Archive

Monthly Archives: กุมภาพันธ์ 2013

0.

เตรียมตัว…

แน่นอนการเดินทางก็ต้องมีการเตรียมตัวเป็นเรื่องปกติ กระเป๋าที่กองเกะกะตั้งแต่ไปรอบที่แล้วยังกางอยู่อย่างนั้นจนถึงเวลาต้องจัดกระเป๋าใหม่อีกครั้ง เก๋ไหมล่ะคนเรา การเตรียมตัวของเราก็ทั่วไป คือกำหนดวันเดินทาง จองตั๋ว ออกตั๋ว วานแผนคร่าวๆ คราวนี้คร่าวมากค่ะ คร่าวประมาณว่าหาแค่ข้อมูลของสถานที่ที่อยากจะไปและวิธีการเดินทางไว้พรึ่บๆนอกนั้นไม่ได้กำหนดเวลา เพราะพร้อมเปลี่ยนแปล้งได้เสมอ แต่การเตรียมตัวที่เพิ่มมาหน่อยคือการหาเสื้อผ้าและอุปกรณ์ท้าลมหนาวจนวันสุดท้ายก่อนปิดกระเป๋าเดินทางก็เหมือนกับว่ากระเป๋าเราจะเต็มตั้งแต่ยังไม่ทันได้เดินทางซะแล้ว ต่างจากตอนเดินทางหน้าร้อนที่ใช้กระเป๋าเดินทางไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น .. เสื้อหนาวมันหนาตรึ้บจะไม่เอาไปก็ไม่ได้นี่คะ ㅠㅠ

ถ้าถามว่าติ่งน้อยๆอย่างเราเตรียมอะไรเป็นพิเศษคงไม่พ้นหาข้อมูลวิธีการเข้าชมรายการเพลง จองบัตรคอนเสิร์ทและมิวสิคคัล อัพเดตตารางงาน หาข้อมูลแฟนไซน์ ที่หาไว้ไม่ได้จะไปทั้งหมดแต่การติ่งคือมีความเสี่ยง ผู้ติ่งควรศึกษาข้อมูลก่อนติ่ง เราคือเพื่อให้รู้ว่ามีที่ไหน อย่างไรและควรจะจัดการชีวิตอย่างไร ดูแลตัวเองบ้าง ดูสาวๆบ้างสลับกันไป

ว่ากันไปทริปนี้ป่วงตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้วค่ะ ด้วยความที่จองตั๋วแล้วก็ออกตั๋วเลยแต่เครื่องซิปแซ็ปที่ใช้รูดบัตรของเอเจนท์พัง ทำเอางงไปพังใหญ่ว่าจะออกตั๋วได้ไหม หรือยังไง ผ่านไปเกือบอาทิตย์กว่าจะหายพังและเอามารูดปรี้ดๆได้อีกครั้ง นึกว่าจะไม่ได้ออกตั๋วซะแล้ว ตอนแรกเราก็ลาก่อนเดินทางหนึ่งวันและหลังเดินทางหนึ่งวันตามแบบฉบับคนชอบเดินทางสบายๆ มีเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางและมีเวลาให้พักหลังเดินทางบ้าง สุดท้ายแผนการพังทลาย ยอมลาเพิ่ม ไม่หยุดล่วงหน้าเพราะนายอาจจะด่า ทั้งหมดเพื่อเลื่อนวันเดินทางให้ตัวเองสามารถไปดู Mcountdown ได้ทัน อย่างน้อยภารกิจมิชชั่นที่จะต้องทำในครั้งนี้จะได้สำเร็จไปหนึ่งอย่าง เลื่อนตั๋วที่เหมือนง่ายแต่จริงๆแสนจะยากเย็นเพราะแค่ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เราออกตั๋วไปไฟล์ทก็เต็ม! เต็ม!! เต็ม!!! นี่บินฟรีกันรึเปล่าคะ!!! สุดท้ายได้มาหนึ่งที่นั่งวันที่ 23 เราจึงจัดการเปลี่ยนเลยค่ะ เสียอะไรไม่ว่าต้องเอาที่นั่งนั้นมาให้ได้

ถึงจะดูเหมือนไร้สาระและเหตุผลในการยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถไปลงชื่อรายการเพลงรายการนึงได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ดู แต่การเลื่อนไฟล์ททั้งทีมันก็มีอะไรดีๆมากไปกว่านั้น มันทำให้เราไปทันละครเวที Legally Blonde รอบที่เจสสิก้าเล่นพอดี เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องมานั่งกดคลิกๆๆๆจองบัตรละครเวทีด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ถึงจะเคยมาดูคอนเสิร์ทที่เกาหลีแล้ว มีบัตรคอนเสิร์ทโบอาและบัตรละครเวที Catch Me If You Can อยู่ในมือแล้วแต่นั่นอาศัยมือคนอื่นคลิกล้วนๆ เก็บครั้งแรกไว้ให้เธอคนเดียวเลยนะสิก้า ><

คราวนี้เราทำงานจนเย็นวันสุดท้ายก่อนบินเลยค่ะ ทำงานเสร็จดิ่งกลับบ้าน อาบน้ำ กินข้าว ปิดกระเป๋า เดินทาง! ก่อนปิดกระเป๋านี่มาดราม่าน้องหมาเล็กๆน้อยๆ ตอนที่เราเดินหย่อนของ นั่นนิดนี่หน่อย หันมาอีกทีกำลังจะปิดกระเป๋า .. แบมแบมไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ในกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยเลยค่ะ ฮืออออออออ จะขำก็ขำ จะจ๋อยก็จ๋อย เหมือนหมาน้อยจะรู้ทุกครั้งที่เราจะเดินทางว่าเราจะหนีเที่ยวอีกแล้ว เจ้าของทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หัวเราะทั้งน้ำตา ㅠㅠ

20130225-230703.jpg

เดินทางได้…ไหม

หลังจากที่ทำพิธีกรรมร่ำลาน้องหมาเสร็จสิ้น เราก็พร้อมออกเดินทางล่ะค่ะ แอบตื่นเต้นไม่น้อยตอนที่คิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งที่เดินทางคนเดียวจริงๆเป็นครั้งแรก คราวที่แล้วเที่ยวคนเดียวแต่ก็ยังมีผู้มีอุปการคุณที่เดินทางไปพร้อมกัน แถมยังจะไปติ่งคนเดียวด้วย .. ชักจะกล้าเดินไปแล้วนะ!

