Archive

Seoul 2013

ร้านโจ๊กแถวอันกุก

โจ๊กร้านนี้จืดเชียว แต่เพราะเสิร์ฟพร้อมกับกิมจิเป็นเครื่องเคียงเลยพอมีรสชาติขึ้น เราเองไม่เคยทานโจ๊กเกาหลีร้านที่เค้าว่าเด็ดๆกันเลยไม่มั่นใจว่าโจ๊กร้านอื่นจะจืดอย่างนี้ไหม ส่วนพนักงานใจดี๊ใจดี แถมร้านนอกจากจะน่ารัก ห้องน้ำสะอาด (ลองใช้มาแล้ว) แล้วยังบริการเครื่องดื่มฟรีสำหรับผู้ที่ทานโจ๊กด้วย

Direction : ลงสถานีรถไฟอันกุก (Anguk) ออกทางออกที่ 1 เลี้ยวเข้าซอยที่มี Starbucks อยู่ด้านหน้า เดินเลยร้านขายของชำไปร้านตั้งอยู่ซ้ายมือ

20130316-190205.jpg

20130316-192221.jpg

20130316-192245.jpg

20130316-192518.jpg

IB Ville

ที่พักสะอาด มีอาหารเช้าเป็นขนมปังและชา กาแฟ อินเตอร์เน็ตฟรี ราคาค่อนข้างสูง เดินขึ้นเขานิดหน่อย แต่เพราะเป็นทางเดินไปเคเบิลขึ้นนัมซานและ N Seoul Tower ก็เลยไปเปลี่ยว สะดวกเพราะเดินข้ามถนนไปก็มยองดงแล้วค่ะ พนักงานเหมือนจะดุแต่จริงๆแล้วใจดีค่ะ ช่วยเหลือเราตลอดตั้งแต่คราวที่แล้วคือจองทัวร์ไป DMZ และ JSA ให้ คราวนี้ก็ช่วยเรื่องติ่งๆ (ไว้จะเล่าให้ฟังในวันถัดๆไป)

Direction :
ลงสถานีรถไฟมยองดง (Myeongdong) ออกทางออกที่ 2 หรือ 3 เดินไปทาง Pacific Hotel เดินขึ้นเนินเบาๆไปประมาณ 200 เมตรนะคะ

 
20130316-184953.jpg

Website :
http://www.ibville.com/accomodations.htm
http://www.facebook.com/ibville

Anguk Guesthouse

Direction :
ลงสถานีรถไฟอันกุก (Anguk) ออกทางออกที่ 1 เลี้ยวเข้าซอยที่มี Starbucks อยู่ด้านหน้า ขวามือจะมีร้านขายของชำ เลี้ยวขวามือแรก ถ้าไม่มั่นใจสังเกตป้าย avecmoi ที่ตึกตรงทางแยก พอเลี้ยวไปจะมีเสาไฟฟ้าใหญ่ๆและร้านอาหารทางซ้ายมือ ให้เดินเข้าไปในซอยนั้น ที่สุดทางเดินเลี้ยวซ้ายไปอีกนิดนึงในซอยเล็กๆจะเห็นป้ายอันกุกเกสท์เฮาส์ (Anguk Guesthouse) แล้วค่ะ

20130316-184708.jpg

Website :
http://www.anguk-house.com

1.

กางปีกบิน…และก้าวขาเดิน

ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาอาหารเช้าบนเครื่องแล้วค่ะ กินเสร็จนอนต่ออีกเพราะพอจะรู้ว่าอนาคตจะใช้พลังงานเกิน เพราะฉะนั้นชาร์จได้ชาร์จเลยเต็มที่ มาเริ่มตื่นเอาก็ตอนที่เครื่องใกล้จะลงจอดเราก็จัดการเตรียมตัวเช็คของนั่นนี่ให้พร้อม ด้วยความที่ KE แสนใจดีมี USB Port ไว้ทุกที่นั่งเราก็จัดการชาร์จแบตมือถือไปด้วย (แต่ปิดเครื่องนะคะ เพราะเราเป็นคนดี .. เปล่า จริงๆแล้วเพราะเปิดไปก็ไม่มีประโยชน์ต่างหาก) ตอนเครื่องลงแบตเลยเต็มทั้งคนทั้งมือถือเลย เย้!

