้าเธอยอมรับว่าผู้ชายงี่เง่า ขี้หงุดหงิด และแสนร้ายกาจอย่างเขาเป็นเพื่อน
เธอคือคนที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ คอยช่วยเหลือเขายามที่เขามีปัญหา
เธอคือที่ปรึกษา เวลามีเรื่องทุกข์ร้อนใจ ก็ได้เธอเป็นเพื่อนคู่คิด
เธอคือคนที่ผูกพันธ์ ภาพของเธอยังคงชัดเจนในความรู้สึกเขาเสมอ แม้จะไม่ได้พบกัน
เธอคือความอบอุ่นที่ทำให้เขาอยากจะตื่นขึ้นในตอนเช้า
เธอคือความฝันที่เขาไม่อยากตื่น

แต่เธอได้จากไปแล้ว เธอเดินหายไปจากชีวิตของเขา ทิ้งเขาให้เหลือเพียงความว่างเปล่า ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีคนเคียงข้าง ไม่มีที่ปรึกษาหรือคนที่เคยผูกพันธ์ ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นอีกต่อไป ทำให้คำตอบสุดท้ายของเขาว่าเธอคือใครชัดเจนขึ้น

สำหรับเขา เธอคือเหตุผลมีชีวิตอยู่ในทุกๆวัน..เพื่อตามหา