ก่อนเดินทางปัญหาเกิด เกิดอะไร? ขอเริ่มต้นด้วยประโยคบอกเล่าสั้นๆว่า “มือถือเราใช้ McAfee Scan Virus” ค่ะบางคนอาจจะบอกว่าแล้วไง ไม่แล้วไงค่ะ มันก็ดี อาจจะดีเกินไปหน่อยสำหรับคนความจำสั้นอย่างเรา ㅠㅠ ที่เราวางแผนไว้ในครั้งนี้คือจะไม่ใช้น้องไข่ไวไฟค่ะ เพราะการเดินทางคนเดียวทำให้รู้สึกว่าไม่อยากพะวงหลายๆเรื่องและราคาก็ไม่ต่างกันเท่าไร (ไม่มีคนหารนั่นเอง) เพราะงั้นเพิ่มเงินซักหน่อยให้มือถือเราสามารถใช้ Data Roaming ได้ไม่จำกัดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเรา เราจะได้ไม่ต้องพะวงว่าไข่จะหาย (หะ?) สายชาร์จจะอยู่ไหม แบตอะไรจะหมด แค่ดูแลมือถือให้ดีก็พอ โดยทางเลือกของเราคือ Prepaid ของค่ายนึง เพราะมือถือค่ายที่เราใช้อยู่ไม่มี Unlimited Data Roaming ค่ะ ก็กลัวจะติ่งไม่พอ เลยจัดการไปตระเตรียมซื้อซิมใหม่ซะให้เรียบร้อยดิบดี แต่ไม่เคยลองใช้ พอวันเดินทางเราก็ไปเติมเงินเพื่อจะใช้แพคเกจที่สนามบิน แค่เปลี่ยนใส่ซิมใหม่เท่านั้นแหละ McAfee ผู้แสนดีก็ให้ใส่รหัสรหัสที่เราจำไม่ได้ ใส่ผิดและ….เครื่องล็อค ไม่สามารถทำอะไรกับเครื่องได้นอกจากหาพินที่ถูกมาใส่ Restart ได้แค่นั้น โทรศัพท์ยังเรียกร้องพินอยู่ร่ำไป Restore ก็ไม่ได้ ณ จุดนั้นที่กำลังใกล้จะบิน เจ้า McAfee บอกเราผู้เป็นเจ้าของเครื่องว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ไม่ใช่ของแก เอาไปคืนเจ้าของซะ หรือไม่ก็ติดต่อขอพินบั้ดดี้ซะ โชคดีมากที่เราติดต่อบั้ดดี้คือแม่ให้ดูรหัสที่ McAfee ส่งไปทางข้อความได้หลังจากโทรไปหลายรอบ ไม่งั้นมือถือจะมีค่าแค่ที่ทับกระดาษ ㅠㅠ

โชคดีที่ในที่สุดเราก็สามารถจัดการทุกอย่างได้สำเร็จก่อนเวลาเครื่องขึ้น และโชคดีกว่านั้นที่มีปัญหาซะตั้งแต่ที่เมืองไทย เพราะถ้าไปพินผิด เครื่องล็อค ช็อคโลกอย่างนี้ที่เกาหลีสงสัยชีวิตพังเป็นยังไงคงได้รู้จักแน่ เพราะข้อมูลและแผนการเดินทางและข้อมูลทั้งหมดของเราอยู่ในโทรศัพท์มือถือค่ะ ไม่ได้สำรองไว้ในไอแพดซะด้วย สุดยอดมากๆ ขอบคุณ McAfee ที่ดูแลคุ้มครองมือถือเราอย่างดี(เกินไป)มา ณ ที่นี้ด้วย

20130225-231011.jpg

เจอเรื่องปวดเศียรตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่อง แต่เรายังใจเต้นตึ่กๆอยู่เลย ชั่วโมงนั้นที่ทุกคนกระหน่ำส่งข้อความทางไลน์ ทวิตเตอร์ และแม่ก็พยายามโทรหา ปวดหัวไม่น้อยเลยค่ะ เพราะนัดเจอเพื่อนที่จะไปดูคอนเสิร์ทโบอาด้วยกันไว้ใน Custom แต่ติดต่อกันไม่ได้เพราะมือถือล็อคไปพักนึง พอเอามันกลับมาได้มือถือก็พร้อมใจกันเตือนทุกแอพเหมือนจะระเบิด ตื่นเต้นหนักเลยทีนี้ ความตื่นเต้นทั้งหลายทั้งปวงของเรามันจบลงตอนที่ที่นั่งข้างๆของเรามีคนมานั่งด้วยและเพื่อนร่วมทางเป็นคนทำงานด้านพลังงานอย่างนึง เค้าเป็นมิตรนะคะ ชวนคุยนั่นนี่ แล้วก็เลคเชอร์เรื่องพลังงานทดแทนนิดหน่อย ในขณะที่เบาะด้านหลังเป็นโซวอนล้านเปอร์เซ็นต์เพราะได้ยินชื่อยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า สลับกันไป ในใจน่ะอยากจะหันไปคุยด้วยคน แต่จะปีนพนักไปก็กระไร สุดท้ายในขณะที่ด้านหลังยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้าและด้านหน้าพลังงาน พลังงาน พลังงานอยู่นั้นเราเลย……หลับตัดหน้าทุกคนไปอย่างสวยงาม ฮ่า!

