สุดคิด สุดฤทธิ์ สุดสู้
สุดรู้ สุดเจ็บ สุดหวัง
สุดยื้อ สุดแย่ง สุดกำลัง
สุดโศก สุดรั้ง สุดปัญญา
-คำมั่นสัญญา, ทมยันตี
“ผมอยู่ต่างจังหวัด ชางมินเกิดจะพามาพบเพื่อนอีกคนที่อยู่ไกลถึงแดกูเลยต้องค้างคืน” สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากตื่นนอนคือต่อสายไปหาซอฮยอนหลังจากที่เขาหลงระเริงไปกับลีลาของจงฮีจนลืมทุกสิ่งอย่าง ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของอีกร่างที่อยู่ใช้เวลาร่วมเตียงกันมาจนเกือบเช้า เธอลุกขึ้นมากอดเขาจากด้านหลังแน่นจนรู้สึกความนุ่มนิ่มที่ทาบทับอยู่บนแผ่นหลังอย่างไร้อาภรณ์กั้น มือเย็นเยียบสัมผัสที่หน้าอกก่อนจะลูบไล้ลงไปยังด้านล้างจนเขาต้องกลั้นหายใจ
“ผมคงกลับถึงบ่ายๆนะซอฮยอน” เขากดตัดสายโดยไม่เอ่ยคำลาเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะควบคุมความต้องการไม่อยู่ ร่างสูงพลิกตัวกลับไปเพื่อทาบทับเรือนร่างแสนอวบอัดที่ส่งสายตาเย้ายวนมาให้ก่อนจะเริ่มต้นบทรักที่เพิ่งสงบลงไปไม่กี่ชั่วโมงขึ้นมาอีกครั้ง
คยูฮยอนกลับเข้าบ้านมาอย่างสดชื่นทั้งที่ควรจะเหนื่อยล้าแตกต่างจากภรรยาที่ดูซูบซีดคล้ายคนอดนอน เมื่อเขาถามเธอก็ตอบสั้นๆว่าไม่เป็นไร หากเป็นปรกติเขาคงมีแก่ใจจะเอ่ยถามหรือหยอกเย้า แต่ครั้งนี้เขาไม่ใส่ใจซักนิดที่จะถาม ร่างสูงตรงดิ่งไปที่ห้องนอน เขาอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านไปอีกครั้งโดยแบบแค่สั้นๆว่าชางมินจะพาไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเช่นเดิม ซอฮยอนเอ่ยลาสามี ดวงตากลมโตมองตามเขาฉายแววผิดหวังชัดเจน สิ่งที่คยูฮยอนไม่รู้และเธอไม่ได้บอกก็คือชิม ชางมิน ข้ออ้างของเขามีนัดทานอาหารเย็นที่บ้านหลังจากที่พบกับเธอและอาร่าเมื่อกลางวัน ชางมินอยากจะพบเพื่อนสนิทหลังจากที่ได้คุยกันไม่นานในงานศพและอีกอย่าง .. เขาอยากพบหลานชาย
…ชางมินของคุณกับชางมินของฉันคงคนละคนกันสินะคะ
…ชิม ชางมินของฉันคือผู้ชายเพื่อนสนิทของคุณสมัยเรียน
…ส่วนชางมินของคุณคงไม่ใช่
คยูฮยอนทั้งกิน เที่ยว ดื่มกับจงฮีตลอดสองสัปดาห์ที่เขาลางานมาเพื่อร่วมงานศพของบิดาในขณะที่ซอฮยอนเฝ้ารอสามีของเธอ เวลาสองสัปดาห์ที่เกาหลีของเธอเหมือนตกนรก เธอรู้ว่าเขาทำอะไรลับหลังเธอแม้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หญิงสาวคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการกลับอเมริกาจะทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม
เธอคงหวังมากเกินไป คยูฮยอนเปลี่ยนไปจากก่อนที่เขาจะกลับไปเกาหลี เขากลับบ้านดึกขึ้น ไปค้างนอกบ้านบ่อยๆ เลี่ยงไปคุยโทรศัพท์คนเดียว เงินที่เขาเคยให้เธอเป็นผู้ดูแลจัดการน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ซอฮยอนสังเกตุเห็นด้วยซ้ำว่ามีใบแจ้งยอดบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมาอีกใบและยอดก็พุ่งทยานเสียดฟ้าเลยทีเดียว
ถึงแม้จะกลับไปเกาหลีแต่คยูฮยอนยังคงปรนเปรอจงฮีด้วยความลุ่มหลง เขาซื้อของสารพัดส่งไปให้เธอที่เกาหลี ให้แม้กระทั่งบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินและคนอย่างคัง จงฮีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ยอดค่าใช้จ่านผ่านบัตรแต่ละเดือนสูงลิบจนเทียบเท่ากับค่าเทอมของคยองคยูทั้งเทอม! ถึงอย่างนั้นคยูฮยอนก็ยังยินดีจะให้เธอ
สุดสัปดาห์นี้ก็เป็นอีกครั้งที่ซอฮยอนต้องอยู่เพียงลำพังแม่ลูกเพราะคยูฮยอนจะไปเยี่ยมมาริที่ศึกษาต่อปริญญาโทอยู่ในมลรัฐใกล้ๆ ซอฮยอนปฏิเสธที่จะไปเพราะอยากให้พี่น้องได้ใช้เวลาร่วมกัน
ภายในบ้านที่เงียบเหงาซอฮยอนมองออกไปนอกหน้าต่าง คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ยิ่งอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยแถบชานเมืองด้วยแล้วยิ่งมืดสนิท เธอไม่เคยชอบบรรยากาศแบบนี้ เวลากลางคืนในประเทศที่เสรีที่ขาดความปลอดภัยโดยไม่มีคยูฮยอน จริงอยู่ย่านนี้ยังไม่เคยมีคดีร้ายแรง แต่ผิดหรือที่เธอกลัว อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่เธอต้องดูแลปกป้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เธอไม่ได้คิดว่าจะมีใครโทรมาเวลาดึกขนาดนี้ เบอร์ปลายสายที่ขึ้นบนหน้าจอเป็นเบอร์ที่เธอไม่คุ้นเคยแต่ก็สามารถบอกได้ว่าเป็นเบอร์จากเมืองข้างๆที่ติดกับรัฐที่เธออยู่ อาจจะเป็นเรื่องด่วนก็เป็นได้ ซอฮยอนกดรับสายพร้อมกับส่งเสียงทักทายอีกฝั่ง