พอเครื่องลงปุ๊บก็เดินตรงดิ่งไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็วด้วยความที่ไม่อยากต่อแถวนาน ไม่มีการบอกลาคนข้างๆ ไม่มีการทักคนที่นั่งข้างหลังใดๆทั้งสิ้น แต่สุดท้ายก็มารอกระเป๋านานแทน -__-” แผนการในวันนี้ง่ายๆคือเอากระเป๋าไปโยนไว้ที่ที่พักแถวมยองดง (Myeongdong) ก่อนแล้วก็หอบกระเป๋าใบน้อยไปเช็คอินที่ที่พักแถบอันกุก (Anguk) ที่เราจะไปพักสองคืน เดินเล่นแถมซัมชองดง (Samcheongdong) แล้วก็ไปดูละครเวที Legally Blonde ที่เจสสิก้าเล่น ส่วนทำไมเราไม่พักที่เดียวกันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่เกาหลีก็เพราะเลื่อนตั๋วมาเร็วขึ้นสองวันนั่นแหละค่ะ ที่พักที่จองไว้ตอนแรกไม่ว่างสองคืนนั้นเป๊ะ มีว่างแค่ห้องสำหรับสี่คนซึ่ง….ใหญ่ไปถ้าจะนอนคนเดียว เราก็เลยถือโอกาสนี้ลองเปลี่ยนที่พักเป็นแถวอันกุกดูบ้าง

สำหรับอากาศสององศาวันนี้พอทนไหว ไม่โหดร้ายอย่างที่คิด เกาหลีต้อนรับเราได้ใจดีมากจริงๆ คิดดูว่าดีใจถึงขนาดอีเมล์บอกแม่ที่จะมาเที่ยวอีกสัปดาห์ข้างหน้าว่าหนาวแบบรับไหว แต่วันข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่อาจทราบได้ เพราะจากพยากรณ์อากาศนี่ -15 คนที่เดินผ่านตู้แช่ในซุปเปอร์มาเก็ตแล้วจามไม่หยุดอย่างเราคิดก็สยองแล้วค่ะ ㅠㅠ

จากอินชอนเรานั่งรถลีมูซีนบัสจากเข้าเมือง ไม่ต้องบอกคงรู้ว่าสิ่งที่เราทำตอนอยู่บนรถก็คือ”นอน” เก็บสแปร์เซฟพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตื่นมาอีกทีก็ช่วงใกล้จะเข้าโซลพอดี ไม่นานนักก็ถึงมยองดงย่านถนัด ด้วยความที่เซ่อซ่าไม่รู้ว่ามีที่ให้ข้ามถนนข้างบนเพราะปกติก็ข้ามโดยใช้ทางเดินของสถานีรถไฟใต้ดิน คราวนี้เราเลยใช้สถานีรถไฟใต้ดินนั่นล่ะเป็นทางข้ามเหมือนปกติ แต่ผิดกันนิดหน่อยที่ต้องแบกกระเป๋าสิบกว่าโลขึ้นๆลงๆด้วย ถึกเป็นบ้าเลยค่ะ ใครก็ไม่รู้ -__-” มุดใต้ดินเดินขึ้นเขาแค่นี้ก็ถึงแล้วค่ะ ที่พักของเรา IB Ville