เจอกันอีกทีก็อาหารเช้า เราพร้อมจะลงจอดที่เกาหลีแล้ว .. ส่วนทำไมเบาะหลังถึงยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้านั้น แล้วก็จะได้รู้ในไดอารี่วันถัดๆไปค่ะ ตอนนี้เราพร้อมลั้นลากันแล้ว ไปกันดีกว่าเนอะ ^^

เกาหลีรอบที่สองของเรากลับมาเร็วกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว

เรื่องมันเริ่มที่แม่บ่นอยากไปเที่ยวเกาหลีตั้งแต่ปลายปี 2011 ได้ จนเมื่อปีที่แล้วลูกสาวไปแว๊นเกาหลีมาก่อนเป็นที่เรียบร้อยแม่ก็ยังไม่ได้ไป สุดท้ายก็จัดสรรตารางได้แล้วบอกว่าจะไปปลายกุมภาพันธ์ เจรจากันไปมาเลยตกลงกันว่าแม่ควรจะไปเที่ยวกับทัวร์แต่ขอให้แม่เลื่อนมาเป็นช่วงปลายมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์แทนได้ไหม ซึ่งแม่ก็โอเค หารู้ไม่ว่าลูกสาวมี hidden agenda ว่าจะอยากอยู่เกาหลีในวันเกิดของโจว คยูฮยอน แฮ่~!

ทริปนี้เรากำหนดวันไว้และออกตั๋วตั้งแต่ปลายปีแล้วว่าจะไปช่วงไหน ยังไงเสียก็เล็งไว้แล้วว่าวันเกิดของคยูคงเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่สาวๆจะมี Arena Tour ที่ญี่ปุ่นก็เดาไว้ว่าถ้าสาวๆไม่ออกอัลบั้มช่วงที่เราจะไปก็คงเป็นหลัง Arena Tour ช่วงเมษายนไปเลยซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะเที่ยวให้เต็มที่ ส่วนที่เหลือค่อยว่ากันอีกที ด้วยความที่วันเดินทางเป็น fixed schedule ไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกแล้วเนื่องด้วยหน้าที่การงานก็มี เราเลยทำได้แค่เฝ้าภาวนาให้รอบละครเวทีของหนุ่มๆสาวๆ การคัมแบ็คของ SNSD อยู่ในช่วงที่เราจะไป ทำได้เท่านั้น .. ใครจะเชื่อว่ามันจะเป็นจริง

ทริปนี้กลายเป็นทริปติ่งขั้นสุดสำหรับเราเมื่อช่วงนั้นมีคอนเสิร์ทโบอาครั้งแรกในรอบ 12 ปีตั้งแต่เธอเดบิวท์ คยูฮยอนเปลี่ยนรอบละครเวที Catch Me If You Can กับนักแสดงท่านอื่นมาเล่นในช่วงนั้น มีรอบละครเวที Legally Blonde ที่ Jessica เล่นพอดิบพอดี และที่สำคัญตรงกับ SNSD Comeback อัลบั้มใหม่ด้วย และนอกจากติ่งขั้นสุดแล้วสงสัยเราจะเพลิดเพลินกับอาหารมากไปจนมีคนเรียกทริปนี้ว่า “ชิมไปติ่งไป” เลยทีเดียว

และตามธรรมเนียมที่ปกติจะกลับมาแล้วเขียนไดอารี่ แต่บอกตรงๆคราวนี้ไม่รู้จะเขียนอะไร เพราะก็ไม่ได้ไปที่ที่เสริมสร้างความรู้แต่อย่างใด สุดท้ายก็ได้หนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ซื้อมาเป็นแรงบันดาลใจว่าจะลองชิมไปติ่งไปเวอร์ชั่นการ์ตูนติ่งนะคะ .. อาจจะมีการ์ตูนป่วยๆบ้าง ไว้ลองมาดูกันว่าเวอร์ชั่นการ์ตูนติ่งจะเขียนเสร็จทันการไปเที่ยวครั้งต่อไปหรือไม่

ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ ><

นัยน์ตาคมมองจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แน่นิ่ง คิ้วหนาได้รูปขมวดมุ่นอย่างคนกำลังใช้ความคิด ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมหยิบปากกาที่ใกล้ตัวมาจดอะไรลงลงไปบนกระดาษสีขาว ดวงตาคมกริบเหลือบขึ้นมองหน้าจอสว่างไสวตรงหน้าสลับกับกระดาษตรงหน้าของตน ที่จดมานี้เขาเองก็ไม่ได้เข้าใจนักหรอกว่ามันคืออะไรบ้าง ก็แค่รู้ว่าสิ่งของตรงหน้าคือสิ่งที่เขาต้องใช้เท่านั้นเอง เขายกกระดาษที่มีลายมือยุกยิกขึ้นมามองอย่างชั่งใจก่อนที่จะหายใจยาวเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มือแกร่งเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือคู่ใจขึ้นมากดต่อหาใครบางคน

“ฮัลโหล เจสสิก้าเหรอ ผมต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง” คริสกรอกเสียงทุ้มไปตามสาย ด้วยความที่ชายหนุ่มไม่มีญาติในเกาหลี ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ที่แคนาดา ประเทศที่เขาเกิดและเติบโตจนย้ายถิ่นฐานมาทำงานอยู่ที่นี่ เขาจึงมีเพียงแค่เพื่อนเท่านั้นที่จะสามารถขอความช่วยเหลือได้อย่างเร่งด่วนในตอนนี้ แต่หลังจากที่พิจารณาถ้วนถี่แล้วเพื่อนสนิทของเขาที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายคงช่วยอะไรเขาไม่ได้ ซ้ำร้ายอาจจะยิ่งสร้างปัญญา เขาจึงตัดสินใจต่อสายหาเจสสิก้า เพื่อนผู้หญิงที่เขาคิดว่าสนิทและคิดว่าพอจะช่วยได้ ยังไงเสียเธอน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพื่อนสนิทคนอื่นๆ เขาแจ้งรายละเอียดเธอไปและขอร้องจนอีกฝ่ายตกลงมาพบอย่างเสียไม่ได้