“สวัสดีค่ะ ฉันคัง จงฮีนะคะ .. คุณซอฮยอนใช่ไหมคะ เราเคยเจอกันแล้ว” ซอฮยอนนิ่งอึ้งทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย
“ฉันจะมาอยู่ที่อเมริกานี่ซักระยะ มาเที่ยวน่ะค่ะ คยูเค้าเลยอยากจะพาฉันไปเที่ยวบ้าง คุณคงไม่ว่านะคะ .. ฉันแค่อยากโทรมาหาคุณเพื่อยืนยันน่ะค่ะว่าฉันกับคยูฮยอนไม่ได้มีอะไรกัน” เสียงหวานๆที่ดังเจื้อยแจ้วมาจากปลายสายไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดเลยแม้แต่เพียงน้อย
“ค่ะ” ซอฮยอนตอบกลับไปเท่าที่แรงเธอพึงมี
“คยูเค้ากังวลน่ะค่ะ ฉันก็เลยอยากจะโทรมาให้มันชัดเจน” ชัดเจนอะไรของเธอนะ คัง จงฮี .. แค่นี้ยังชัดเจนไม่พออีกอย่างนั้นหรือว่าคยูฮยอนกำลังมีคนอื่น เขากำลังจับปลาสองมือ ปลาตัวนั้นก็ดูจะเต็มใจให้เขาจับเสียด้วย เธอไม่ได้โง่จนไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายโทรหาเธอเพราะอะไร ผู้หญิงคนนั้นต้องการบอกให้เธอรู้ว่าเธอเองก็เป็นผู้หญิงอีกคนของโจว คยูฮยอนและฝ่ายนั้นก็มาก่อน
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมองนาฬิกาเรือนสวยบนข้างฝาที่กำลังบอกเวลาเที่ยงคืน เธอกดโทรศัพท์หาทงเฮแต่ไร้สัญญานตอบรับ พี่ชายของเธอคงกำลังทำงาน ส่วนเธอไม่อยากให้เพื่อนไม่กี่คนที่นี่รับรู้ถึงปัญหาครอบครัวของเธอ ซอฮยอนตัดสินใจโทรหามาริคนที่เธอคิดว่าเป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอที่อยู่ในเขตเวลาใกล้เคียงกันทั้งๆที่เมืองของมาริเร็วกว่าเธอร่วมสองชั่วโมงอย่างคนไร้ที่พึ่ง
“มาริ เธอว่างไหม พี่มีเรื่องจะปรึกษา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พี่ซอฮยอน?” เสียงงัวเงียของปลายสายดังขึ้น มารินอนดึก เด็กคนนั้นนอนดึกตื่นสายไม่ต่างจากคยูฮยอน แต่วันนี้คงเป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่ญาติผู้น้องของสามีนอนเร็วกว่าเวลา
“พี่คยูของเธอเค้ากำลังมีคนอื่นใช่ไหมมาริ เธอพอจะรู้บ้างไหม” ซอฮยอนเอ่ยถาม เธอรู้ว่าคยูฮยอนสนิทสนมกับมาริไม่น้อย และมาริเองก็รู้จักกับจงฮี อย่างน้อยญาติของสามีน่าจะบอกอะไรเธอได้บ้าง แต่ไม่มีเสียงตอบจากปลายสาย ซอฮยอนยังคงถามทั้งน้ำตา “หืม มาริ เธอรู้จักผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม เธอรู้จักจงฮีใช่ไหม .. พี่จะทำยังไงดี .. หึ มาริ”
“มันจะอะไรกันนักกันหนาคะพี่ซอฮยอน ก็เพราะพี่น่าเบื่อขนาดนี้ไงพี่คยูถึงต้องมีคนอื่น” เสียงหงุดหงิดของคนที่ถูกรบกวนการนอนดังขึ้น มาริเบรคแตกเสมอหากมีใครมารบกวน ซอฮยอนเลือกโทรปรึกษาคนผิดไม่พอยังผิดเวลาที่สุด นอกจากจะไม่ได้รับคำปลอบใจแล้วยังได้รับคำพูดที่เหมือนหอกทิ่มแทงใจมาแทน
‘มันจะอะไรกันนักกันหนาคะพี่ซอฮยอน ก็เพราะพี่น่าเบื่อขนาดนี้ไงพี่คยูถึงต้องมีคนอื่น’ ประโยคนั้นของมาริยังคงวนเวียนอยู่ในหัว หญิงสาวไม่สามารถบังคับตัวเองให้ทำอะไรได้นอกจากนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น เธอนึกย้อนไปถึงวันที่ทั้งสองกล่าวคำสัญญาศักดิ์สิทธิ์หน้าพระผู้เป็นเจ้าว่าจะรักและอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ จะดีหรือจะร้าย จนกว่าความตายจะพรากจากกัน เสียงร้องจ้าของคยองคยูดังขึ้นฉุดเธอขึ้นมาจากความคิด เธอไม่รู้จริงๆว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร คยูฮยอนในวันนี้เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว หากวันนึงเขาเปลี่ยนไปมากกว่านี้ หากเขาเปลี่ยนไปขนาดที่สามารถทำร้ายเธอและลูกขึ้นมาเล่า เธอทั้งเสียใจและผิดหวังจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ความรู้สึกพวกนั้นไม่อาจเทียบเท่าความรักของแม่ที่มีให้กับลูกของตัวเอง
…ฉันรักคุณ แต่ฉันก็รักลูก
…ในเมื่อฉันจะต้องสูญเสียคุณไป แต่ฉันจะขอดูแลลูกของเราไว้เป็นอย่างดี
…คำสัญญาศักดิ์สิทธิ์นั้น ฉันคงทำมันต่อไปไม่ได้ ฉันขอปล่อยคุณไปให้กับเธอ