คริสวางหูโทรศัพท์ก่อนที่จะรีบไปยังสถานที่ที่นัดหมายกับเจสสิก้าไว้ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจเสียก่อน ร่างสูงกระชับเสื้อหนาวที่ใส่อยู่ให้แน่นขึ้นก่อนจะเดินฝ่าลมหนาวเข้าไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ทันทีที่เขาเห็นร่างเล็กกะทัดรัดในชุดชายหนุ่มก็ก้าวยาวๆเข้าไปหา ต่างกับเธอที่ส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายในเสื้อโค้ทสีเหลืองตัวโต

“อะไรของนาย บอกมาซะดีๆนี่มันเรื่องอะไรลากฉันออกมาซุปเปอร์มาร์เก็ตเอาตั้งแต่นกยังไม่ออกหากินแบบนี้ ถ้านายไม่บอกก็เชิญอยู่ที่นี่ไปคนเดียวเถอะ ช้อปให้สนุกนะ” คนตัวเล็กโวยวายทันที่ที่เขาเดินเข้ามาใกล้ มีอย่างหรือ นึกจะนัดก็นัดเธอออกมา บอกแค่ว่าให้มาที่ไหนและสำคัญมากโดยไม่ยอมอธิบายซักคำว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่เป็นเวลาเช้าตรู่อย่างนี้ในสถานที่แบบนี้ แค่คิดเจสสิก้าก็พร้อมจะอาละวาดได้ทุกเมื่อ

มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาวแล้วหยิบเอากระดาษที่เต็มไปด้วยรอยปากกาขึ้นมายื่นที่ตรงหน้าเธอ หญิงสาวปราดตาอ่านเพียงชั่วครู่ก็พอรู้ว่าเป็นอะไร “ช่วยซื้อให้หน่อยสิ ผมไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร แล้วเค้าต้องใช้ยี่ห้อไหนกัน” คริสเอ่ย

เพียงแต่ได้ยินเจสสิก้าก็แทบอยากจะตายไปซะตรงนั้น ก็เธอน่ะเป็นตัวช่วยที่ผิดมหันต์ หญิงสาวกระดาษที่คริสจดรายการส่วนผสมด้วยคิ้วขมวดมุ่นก่อนจะตัดสินใจคว้ามันมาไว้ในมือแล้วเดินนำไป ปล่อยให้ร่างสูงสาวเท้ายาวๆตามไปไม่ไกลนัก

หญิงสาวร่างเล็กเดินหยิบของชิ้นนั้นชิ้นนี้จากชั้นมาอ่านดูก่อนจะโยนใส่รถเข็นที่ชายหนุ่มเข็นตามมา เปล่าเลย เจสสิก้าไม่ได้รู้เรื่องการทำอาหารหรอก เธอแค่อ่านสลากแล้วเลือกเอาที่เหมือนกับรายการของคริสก็เท่านั้น แล้วก็เลือกเอาที่เธอคุ้นๆว่าเคยเห็นที่บ้าน อันไหนที่ไม่คุ้นเธอก็เลือกที่ราคา เจสสิก้าถือคติที่ว่าของแพงมักดีกว่าเสมอ คริสได้แต่เดินเข็นรถมองตัวช่วยข้างหน้าอย่างมีหวังว่าอย่างน้อยสิ่งที่เขาตั้งใจไว้มันอาจจะไม่ยากอย่างที่คิด

แต่เจสสิก้าก็ไม่ทำให้เขาจะดีใจมากไปกว่านั้น หญิงสาวเอ่ยลาทันทีที่เลือกของและชำระเงินเสร็จ “ทำเองเถอะนะคริส ฉันว่านายทำเองน่าจะดีกว่า อีกอย่าง..ฉันทำอาหารไม่เป็น” สิ้นคำคนตัวเล็กก็เดินจากไปทิ้งเขาให้ยืนมองข้าวของที่ซื้อมาตรงหน้า อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

…อย่าบอกนะว่าไอ้ที่ซื้อมานี่เลือกโดยคนทำอาหารไม่เป็น อย่าได้เลือกผิดเชียวนะเจสสิก้า

…ขอโทษนะคริส ฉันพอจะรู้ว่าเธออยากจะทำอะไร แต่ถ้าฉันช่วยมันจะพังกันไปหมดน่ะสิ

ร่างสูงใหญ่เดินถือข้าวของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องชุดขนาดใหญ่อย่างทุลักทุเลก่อนจะวางลงบนโต๊ะทานอาหารในห้องครัว เขาค่อยๆหยิบของที่ซื้อมาออกมาจากถุงทีละอย่าง นัยน์ตาสีเข้มค่อยๆอ่านสลากเพื่อเทียบกับกระดาษที่เขาจดไว้เมื่อครู่ เขาเปิดตู้ขนอุปกรณ์ทำครัวทุกอย่างเท่าที่มีออกหมายจะมาวางบนเคาท์เตอร์ครัวในคราวเดียว แต่กลับหลุดมือหล่นกระจายอยู่ที่พื้น คริสใช้มือข้างนึงค่อยๆหยิบมาไว้ในแขนแกร่งก่อนจะหอบเอาทุกอย่างขึ้นมาวางสำเร็จ เขาเดินไปหยิบชุดกันเปื้อนลายน่ารักที่เธอมักจะใส่มาสวมทับเสื้อยืดแขนยาวสีขาวแล้วถกแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะให้กำลังใจตัวเองอย่างกับคนจะออกรบ สุดท้ายเขาก็เริ่มจากการตวงส่วนผสมตามที่ตัวเองจดไว้ มือหนาทำทุกอย่างอย่างเงอะๆงะๆตามประสาคนไม่เคย ปากก็พลางท่องจำนวนส่วนผสมพร้อมๆกับที่กำลังตวง