ร่างสูงเดินเข้ามาในบ้านที่มืดมิดไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากตัวเอง มือหนาเอื้อมไปเปิดไฟก่อนจะเดินตามหาเธอและลูก แต่ก็ไร้ร่องรอย .. ซอฮยอนและลูกหายไป .. บางทีเธออาจจะไปค้างบ้านเพื่อนระหว่างที่เขาไม่อยู่คยูฮยอนคิด ทั้งๆที่นั่นไม่ใช่นิสัยของซอฮยอนก็ตาม บางทีเธออาจจะเหงา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมากดต่อสายไปยังครอบครัวเกาหลีในเมืองที่เขารู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทเธอ
“ไม่นะ ไม่ได้โทรมาเลยนี่ ลองโทรหาทิฟฟานี่สิ”
“ฉันกับสามีเดินทางออกไปนอกเมืองนะคยูฮยอน แต่วันนี้ซอฮยอนก็ไม่เห็นติดต่อมานะ โทรเช็คนิโคลหรือยัง”
“คุยกันเมื่อวานตอนเช้าก็ไม่ได้บอกว่าจะไปไหนนะ”
สายแล้วสายเล่าที่เขาโทรแต่ก็ไม่มีใครบอกได้ซักคนว่าเธอไปไหนแม้แต่นิโคลที่เป็นความหวังสุดท้ายของเขา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นเมื่อรู้ตัวว่านั่งลงทับอะไรบางอย่าง .. โทรศัพท์มือถือของเธอ .. เขากดดูรายการโทรหลังสุด มาริและอีกเบอร์เป็นเบอร์จากเมืองใกล้ๆที่เขาเพิ่งไปกับผู้หญิงอีกคน “คัง จงฮี” เขารู้สึกอาการเย็บวาบที่กลางสันหลังเมื่อนึกว่าเธอรู้เสียแล้ว คนสันหลังหวะรีบกดโทรศัพท์โทรหามาริทันที
“มาริ ซอฮยอนโทรหาเธอหรือเปล่า” เขาระล่ำระลักถามทันทีที่ได้ยินเสียงใสๆของญาติสนิท
“โทรมาตอนที่ฉันหลับอยู่น่ะค่ะพี่” เสียงปลายสายหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “พี่คะ .. รู้สึกว่าฉันจะพูดไม่ดีกับพี่ซอฮยอนไปเพราะฉันหงุดหงิดที่เธอโทรมาปลุก เธอไม่ได้เป็นไรใช่ไหมคะพี่”
“เธอพูดอะไรไปมาริ”
“เหมือนกับว่าเธอเซ้าซี้ฉันเรื่องพี่คังฮี ฉันเองก็จำไม่ค่อยได้เพราะเพิ่งหลับไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง แต่ฉันคงต้องพูดจาไม่ดีใส่เธอแน่ๆเลยเหมือนทุกครั้งที่มีคนมาปลุกฉัน” มาริตอบเสียงจ๋อยจนเขาแทบจะนึกภาพปลายสายออก ถ้าเพียงแต่มาริรู้ว่าโทรศัพท์สายนั้นเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของซอฮยอน
คยูฮยอนถอนใจเฮือกใหญ่หลังจากที่วางสาย มือหนายกขึ้นเสยผมยุ่งๆของเขาอย่างระบายอารมณ์ เธอรู้แล้วจริงๆ เขาไม่คิดว่าเป็นเพราะมาริ แต่น่าจะเป็นเพราะสายของคนที่โทรมาก่อนหน้านั้นต่างหาก เธอคงไปไหนไม่ได้ไกล ไม่สิ…เธอคงไม่กล้าไปไหน เขาเชื่่ออย่างนั้น ซอฮยอนคงไม่กล้าทิ้งเขาหรอก เธอรักเขาจะตาย
เขาตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง ร่างสูงหันนอนตะแคงมองทอดไปยังที่ที่เธอเคยนอน คืนนี้ปล่อยให้เธอเย็นลงซักหน่อยแล้วยังไงเสียเขาจะไปตามเธอกลับคืนมา
คยูฮยอนพยายามตามหาบ้านเพื่อนทุกคนที่ซอฮยอนรู้จัก ทุกที่ที่คิดว่าซอฮยอนจะไปรวมไปถึงบ้านของมาริ ทั้งโรงแรม สถานีตำรวจ หรือแม้แต่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่พบแม้เงา เขาโทรหาอาร่ากับทงเฮด้วยซ้ำ แต่ก็ไร้วี่แวว เขาไปจากอเมริกายังไม่ได้ในตอนนี้ โปรเจกต์ที่เขาทำยังไม่จบ ถ้าเขาทิ้งงานจะโดนค่าปรับหลายสิบล้านดอลลาห์ซึ่งเป็นเงินมหาศาล เขาทำได้เพียงแค่พยายามตามหาเธอในประเทศและขอความช่วยเหลือจากอาร่าและชางมินให้ช่วยตามหาเธอในเกาหลี .. ทำได้เพียงเท่านั้น
บอกตามตรงว่าเขาโกรธตัวเอง เขาแต่งงานกับจงฮีเพราะอยากเอาชนะคำท้าบ้าๆและความสงสารที่เธอท้องไม่มีพ่อ ไม่ได้แต่งงานบนพื้นฐานของความรัก ในที่สุดจงฮีก็หาพ่อให้ลูกของเธอได้และเขาก็ลืมมันไปว่าครั้งนึงผมเคยจรดปากกาลงบนทะเบียนสมรสนั้น จนเมื่อได้พบกับเธออีกครั้งในงานศพของบิดา เธอบอกว่าเธออยากจะหย่า เพราะทะเบียบสมรสของเขามันทำให้เธอทำธุรกรรมในเกาหลีได้ยากเนื่องจากมันจะพ่วงชื่อเขาไปด้วยในฐานะสามี เขาไม่โทษใครแต่โทษตัวเองที่เพราะทะเบียนหย่านั้นทำให้เรื่องที่ควรจะจบไปนานกลับเกิดมาอีกครั้ง ส่วนซอฮยอนเขาแต่งงานกับเธอเพราะความรักและต้องการจะสร้างครอบครัว เขารู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกซอฮยอน ตลอดชีวิตของเขามีภรรยาและแม่ของลูกเพียงคนเดียวคือซอฮยอน จงฮีคือความตื่นเต้นเร่าร้อน คือความสุขทางร่างกายที่ไม่เคยได้รับ ทุกครั้งจงฮีจะปรนเปรอให้เขาอย่างถึงใจ สุขจนแทบจะสำลัก .. แตกต่างจากซอฮยอนที่แสนจะขี้อายและแสนจะอยู่ในกรอบ เขาไม่ปฏิเสธว่ามันเปี่ยมไปด้วยความรักมากกว่าความวาบหวาม แต่เซ็กส์ที่สุดยอดมันก็ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ
มือหนาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาตัวช่วย ชิม ชางมิน เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียน เขาเล่าให้ชางมินฟังจนหมดเปลือก ถึงตอนนี้จะปิดบังให้ได้อะไรในเมื่อชางมินควรจะรู้หากเขาต้องการความช่วยเหลือ เขาหน้าซีดจนเปลี่ยนเป็นแดงแล้วกลับเป็นซีดเผือดอีกครั้งเมื่อได้ยินว่าชางมินพบซอฮยอนหลังจากงานศพบิดา แถมยังมาทานข้าวที่บ้านกับอาร่าพี่สาวเขาเสียด้วย ชางมินเล่าว่าซอฮยอนบอกเพียงว่าเขาออกไปกับเพื่อนเท่านั้น .. เธอรู้ตั้งแต่ตอนนั้น แต่เธอยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธออดทนให้โอกาสคนอย่างเขา
“นายคิดอะไรอยู่วะ นายทำอย่างกับไม่รู้ว่าจงฮีเป็นยังไง” ชางมินต่อว่าเขาทันทีที่ทราบเรื่อง
“จงฮีไม่ได้มีนายคนเดียว เธอเลือกคนที่มีให้เธอได้ .. ไม่ใช่ความรัก แต่มันคือเงิน” ชางมินยังคงพูด ไม่เปิดโอกาสให้คยูฮยอนที่กำลังจะสำลักความรู้สึกผิดตายได้ตอบโต้ “นายเอาเงินที่ควรจะเก็บไว้ให้คยองคยูมาปรนเปรอจงฮี แล้วแกรู้บ้างไหมว่าเงินของแกน่ะเผื่อไปหาทั้งตระกูลของเธอด้วยซ้ำ ฉันมีเพื่อนโง่ๆอย่างงี้ได้ยังไงวะ”
“ซอฮยอนน่ะ ยิ่งกว่าผู้หญิงในฝันของผู้ชายในคยองกีอีกนะ”
เขาทิ้งโทรศัพท์ลงข้างตัวเมื่อได้ยินคำกล่าวของเพื่อน ใช่ ซอฮยอนก็เป็นขวัญใจของหนุ่มๆในคยองกีไม่ต่างจากที่เขาเป็นดาวมหาวิทยาลัย เธอจะไม่ได้ร่ำรวยแต่เธอมีหัวใจที่แสนดี ดูเหมือนจะว่าเขาจะลืมไปว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่ได้เธอมาครอง ร่างสูงพลิกตัวหันไปมองที่ที่เคยเป็นที่ของเธอ เตียงนี้กว้างเหลือเกิน .. กว้างเกินกว่าที่จะนอนคนเดียว
คยูฮยอนตัดสินใจทิ้งโปรเจกต์ราคากว่าสิบล้านดอลลาห์หลังจากได้รับเอกสารของหย่าจากทนายไม่กี่วันหลังจากที่เธอหายไป จดหมายสั้นๆที่แนบมาด้วยบอกแค่เพียงว่าหวังว่าเขาคงจะเข้าใจการตัดสินใจของเธอ เธอคงทำมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ให้เขาเชื่อใจเธอว่าจะดูแลเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเป็นอย่างดี .. มันแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แต่ใครจะทนนิ่งเฉยปล่อยเมียและลูกไปได้ .. เขายื่นใบลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว หากแต่บริษัทใจกว้างพอที่จะให้เขาทำงานจากเกาหลีจนกว่าจะจบโปรเจกต์แทนการเสียค่าปรับ
เมื่อเขากลับมาที่เกาหลีเขาจึงได้รับรู้ว่าซอฮยอนแวะมาหาอาร่าและคืนเงินจำนวนนึงซึ่งเป็นทุนการศึกษาที่ตระกูลโจวส่งเสียให้กับเธอตลอดเวลาที่เธออยู่ที่สหรัฐอเมริกา คยูฮยอนรู้สึกเหมือนมีอะไรมากระแทกศรีษะเขาแรงๆเมื่อคิดว่าเธอต้องการตัดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา เธอแทบจะไม่ได้เอาของติดตัวไปเลยด้วยซ้ำมีเพียงเสื้อผ้าและของใช้ของลูกเพียงไม่กี่ชิ้น เงินในบัญชีหรือบัตรเครดิตเธอก็ไม่ได้แตะต้อง เหมือนกับว่าเธอไม่ต้องการที่จะมีเขาอยู่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอยังไงยังงั้น
อาร่าไม่ได้บอกอะไรเขามากกว่านั้น เธอรู้ว่ามันคือการเอามีดทิ่มแทงหัวใจของน้องชายตัวเอง เธอบอกเท่าที่คยูฮยอนควรรู้ เท่านั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้คยูฮยอนรู้สึกตัว .. ยิ่งกว่ารู้สึกเสียอีก
คยูฮยอนตั้งต้นตามหาเธอด้วยตัวเอง เขาเดินทางไปที่ยอซูทั้งๆที่อาร่ากับชางมินบอกเขาว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่เขาไม่เชื่อ แล้วก็ไม่มีมีเงาของเธอจริงตามชางมินว่า
“นายก็น่าจะเห็นว่าซอฮยอนไม่ได้อยู่ที่นี่” ทงเฮบอกชายหนุ่มรุ่นน้องหลังจากที่ยอมให้เขาเข้ามาเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้อย่างเสรีเพื่อตามหาซอฮยอน
“พี่ฮะ บอกผมมาเถอะว่าเธออยู่ไหน ผมรู้ว่าพี่รู้” คนที่สูงกว่าตอบแทบจะทันที ทงเฮคือไพ่ใบสุดท้ายของเขา หากทงเฮไม่รู้แล้วเขาจะไปหาเธอได้จากที่ไหน