“แป้งหนึ่งถ้วยครึ่ง หนึ่ง ครึ่งถ้วยคืออันไหนเนี่ย” เขาหยิบถ้วยตวงขึ้นมาส่องอ่านตัวหนังสือที่ด้านข้างเพื่อความมั่นใจว่าเป็นครึ่งถ้วยก่อนจะใช้ตวง

ส่วนผสมค่อยๆวางเรียงอยู่ในถ้วยตรงหน้าทีละอย่างจนกินพื้นที่เกือบเต็มเคาท์เตอร์ยาวในห้องครัว มือหนาเอื้อมหยิบชามผสมใบใหญ่กับตะกร้อตีไข่ขนาดถนัดมือขึ้นมา ดวงตาคมเข้มอ่านกระดาษบันทึกอีกครั้ง นึกถึงภาพที่ตนเองได้ค้นคว้าหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี เขาหยิบเนยกับน้ำตาลใส่ลงไปในชามอ่างค่อยๆผสมให้เข้ากันอย่างทุกลักทุเล เสียงก๊องแก๊งยังคงดังได้ยินเป็นระยะๆเพราะเขายังคงไม่คุ้นกับการทำอาหาร เดี๋ยวก็ทำไม้ตีบ้างชามที่ใช้ผสมแป้งบ้างหลุดมือ ชายหนุ่มค่อยๆใส่ส่วนผสมลงไปทีละอย่างและค่อยๆทำมันอย่างพยายามจนแป้งเหมือนจะเข้ากันดี เขาตักส่วนผมใส่ในถ้วยคักเค้กแล้วนำเข้าเตาอบที่ตั้งความร้อนไว้ ระหว่างรอเวลาให้ขนมอบได้ที่ร่างสูงเดินไปเดินมาอย่างกับหนูติดจั่น สายตานั้นแทบจะไม่ละไปจากวัตถุที่อยู่ในเตาอบเลย เพียงไม่นานคริสก็นำถาดขนมที่อบร้อนๆออกจากเตามาวาง ชายหนุ่มกอดอกยืนมองคัพเค้กที่ได้อย่างภูมิใจทั้งๆที่ยังไม่เสร็จดี เหงื่อเม็ดโตไหลซึมลงมาตามไรผมแต่เขากลับเช็ดด้วยแขนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก

เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นบอกการมาถึงของใครบางคน ร่างสูงใหญ่ละจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้ารีบไปเปิดประตูให้ทันทีราวกับคนกำลังรอผู้มาเยือนคนนี้ ทันทีที่คริสเปิดประตูรับเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมวงก็ดังขึ้น “พี่คริส! นี่พี่กำลังทำอะไร!!”

ภาพชายหนุ่มอกสามศอกใส่ชุดกันเปื้อนสั้นเต่อ ทั้งตัวเปื้อนเปรอะไปด้วยฝุ่นแป้งสีขาวไม้เว้นแม้แต่ศรีษะ แป้งที่เกาะจนแห้งอยู่ที่ใบหน้าหล่อนั่นทำให้ซูโฮไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ง่ายๆแม้ได้รับการตอบโต้ด้วยสายตาอาฆาตมาดร้ายของคนตัวโตกว่า “หัวเราะอะไรของนาย” เขาเอ่ยก่อนที่ร่างสูงใหญ่หันขวับเดินเข้าห้องไปทำเอาซูโฮชักใจคอไม่ดี ก็จะอะไรเสียอีก ใครๆต่างก็รู้กันว่าคริสอารมณ์เสียน่ะเลวร้ายแค่ไหน

ซูโฮเดินตามเขาเข้าไปในห้องอย่างคุ้นเคย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร คริสกลับเรียกเขาให้เดินตามเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับยื่นอะไรบางที่หน้าตาคล้ายกับขนมสีน้ำตาลเข้มมาตรงหน้า “อะ ลองกินดู”

ซูโฮยื่นมือไปรับของชิ้นนั้นมาอย่างเกร็งๆ เดาไม่ออกว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นอยู่ในอารมณ์ไหน เมื่อแรกดูเหมือนจะโกรธแค่กลับยื่นขนมประหลาดมาให้แทน ซูโฮมองขนมในมือสลับกับเพื่อนของเขาอย่างพิจารณา เขากับคริสรู้จักกันมานานจึงทำให้ทั้งเป็นเพื่อน พี่และที่ปรึกษา ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักที่แม้แต่บุรุษเพศด้วยกันอย่างเขายังอิจฉาไม่ได้ฉายแววความมั่นใจอย่างทุกครั้ง กลับแดงไปจนถึงใบหู ด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยจึงทำให้พอรู้ว่าแท้จริงแล้วคริสไม่ได้โกรธ เขาก็แค่..อาย ชายหนุ่มไม่เคยทำอะไรอย่างนี้ เขาเป็นคนที่มีความเป็นผู้ชายสูงลิบ ห้องครัวและการทำอาหารห่างไกลความเป็นคริสนัก แล้ววันนี้เกิดอะไร

“เป็นยังไงบ้างวะ” คริสถามขึ้นทันทีที่ซูโฮยกขนมอบฝีมือเขาขึ้นกินก่อนที่จะแสดงสีหน้าแสนประหลาดก่อนจะไอค่อกแค่กจนเหมือนสำลัก คริสรีบยื่นไปไว้ตรงหน้าเพื่อนทันทีในขณะที่ซูโฮเองก็รับไปดื่มอย่างไม่ลืมหูลืมตา

“มันก็ไม่แย่นะ พอกินได้อ่ะ” รสชาติมันก็ไม่แย่นัก จัดว่าดีผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกเลยทีเดียว หากแต่มันร้อน แข็ง และขมจนเกินคำว่าอร่อยไปหน่อยเท่านั้นเอง

“งั้นนายว่าถ้าใส่สตรอว์เบอร์รี่ลงไปจะได้ไหม” คนสูงวัยกว่าถามแบบไม่มั่นใจเท่าไรนัก

” หา! สตรอว์เบอร์รี่!” ซูโฮร้องเสียงหลง ก็จะไม่ให้ตกใจขนาดนั้นได้อย่างไรกัน ในเมืองคัพเค้กที่เขาเพิ่งเสี่ยงชีวิตกินไปเป็นคัพเค้กขนาดจิ๋วแต่สตรอว์เบอร์รี่สีแดงสดตรงหน้าเขามองยังไงก็ดูใหญ่เกินไป ขนาดมันน่าจะเท่าหรือใหญ่กว่าคัพเค้กที่เขาเป็นหนูทดลองด้วยซ้ำไป “พี่จะใส่มันไปทำไม!”

คริสไม่ตอบอะไร เขาเองก็รู้ดีว่าว่าสตรอว์เบอร์รี่นั้นมันขนาดเกินที่จะใส่ลงไปในคัพเค้กจิ๋ว แล้วเขาควรจะทำอย่างไร ก็ในเมื่อทำตามที่จดมาทุกอย่างแล้วก็ยังไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ดวงตาคมมองไปที่คัพเค้กขนาดเล็กสีน้ำตาลเข้มกับสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตพร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่

…แค่ทำเค้กให้เป็นเค้กก็ยากแล้ว เอาเป็นว่าทำวานิลาคัพเค้กธรรมดาให้สำเร็จก่อนดีไหม

…ผมว่าพี่อย่าทำเลยจะดีกว่า ซื้อเอาเถอะ ผมสงสารคนกิน ㅠㅠ

พ่อครัวขนมหวานมือสมัครเล่นมองของตรงหน้าอย่างชั่งใจ ระหว่างไปซื้อสตรอว์เบอร์รี่ลูกเล็กจิ๋วมาใหม่เพื่อให้ใส่ลงไปในคัพเค้กนั้นได้หรือไปซื้อถ้วยคัพเค้กขนาดปกติมาแทน คิดแล้วเคืองตัวเองไม่หายที่ไม่รู้จักเอะใจว่าทำไมขนาดถ้วยมันถึงได้เล็กนัก

“นายนั่งเล่นไปก่อนอย่าเพิ่งไปไหนนะ เดี๋ยวพี่มา” ชายหนุ่มพูดก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป

“เฮ้ย! ฮยอง!” ซูโฮร้องเรียกชายหนุ่มผู้พี่เสียงดังแต่ก็รั้งเขาไว้ไม่ทัน คริสเดินผลุนผลันออกไปทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนลายน่ารัก

ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เพิ่งมากับเจสสิก้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วแต่แตกต่างกันที่ครั้งนี้เขามาเพียงคนเดียว คริสเดินไปตรงชั้นวางที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นถ้วยคัพเค้กกระดาษหลากสีโดยไม่ได้ใส่ใจสายตาหลายต่อหลายคู่ที่มองมาที่เขาหรือแม้แต่เสียงหัวเราะคิกคักที่แว่วมาให้เขาได้ยิน ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบเอาถ้วยกระดาษมาก่อนจะเดินไปเลือกซื้อสตรอว์เบอร์รี่สีสดขนาดเล็กลงมาอีกหนึ่งแพค .. ไม่ว่ายังไงก็คงสำเร็จซักทางสิน่า เขาพยายามบอกตัวเองให้เชื่ออย่างนั้น

ระหว่างทางเดินไม่ไกลนักจากอพาร์ทเมนท์ของชายหนุ่ม คริวเดินถือถุงถ้วยกระดาษฝ่าสายลมหนาวพลางนึกก่นด่าตัวเองในใจที่รีบร้อนออกมาจนไม่ได้หยิบแม้แต่เสื้อหนาวก่อนที่จะชะงักกึก ดวงตาคมเหลือบลงมองตัวเองในชุดผ้ากันเปื้อน วูบนั้นเขาลืมความเย็นเฉียบไปชั่วขณะ ทั้งตัวร้อนผ่าวเมื่อนึกได้ว่าตัวเองน่าอายขนาดไหน ยิ่งคิดถึงสายตาหยอกล้อที่เขาเห็นและเสียงหัวเราะขันที่เขาได้ยินยิ่งทำให้เขายิ่งอับอาย ขายาวๆนั้นก้าวอย่างรวดเร็วจนเกือบวิ่งเพื่อจะพาตัวเองกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด

“ย่าห์! คิม จุนมยอน!” เสียงเรียกชื่อจริงของซูโฮดังลั่นพร้อมกับเสียงเปิดประตูปัง ซูโฮที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเปล่งเสียงหัวเราะทันทีที่ร่างสูงใหญ่ผูกผ้ากันเปื้อนติดระบายสีหวานสั้นเต่อยืนหอบอยู่ตรงหน้า หาได้เกรงกลัวกับท่าทางแข็งๆอาการโวยวาย และใบหน้าที่แดงก่ำ ด้วยรู้ว่าคริสก็แค่อายจริงๆ

“ไม่บอกกันซักคำวะว่าไม่ได้ถอดผ้ากันเปื้อน”

“ก็ผมบอกไม่ทัน” ซูโฮตอบพลางหัวเราะจนคริสเองไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายก็พาตัวเองเดินกลับเข้ามาในห้องครัวปล่อยซูโฮให้ขําให้พอใจจนเหนื่อยและหยุดไปเองในที่สุด

หลังจากที่วางของที่ซื้อมาไว้ที่เคาท์เตอร์ห้องครัว ชายหนุ่มก็เริ่มตั้งสติอีกครั้งก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ คริสเฝ้าถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้ ทำไมถึงต้องวุ่นวายทำอะไรที่ไม่คุ้ยเคยและแสนจะยุ่งยากขนาดนี้ แต่เมื่อนึกถึงดวงหน้าใสและรอยยิ้มหวานเหตุผลทุกอย่างก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เขายังจำได้ดีเมื่อครั้งที่เธอมักจะถามเขาว่าทำไมถึงชอบเรียกเธอว่ามายคัพเค้กนัก

“ทำไมต้องมายคัพเค้กละคะ”

“ทำไมคนอื่นเค้าเรียกกันว่าที่รักแล้วทำไมเค้าถึงเป็นขนมละคะ!”