“นายเซ็นต์ใบหย่านั่นให้เรียบร้อยเถอะ เรื่องบ้าๆพวกนี้จะได้จบซักที” ทงเฮเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังเมื่อพูดถึงเอกสารการหย่าของเขากับซอฮยอน
“แล้วลูกกับเมียผมล่ะ” คยูฮยอนถามอย่างร้อนใจ
“มันสายไปแล้วล่ะ นายควรจะคิดถึงพวกเค้าตั้งแต่ก่อนที่นายจะทำอะไรลงไปไม่ใช่เหรอ” ทงเฮตอบสั้นๆก่อนจะลากคนตัวสูงที่ผอมบางกว่าออกไปนอกบ้านแล้วปิดประตูใส่หน้าโครมใหญ่ เขาเดินไปเพิ่มเสียงโทรทัศน์อย่างไม่ใส่ใจคนที่ร้องเรียกอยู่ด้านนอก
…เดี๋ยวมันเหนื่อยก็กลับไปเอง
…คนอย่างนั้นจะทนได้ซักกี่น้ำ
แล้วอดีตน้องเขยของเขาก็กลับไปอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด แต่ที่เหนือความคาดหมายคือคยูฮยอนกลับมาหาเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งๆที่ยอซูเมืองริมชายทะเลในจอลลานัมนั้นใช้เวลาเดินทางกว่าห้าชั่วโมงจากโซลถ้าเดินทางโดยรถยนต์ ทุกครั้งที่มาคยูฮยอนก็มักจะเอ่ยถามถึงซอฮยอนอย่างคาดหวังว่าเขาจะใจอ่อนยอมบอกอะไรบ้าง แต่ทงเฮก็ยังใจแข็ง แม้จะรักและเอ็นดูเหมือนเป็นน้องชายแท้ๆ แต่ยังไงเสียเขาก็รักน้องสาวที่เป็นสายเลือดเดียวกันมากกว่า
คยูฮยอนมาครั้งนี้แตกต่างไปจากทุกครั้ง แววตาที่เคยฉายแววคาดหวังหม่นลงกว่าที่เคยเป็น ดวงหน้าที่เคยมีรอยยิ้มขี้แกล้งกลับกลายเป็นสีหน้าเคร่งขรึม คยูฮยอนไม่ได้ถามถึงซอฮยอนเหมือนเคย เขาชวนทงเฮดื่มจนเมาไม่ได้สติหลับไป คนอายุมากกว่าได้แต่เสียสละโซฟาในห้องรับแขกให้ชายหนุ่มรุ่นน้องได้ซุกหัวนอน
เสียงก๊องแก๊งในครัวและกลิ่นอาหารหอมฉุยปลุกเขาให้ตื่นขึ้น คยูฮยอนใช้ความพยายามอย่างมากในการฉุดร่างตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ ศรีษะของเขาปวดตุ้บๆจบเขานึกกลัวว่ามันจะระเบิดออกมา เขามองหญิงสาวในเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ที่ในครัวอย่างสงสัย
“คู่หมั้นฉันเอง เจสสิก้า” เสียงทงเฮดังขึ้นมาจากในครัว พี่เขยของเขายืนถือถ้วยกาแฟหอมกรุ่นอยู่ไม่ไกลนักจากผู้หญิงร่างเล็กคนนั้น “สิก้า นี่สามีของซอฮยอน”
คยูฮยอนยืนเต็มความสูง เขาโค้งเล็กๆเพื่อเป็นการทักทายเธอ แต่ไร้การตอบสนอง หญิงสาวที่หันกลับมามองเขากลับไปให้ความสนใจกับอาหารที่อยู่ในมือเธอต่อ
“อย่าถือสาสิก้าเลย เธอเป็นอย่างนี้แหละ” ทงเฮเอ่ย
ทงเฮและเจสสิก้าช่วยกันลำเลียงอาหารที่ปรุงเสร็จจากปิ่นโตอันเบ้อเริ่มใส่จานแล้วนำมาวางบนโต๊ะ ชายหนุ่มผู้พี่ชวนแขกไม่ได้รับเชิญให้ร่วมทานอาหารด้วยกัน ยังไงเสียเจสสิก้าก็เอามามากมายจนกินสองคนไม่หมดอยู่แล้ว เพียงแค่คำแรกที่ลิ้มรสอาหารตรงหน้าคยูฮยอนก็ต้องประหลาดใจกับรสชาติของมัน ไม่ใช่แค่อร่อยแต่มันคล้ายกับรสมือของใครอีกคนนึงราวกับเธอเป็นคนทำ
“อาหารพวกนี้ คุณทำเองเหรอครับคุณเจสสิก้า” คยูฮยอนถามขึ้น
ทงเฮมองหน้าเจสสิก้าก่อนที่เธอจะตอบเพียงสั้นๆอย่างยียวน “ถ้าไม่ใช่แล้วคุณจะไม่กินหรือไงคะ”
“เปล่าครับ เพียงแต่ว่ามันอร่อยมาก .. และรสชาติก็คล้ายกับที่ภรรยาผมทำมากเท่านั้นเอง” เขาเอ่ยชมอย่างจริงใจ มีเพียงประโยคสุดท้ายเท่านั้นที่เขาได้แค่พูดแค่ในใจ เขาอาจจะคิดถึงเธอจนอุปทานไปเอง
“นายจะมาทำไมบ่อยๆ โซล-ยอจูไม่ใช่ใกล้ๆ” ทงเฮบ่นเขาด้วยประโยคแบบเดิมๆเหมือนทุกครั้งที่เขามาที่นี่ เขารู้ถึงทงเฮจะรักซอฮยอนแต่พี่เขยก็รักเขาไม่น้อย ส่วนนึงที่ทงเฮพร่ำบ่นก็เพราะเป็นห่วงที่เขาต้องขับรถทางไกลบ่อยๆเพื่อมาถึงยอซู “ถ้านายจะถามเรื่องซอฮยอนก็กลับไปซะเถอะ นายก็น่าจะรู้ว่าคำตอบคืออะไร” ทงเฮยังไม่วายปิดด้วยประโยคอย่างโหดร้าย
คยูฮยอนก้มหน้านิ่ง เขาคิดเรื่องนี้มานาน นานพอที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เขากลืนก้อนเหนียวๆลงคอด้วยความยากลำบากก่อนที่จะยื่นซองสีน้ำตาลมาตรงหน้า ทงเฮไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามันเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ผมเซ็นต์ใบหย่าให้เธอแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะตัดสินใจอะไร ผมขอร้องให้พี่ช่วยให้จดหมายนี้กับเธอด้วยได้ไหมฮะ” เขาพูด คยูฮยอนนิ่งไปชั่วครู่ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้วจึงพูดต่อ “พี่ฮะ ผมขออีกอย่างได้ไหม .. ผมขอมาที่นี่ต่อไปได้ไหม อย่างน้อยการได้มาที่นี่ก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับมีเธออยู่ใกล้ๆ นะฮะ”