“คัพเค้กมันอ้วนไม่ใช่เหรอคะ เค้าอ้วนเหรอคะ”

รอยยิ้มละมุนเผยขึ้นช้าๆบนใบหน้าหล่อสมบูรณ์นั้นเพียงแค่คิดถึงเธอที่รัก มือหนารวบหยิบอุปรณ์เครื่องครัวที่เลอะเทอะไปทำความสะอาดก่อนจะเริ่มลงมือทำใหม่อีกครั้ง

ร่างสูงเฝ้าเวียนวนอยู่หน้าเตาอบ ดวงตาคมคอยแต่จะมองสังเกตความเปลี่ยนแปลงของของที่อยู่ด้านในนั้น ขนมที่ค่อยๆฟูขึ้นทีละน้อยและกลิ่นหอมหวานที่อบอวลไปทั่ว ทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้เขาก็ปรี่เข้าไปนำเอาขนมอบใหม่ออกมาด้วยใจระทึก ครั้งนี้ผลงานออกมาคัพเค้กสีเหลืองทองสวยดูน่ารับประทาน ดูดีกว่าครั้งที่แล้วอย่างไม่น่าเชื่อ เขายิ้มอย่างยินดีก่อนจะหยิบเอากระดาษที่เริ่มยับยู่ยี่ออกมาดูอีกครั้งก่อนที่สายตาจะพลันเหลือบไปเห็นถุงถ้วยคัพเค้กที่เรียงกันอยู่เกือบจะครบทุกสีทุกขนาดตั้งแต่ขนาดมินิ ขนาดกลาง ขนาดปกติ

…เจสสิก้า! เธอจะหยิบถ้วยคักเค้กมาให้ทำไมทุกไซส์!!

…ขอโทษน่ะคริส ก็ฉันบอกแล้วว่าฉันทำอาหารไม่เป็น

มือหนาหยิบเอาคัพเค้กที่ตั้งไว้จนเย็นขึ้นมาพิจารณา เขาตัดสินใจหยิบช้อนตักเอาตรงกลางออกบางส่วนแล้วลองวางสตรอว์เบอร์รี่ลงไปก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองลืมทำไอซิ่งเหลว คริสหยิบเอาชามอ่างขึ้นมาผสมน้ำตาล ผิวมะนาว และน้ำมะนาวจนเข้ากันดี เขามองก้อนเค้กที่ตักออกมาแล้วจึงหยิบเข้าปากเสีย รอยยิ้มพึงพอใจปรากฎอยู่บนใบหน้าทันทีที่ได้รู้ว่าครั้งนี้ฝีมือของเขาไม่แย่อย่างที่คิด ครั้งที่แล้วเป็นประสบการณ์ที่ต้องมีผิดพลาดกันบ้างแล้วมันก็เป็นความโชคร้ายของซูโฮก็เท่านั้น ครั้งนี้เขารับประกันว่ามันจะต้องออกมาดี ชายหนุ่มค่อยๆเทน้ำตาลไอซิ่งเหลวที่ละลายไว้บนหน้าคัพเค้กแล้วโรยผงน้ำตาลสีเขียวและตกแต่งให้สวยงาม

ร่างสูงเกินมาตรฐานชายเกาหลีที่เดินเข้ามาหาเธอในร้านกาแฟขนาดเล็กเป็นจุดสนใจของคนเกือบจะทั้งร้าน ด้วยหน้าตาหล่อเหลาและผมสีทองเจิดจ้าแตกต่างจากชายเกาหลีทั่วไป สายตาที่ต่างจับจ้องว่าใครหนอจะเป็นหญิงสาวผู้โชคดีที่ได้ครอบครองหัวใจของหนุ่มรูปงามคนนี้ เพียงแค่เขาไปยืนหยุดอยู่ที่โต๊ะความสนใจก็เปลี่ยนจากเขาไปเป็นหญิงสาวที่นั่งอยู่แทน เธองดงามหมดจด สีหน้าท่าทางอ่อนหวานราวกับนางฟ้าในชุดสีโอล์ดโรส

“ไปไหนมาคะ เค้าโทรมาไม่เห็นรับสาย แถมไม่ตอบข้าความเค้าด้วย .. เคืองชะมัด” เสียงหวานเอ่ยถามแกมตัดพ้อทันทีที่เห็นคนคุ้นตาอยู่ตรงหน้า

กล่องสีขาวลายจุดสีเขียวประดับด้วยริบบิ้นสีเดียวกันดูน่ารักถูกยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว ดวงหน้าหวานเผยผิวขาวใสแต่งแต้มแค่เพียงลิปกลอสสีชมพูอ่อนบนริมฝีปากสวย นัยน์ตาที่มักจะเปล่งประกายระยับมองเขาอย่างสงสัย เมื่อวานเธอติดต่อคนรักหนุ่มไม่ได้ตลอดทั้งวันจนเริ่มกังวล แต่เจสสิก้ากลับบอกว่าคริสไม่เป็นอะไรหรอก แค่ทำบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น ไม่ว่าเธอจะพยายามถามเท่าไรว่าเจสสิก้ารู้ได้อย่างไรว่าคริสกำลังทำอะไรแต่พี่สาวก็ไม่ยอมขยายความ บอกเธอแค่เพียงว่า .. เดี๋ยวก็รู้

ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างๆหญิงสาวอย่างคุ้นเคย เขามองมือเรียวบางค่อยๆแกะริบบิ้นสีหวานออกอย่างทนุถนอมก่อนจะเปิดดูด้านในด้วยความระมัดระวัง ดวงตาสวยเบิกกว้างอย่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นสิ่งของที่อยู่ด้านใน คัพเค้กที่ไม่ได้แต่งหน้าด้วยบัตเตอร์ครีมหนาๆหากแต่เป็นไอซิ่งบางๆสีเขียวอ่อนจนเกือบจะกลายเป็นขาวเกาะอยู่บนเนื้อเค้กสีเหลืองสวยน่ารักประทาน ด้านบนประดับด้วยใบสตรอว์เบอร์รี่สีเขียวสดดูน่ารัก หญิงสาวหันไปมองคนข้างๆอย่างตื่นเต้นระคนสงสัย