“ไม่รู้สินะคยูฮยอน” ทงเฮมองคนที่กำลังจะเป็นอดีตน้องเขยอย่างลำบากใจ ในสถานการณ์อย่างนี้เขาเองก็อึดอัด แต่เพราะความเป็นพี่ชายที่มีน้องสาวคนเดียวทำให้เขาตัดสินใจได้ “ถ้านายหย่ากับซอฮยอนแล้วเราก็ไม่ควรจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ฉันคิดว่าอย่างนั้นน่าจะดีกว่านะ”
เจสสิก้าเดินลงจากรถยนต์คันเล็กกระทัดรัด มือเล็กๆถือของพะรุงพะรังจนเต็มสองมือ ร่างสูงสมส่วนในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีสดใสวิ่งออกมาช่วยรับของในมือไปจากเธอ หญิงสาวเดินนำเข้าไปในส่วนที่แยกเป็นครัวเล็กๆแล้ววางของสารพัดสิ่งไว้ตรงนั้น เธอออกมาในห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำเย็บเฉียบที่นำมาให้กับเจสสิก้า
“พี่สิก้า เป็นยังไงบ้างคะ อาหารฝีมือฉันอร่อยไหม พี่ทงเฮไม่น้อยใจใช่ไหมคะที่ฉันไปไม่ได้ .. ตาหนูอยู่ดีๆก็ไข้ขึ้นเสียอย่างนั้น” เธอพูดพร้อมกับปรายตามองลูกน้อยที่กำลังหลับสนิท เด็กชายอายุกำลังจะครบขวบดีในอีกไม่กี่วันนี้ ทั้งๆที่ปกติก็แข็งแรงดีแต่อยู่ดีๆกลับไข้ขึ้นจนทำให้เธอไปดูแลทงเฮที่บ้านไม่ได้อย่างทุกวัน ได้แต่ส่งอาหารไปแทนโดยมีเจสสิก้าเป็นม้าเร็ว
“เธอไม่ไปน่ะดีแล้วซอฮยอน” เจสสิก้าตอบ เธอจิบน้ำเพียงเล็กน้อยก่อนจะวางลงบนโต๊ะแล้วก็ทิ้งตัวพิงกับพนักโซฟา คิดถึงที่ไปเจอคยูฮยอนมาวันนี้
…ดีแล้วล่ะที่เธอไม่ได้ไปเจอเขา ซอฮยอน
เธอจำได้ดีว่าวันแรกที่พบซอฮยอนนั้นหญิงสาวอยู่ในสภาพอย่างไร ทงเฮขอให้ซอฮยอนอยู่กับเธอไประยะนึงก่อน เขากลัวว่าน้องสาวจะคิดมากจนอาจจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงแต่ก็ไม่สามารถดูแลซอฮยอนได้ด้วยตัวเอง เพราะทงเฮต้องดูแลงาน World Expo ที่จะจัดขึ้นที่ยอซูในปีนี้ทำให้เขายุ่งจนแทบไม่ได้หายใจกันตั้งแต่ต้นปี
“ว่ายังไงนะคะ พี่สิก้า” เสียงหวานใสถามขึ้น
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร” เจสสิก้าตอบ “ตาหนูของพี่เป็นยังไงบ้างนะ หายหรือยัง” เธอเปลี่ยนท่าทางไม้เลื้อยเป็นกระฉับกระเฉงทันทีที่ถามถึงหลานชาย มือเรียวบางเอื้อมไปอังที่หน้าผากกลมมนของเด็กน้อย น่าเอ็นดูเหลือเกิน บริสุทธิ์เสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะต้องเจอเรื่องอย่างนี้ตั้งแต่ยังเล็กนัก
“ไข้ลดแล้วค่ะ ตอนนี้อารมณ์ดีเชียว” ซอฮยอนตอบ ดวงตากลมโตมองที่ลูกชายนิ่ง คยองคยูทำเอาเธอใจหายหมด อยู่ก็ไข้ขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย ลูกของเธอเป็นหวัดง่ายเหมือนพ่อเขานั่นแหละ แต่ก็ยังดีที่หายเร็วไม่ทำให้แม่ต้องห่วงนาน
‘ไม่รู้สินะคยูฮยอน .. ถ้านายหย่ากับซอฮยอนแล้วเราก็ไม่ควรจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ฉันคิดว่าอย่างนั้นน่าจะดีกว่านะ’
‘เธอเลือกคนที่มีให้เธอได้ .. ไม่ใช่ความรัก แต่มันคือเงิน’
‘ฉันขอโทษ แต่ฉันคงทำมันต่อไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว’
คำพูดเหล่านั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขา ถ้าเพียงแต่คำพูดสามารถฆ่าคนได้ เขาคงตายไปแล้ว ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น คยูฮยอนกำพวงมาลัยแน่นอย่างต้องการสะกดอารมณ์ พ่อทำให้เขารู้ว่าการจากลามันทรมานขนาดไหน แต่ซอฮยอนทำให้เขารู้ว่าการจากเป็นมันเลวร้ายมากกว่าการจากตายเสียอีก .. สิ้นสุดแล้วเรื่องราวของเขาและเธอ
เสียงแตรดังยาวต่อเนื่องดึงสติของคยูฮยอนให้กลับมาอีกครั้ง เขาหักหลบรถที่สวนมาด้วยความเร็วสูงจนรถเสียหลักไปกระแทกกับต้นไม้อย่างแรง โชคดีที่มีผู้ช่วยเหลือเขาออกมาจากซากรถแล้วนำเขาส่งโรงพยาบาลได้ทันการ ทงเฮทราบข่าวและโทรบอกเจสสิก้ากับซอฮยอน คยูฮยอนรอดตายราวกับปาฏิหาริย์ ทุกคนที่เห็นรถของเขาต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ตายก็พิการ ไม่น่ามีเพียงขาหักและแผลเล็กน้อยตามร่างกายเท่านั้น
ทงเฮเดินเคียงข้างน้องสาวมาที่หน้าห้องคนป่วย แม้จะอยู่ที่โรงพยาบาลคอยฟังอาการเขามาตลอดแต่ซอฮยอนยังคงยืนยันว่าจะไม่เข้าไปพบคยูฮยอน .. เหมือนที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด
“ฮยอนนี่ เธอก็รู้ใช่ไหมว่าพี่รักเธอยิ่งกว่าอะไร” ทงเฮเอื้อมมือแตะไหล่น้องสาวคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขามองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตนั้น ดวงตาที่ครั้งนึงเคยส่องประกายใสแจ๋ว
…พี่จะเอาประกายแบบนั้นกลับมาอีกครั้ง
“พี่รักเธอและจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำเธอเจ็บปวด พี่ตัดสินใจพลาดที่ให้คยูฮยอนดูแลเธอไปครั้งนึงแล้ว แล้วดูมันทำกับเธอสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ครั้งนี้พี่จะปกป้องเธอตามที่สัญญากับพ่อแม่เอาไว้ ถ้าเธอต้องการพี่จะไล่มันไปซะ แต่พี่อยากให้อ่านจดหมายฉบับนี้ก่อนที่เธอจะตัดสินใจ”
ทงเฮยื่นซองสีน้ำตาลซองเดียวกับที่คยูฮยอนฝากให้เธอ ทงเฮคิดทบทวนอย่างหนักว่าเขาควรจะให้หรือไม่ให้จดหมายฉบับนั้นกับน้องสาวดี แต่ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อนทำให้เขามั่นใจในการตัดสินใจ
…เพราะพี่ไม่อยากให้เธอเจ็บปวดหรือถูกทำร้าย
…แต่พี่ก็อยากจะมั่นใจว่าเธอจะไม่ทำร้ายตัวเอง
…ให้เธอมั่นใจว่าทางใดที่เธอเลือก เธอจะมีพี่เคียงข้างเสมอ
มือเรียวบางรับซองเอกสารจากพี่ชาย เธอเดินไปนั่นที่เก้าอี้หน้าห้องผู้ป่วยก่อนจะตัดสินใจเปิดมันออกดู ใบหย่าลงลายมือชื่อของเขา เธอดึงเอกสารสำคัญฉบับนั้นออกมาดู .. น่าขำชะมัดที่ใบหย่านั่นไม่มีลายเซ็นต์ของเธอ ทั้งๆที่เธอเป็นฝ่ายขอหย่าแท้ๆ อาจจะเป็นเพราะลึกๆแล้วเธอไม่ได้ต้องการอย่างนั้น ไม่แม้ซักนิดเดียว .. จดหมายสีขาวที่ติดมากับใบหย่าที่ยังไม่สมบูรณ์ร่วงหล่นลงไปบนพื้น ซอฮยอนโน้มตัวไปหยิบมันขึ้นก่อนที่จะค่อยๆคลี่มันออกดู
“ผมไม่รู้ว่าผมจะเริ่มเขียนจดหมายฉบับนี้ยังไงดี สองคำที่ผมคิดออกคือคำว่า ขอโทษ และขอบคุณ
ผมขอโทษ .. ถ้าหากจะเล่าเรื่องมันคงเหมือนคำแก้ตัวของผู้ชายโง่ๆคนนึง ผมผิดทั้งหมดที่หน้ามืดตามัวไปกับความสุขฉาบฉวยที่นำพาความทุกข์มหันต์มาโดยไม่รู้ตัว ผมไม่มีอะไรจะพูดนอกเหนือไปจากคำว่า .. ผมขอโทษ
ผมขอบคุณ .. คุณเป็นคนรัก เป็นเพื่อนคู่คิด เป็นภรรยาและแม่ที่ดีตลอดมา ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆผมเสมอเวลาที่ผมท้อแท้หรือหมดแรง ขอบคุณที่รอยยิ้มของคุณสร้างรอยยิ้มให้กับผม ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ความความสุขที่แท้จริงหาได้ที่ไหน ถึงตอนนี้ผมได้แต่นึกขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณกับสิ่งที่คุณทำให้กับผมตั้งมากมาย .. ผมขอบคุณ
ใบหย่าของผมคงเป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันคำขอโทษและคำขอบคุณของผม
สำหรับผมภรรยาและแม่ของลูกของผมมีเพียงคนเดียว เธอชื่อโจว ซอฮยอน ผมรักคุณและคยองคยู จะรักอย่างนี้และรักตลอดไป ……. ผมแค่อยากบอกให้คุณรู้ถึงมันอาจจะสายไปแล้วก็ตาม”
หยดน้ำใสไหนรินลงมาตามดวงหน้านวล นึกถึงความเสียใจผิดหวังที่เขาเคยทำไว้ มันมากมายที่เธอยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นได้ เธอจะให้อภัยในสิ่งที่เขาทำได้หรือ เธอจะรักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขได้เหมือนเดิมหรือ มือเรียวบางพับจดหมายสีขาวก่อนจะเก็บไว้ในซองสีน้ำตาลกับเอกสารอีกฉบับเช่นเดิม
ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยค่อยๆขยุกขยิกไปมา พอเขาเริ่มรู้สึกตัวก็เจ็บร้าวไปหมดทั้งร่างกาย เขาลืมตาขึ้นมองไฟเพดาน จ้องอยู่อย่างนั้นอย่างใช้ความคิด .. โจว คยูฮยอน โง่ชัดๆ คณิตศาสตร์โอลิมปิกหรือการศึกษาที่สูงส่งไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันความฉลาดได้เลยแม้แต่น้อย เขาโง่ตั้งแต่จรดปากกาลงบนทะเบียนสมรสกับจงฮี โง่ที่เต้นไปตามจังหวะของเธอ โง่ที่ปล่อยซอฮยอนไป โง่ที่หลบรถแล้วยังจะไปชนต้นไม้ โง่ขนาดที่ยมฑูตยังไม่อยากได้เขาไปอยู่ในนรกเลยคิดดู เขาถึงต้องมานอนเจ็บอยู่แบบนี้ หรือพระเจ้าอยากจะเห็นว่าเขาจะโง่ได้แค่ไหน
“ฟื้นแล้วเหรอคะ” เสียงหวานคุ้นหูดังขึ้น เสียงที่เขาอยากได้ยินมาตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ คยูฮยอนหันขวับไปทางต้นเสียงอย่างลืมตัว .. ซอฮยอน?