“คุณทำเองเหรอคะ คริส”

“เธอคิดว่ายังไงล่ะซอฮยอน” เขาตอบอย่างไว้ทีทั้งๆทีในใจแสนยินดีที่เห็นรอยยิ้มเจิดจ้า ชะรอยของขวัญที่เขาตั้งใจทำให้คนจะถูกใจเธอไม่น้อยทีเดียว

“มันจะทานได้ไหมคะ” เธอเอียงคอถามอย่างหยอกเย้าจนคริสหน้าแดงไปถึงหูด้วยรู้ว่าคนรักไม่เคยแม้แต่จะทำรามยอนด้วยตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงการทำขนมอบหรือเบเกอร์รี่ที่ซับซ้อนกว่านั้น มือหนาเอื้อมมาทำทีว่าจะดึงของที่สู้อุตส่าห์ทำข้ามคืนกลับหากแต่เธอฉวยไว้ได้ทัน

“ให้แล้วไม่เอาคืนสิคะ คริส” เธอตอบพลางส่งยิ้มหวานที่เขามองยังไงก็แสนจะกวนส่งมาให้ ก่อนที่จะหยิบคัพเค้กขึ้นมาลองทาน “เค้าลองชิมนะ”

หญิงสาวทำหน้าประหลาดใจอีกครั้งที่ภายใต้เนื้อเค้กนุ่มและไอซิ่งรสเปรี้ยวหอมกลิ่นมะนาวกลับมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆจากเนื้อนุ่มฟูของสตรอว์เบอร์รี่เกาหลีไม่ได้เป็นแค่เนื้อเค้กอย่างที่เธอเข้าใจ ดวงตาคมมองคนข้างๆอย่างสังเกตอาการ คริสมองเธอค่อยๆเคี้ยวทีละคำจนกลืนลงคอไปก็ยังจ้องหน้าอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นคำถาม

“มองเค้าอย่างนั้นทำไมคะ อร่อยขนาดนี้เค้าไม่ตายหรอกค่ะ” เธอพูดพลางส่งรอยยิ้มหวานมาให้ก่อนจะพูดอีกประโยคถัดมาเบาๆ “แต่อาจจะท้องเสีย”

มือหนารวบคนตัวเล็กเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่นอย่างต้องการจะทำโทษคนขี้แกล้ง เธอจะรู้บ้างไหมว่าคัพเค้กชิ้นเล็กๆที่เธอกินอยู่น่ะทำเขาสาหัสเพียงใด “ว่าไงนะคะ มายคัพเค้ก”

“ไม่ว่ายังไงนะคะ หูไม่ดีหรือเปล่า” เธอตอบ ดวงหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อจนเกือบจะเป็นสีเดียวกับสตรอว์เบอร์รี่

ริมฝีปากหนากดประทับลงที่ปากเรียวบางได้รูปลิ้มรสหอมหวานจนแทบไม่อยากถอน หญิงสาวจูบตอบเขาอย่างอ่อนหวานหลังจากที่หายตกใจ เป็นครั้งแรกที่คริสแสดงความรักกับเธอต่อหน้าคนอื่นโดยเฉพาะในที่สาธารณะ ปกติแล้วเขามักจะชอบทำท่านิ่งขรึมจนใครๆต่างก็สงสัยว่าเธอรักคนอย่างเขาไปได้ยังไง น้อยคนนักที่จะรู้ถึงความน่ารักของผู้ชายคนนี้ น้อยคนนักที่จะได้สัมผัสอย่างที่เธอสัมผัส

“ทำไมต้องเป็นคัพเค้กล่ะคะ” เธอกระซิบถามอย่างแผ่วเบาทั้งๆที่ริมฝีปากยังคงสัมผัสกันจนคนถูกถามใจเต้นไม่แพ้กับจูบแรก ซอฮยอนทำให้เขาเหมือนกลับไปเป็นเด็กชายอายุสิบห้าที่ไม่ประสาเรื่องรักอีกครั้ง

“คัพเค้กมันทั้งหอมหวาน กลิ่นวานิลลาจางๆเหมือนกับเธอ ชิมแล้วก็อยากจะชิมอีกบ่อยๆน่ะสิ” เขาหยุดคำตอบไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเริ่มชิมคัพเค้กแสนรักของเขาอีกครั้งอย่างละมุนละไม

…Happy Valentine’s, My Cupcake

One Shot คริส ซอฉลองวาเลนไทน์ค่า
เหตุเกิดเพราะชื่อเล่นหรือ pet name ที่ซอฮยอนพูดถึงใน Romantic Fantasy เลยลองเอามาแต่งดู
เนื้อเรื่องเทไปทางพ่อรูปหล่อซะเป็นส่วนมาก ถึงจะคู่กันน้อยไปนิดแต่ก็น่ารักใช่ไหมคะ ><
รูปที่แปะเป็นหน้าตาคัพเค้กที่เอามาใช้ในเรื่องค่ะ คนเขียนก็ต้องไปหาสูตรมาเหมือนกัน
เพราะเรื่องนี้ทำให้อยากกินคัพเค้กทุกครั้งที่เขียน ถ้าอ้วนจะโทษซอฮยอน บู่~!
สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะทุกคน ขอให้มีความรักที่อร่อยหอมหวานเหมือนคัพเค้ก ^^

20130214-215858.jpg

Strawberry Lime Cupcake

ที่มา : Food network
http://www.foodnetwork.com/recipes/food-network-kitchens/strawberry-lime-stuffed-cupcakes-recipe/index.html