“โอ๊ะ!” เขาอุทานเบาๆเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบเบาๆขึ้นมาจากการขยับตัวกระทันหัน เขาหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้เป็นเพียงภาพในจินตนาการ หัวใจของเขาเต้นระรัว เพียงเสี้ยงวินาทีเท่านั้นแต่เขายังภาวนาลึกๆในใจ ขอให้เธออย่าหายไปอีกเลย เปลือกตาหนาขยับเปิดขึ้นอีกครั้งและเธอยังคงอยู่ตรงนั้น เธอยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างมองมายังคนป่วยด้วยสายตาที่เขาอธิบายไม่ถูก
“ซอฮยอน”
มีเพียงชื่อเธอเท่านั้นที่หลุดออกมาจากปากเขา ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมามีอะไรตั้งมากมายที่เขาอยากจะบอกเธอ แต่มันคงมากมายจนเขาพูดไม่ออก
“คุณหลับไปเกือบหนึ่งวันเต็ม วันนี้คงนอนไม่หลับแล้วล่ะมั้งคะ” เธอพูด ขายาวๆก้าวเข้ามาใกล้เตียงคนป่วยมากขึ้น เธอไม่ได้ยิ้มแต่สายตาของเธอไม่ได้ฉายแววของความผิดหวังเหมือนที่เขาเห็นครั้งหลังสุดนั้นแล้ว
เขาไม่ได้ตอบอะไร ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องอยู่อย่างนั้น มีเพียงเสียงของอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่รายล้อมรอบตัวคยูฮยอนเท่านั้นที่ส่งเสียงให้ได้ยิน
…เธออาจจะทำใจได้และผ่านช่วงเวลาเลวร้ายอย่างนั้นไปแล้ว
…เธออาจจะหมดรักเขาแล้ว
…หรือมันจะสายไปจริงๆ
“ผม…ขอโทษ” เขาตัดสินใจทำลายความเงียบนั้นลงหลังจากที่ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่นาน ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปอย่างไร … แต่ถึงอย่างนั้นเขายังรักเธอและยังเป็นหนี้คำขอโทษเธออยู่ไม่ใช่หรือ
“ฉันคงโกหกที่จะบอกว่าไม่โกรธ ไม่เสียใจ ไม่ผิดหวัง แต่ฉัน…..ก็ไม่ได้โกรธคุณมากจนไม่สามารถให้อภัยได้” เธอตอบแล้วเผยรอยยิ้มเพียงจางๆให้กับเขา “เพราะฉันรักคุณมากกว่านั้น”
เธอจะให้อภัยในสิ่งที่เขาทำได้หรือ เธอจะรักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขได้เหมือนเดิมหรือ .. ซอฮยอนได้รับคำตอบที่เธอถามตัวเองตั้งแต่วินาทีแรกที่เธออ่านจดหมายฉบับนั้น เธอให้อภัยเขาได้และเธอไม่เคยหยุดรักเขาเลย
NOTE:
* น่าจะปล่อยให้กี้มันตรอมใจไปซักนานๆ มันจะได้เจ็บแล้วจะได้จำ …. ถ้าตากี้มันจะเจ็บไม่พอ
* ตากี้มันโชคดีจริงๆที่ได้ยัยหนูไปเป็นเมีย(ในฟิค) จริงๆแล้วเรื่องจริงที่เอามาใช้เขียนตากี้ไม่ได้โดนสั่งสอนให้รู้สึกขนาดนั้นหรอกเพราะซอฮยอนตัวจริงอึดถึกทน แต่เรากลับอยากให้ตากี้ตัวจริงได้เรียนรู้และอยากให้ซอฮยอนตัวจริงเข้มแข็ง เราถึงเปลี่ยนตอนจบไม่ให้เหมือนเรื่องจริง ซอฮยอนในนิยายเข้มแข็งมากเท่าที่คนนึงจะทำได้ เธอกล้าออกมาเพื่อปกป้องลูกและความรัก และตอนสุดท้ายก็กล้าที่จะรักและให้โอกาสเขาอีกครั้ง
* ต้นเรื่องของเราแก้ปมชีวิตของพวกเค้าได้แต่ในชีวิตจริงของบางคนมันไม่สวยงามแบบต้นเรื่องของเราหรือแบบในเรื่องนี้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นสิ่งที่ทำได้คือยอมรับในผลของการกระทำของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาแต่งทั้งๆที่คิดว่าไม่ถนัดเรื่องอึนๆแบบนี้แท้ๆ -__-”
* มาคิดได้อีกอย่างตอนนั่งนึกเพลินๆเรื่องแบนเนอร์ ถ้าใส่รูปของจงฮีกับสิก้าไปคงฮาพิลึก จะบ้าเรอะ! ไม่ใช่ฝาแฝดนะตัวเธอ!! อิจเมจของคัง จงฮีไม่ใช่เจสสิก้าแต่อย่างใด ตอนที่เขียนไม่อยากใช้ใครเป็นตัวละครตัวนี้เลยยย แล้วอยู่ชื่อสิก้าในละคร Wild Romance ก็ชะแว่บมาในหัวเลยขอยืมมาใช้ แต่อิมเมจที่คิดตอนเชียนไม่ใช่คนผอมบางแบบจ่า ออกแนวเป็นผู้หญิงอวบ อึ๋ม ดูมมะจาเล่ล้นทะลัก เซ็กซี่เลือดกำเดาทะลัก sex appeal สูงเสียดฟ้าออกจะคล้ายยูริมากกว่าด้วยซ้ำแต่ extreme กว่านั้น โอเคเนอะ
* rewrite เบาๆวันที่ 09Mar2012