หลังจากจัดการชำระเงินค่าห้องที่จะพักในอีกสองวันข้างหน้า จัดกระเป๋าใบน้อย ฝากกระเป๋าใบใหญ่เสร็จสิ้น แล้วเราก็พร้อมแล้วค่ะ พร้อมออกจากที่พักแถบมยองดงไปโยนของไว้ที่ที่พักแถวย่านอันกุกเพื่อเริ่มต้นเที่ยวจริงๆเสียที ความบันเทิงแรกของเราในวันนี้ก็คือ .. กระเป๋าใบน้อยขาดค่ะ ต้องอธิบายย้อนกลับไปว่าตอนหยิบมาเราก็ไม่ได้ดูละเอียด แค่หยิบถุงผ้าที่เบาๆและไม่หนักมาเพราะว่าก็แค่ใส่ของใช้จำเป็นแค่ไม่กี่วันเท่านั้น จับยัดใส่กระเป๋าเดินทางเรียบร้อย จนมาถึงและจัดกระเป๋านั่นแหละก็เลยได้รู้ว่ากรุพลาดไปเยอะทีเดียว แต่เพราะกระเป๋าเองยังใส่ของได้และก็ยังเช้าอยู่พอสมควร ร้านค้ายังไม่ค่อยเปิด เราเองก็ไม่อยากเสียเวลามากนัก วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของเราคือเดินระวังๆไม่ให้ขาดเพิ่ม แค่เริ่มวันก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ -__-”

จากมยองดงมาอันกุกใช้เวลาปุ๊บเดียวเท่านั้นเอง ที่พักเราเองก็เดินไม่ไกลจากสถานีอันกุก เกสท์เฮาส์นี้เป็นเกสท์เฮาส์บ้านโบราณค่ะ ตอนจองห้องเจ้าของไม่ได้ให้โอนเงินมัดจำไปให้ แต่มีอีเมล์ยืนยันเรียบร้อยโดยที่ในอีเมล์บอกว่าให้โทรมาหาตอนที่เดินทางมาถึงแอร์พอร์ทแล้ว ด้วยปกติพักมากี่ที่ไม่เคยต้องโทรบอก เราก็เลยไม่ได้โทรไป กลับกลายเป็นว่าเราประหลาดใจเสียเองเพราะ….ไปถึงเรียบร้อยแล้วแต่ประตูบ้านปิดสนิท ไม่ว่าเคาะประตูหรือกดกริ่งยังไงก็ไม่มีใครออกมาเปิดให้ ในใจตอนนั้นคิดแค่ว่าคงยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน แล้วไม่เห็นบอกเลยว่าจะต้องเช็คอินกี่โมง ก็เลยตัดสินใจว่าต้องไปหาของกินและที่อุ่นๆก่อน เราเลยเดินย้อนกลับมานั่งทานโจ๊กที่ร้านใกล้ๆตรงนั้นเอง (แอบเห็นตอนที่เดินไปเกสท์เฮาสท์ ความจำดีมากพอเป็นเรื่องอาหาร ><) ติดต่อคุณเจ้าของอยู่พักใหญ่สุดท้ายก็สำเร็จ คุณเจ้าของบอกว่าเวลาเช็คอินที่เค้าจะจัดการทำความสะอาดห้องให้เสร็จคือบ่ายสองโมง เราเลยตัดสินใจฆ่าเวลาโดยการเดินเล่นซัมชองดงทั้งๆที่เดินถือถุงผ้าสีชมพูนั่นละค่ะ

เดินๆเล่นดูนั่นดูนี่เรื่อยเปื่อยกะว่าจะวนๆให้ครบรอบแต่พอเดินไปกลับเจอคนประมาณ 20-30 คนกำลังชุมนุมประท้วงโดยมีนายตำรวจเกาหลียืนคุมเชิง ทำเอาเดินไม่เป็นเลยค่ะ หันรีหันขวางเดินไปเดินมาอยู่พักนึงก่อนที่จะตัดสินใจเลาะๆกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วก็เดินต่อไป เดินจนเมื่อยแถมฝนก็ตกแล้วก็ยังไม่บ่ายสอง ㅠㅠ สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินกลับไปนั่งหลบหนาวที่สถานีรถไฟอันกุกแล้วก็ไปใช้ห้องน้ำด้วย ㅜㅜ

ความทรงจำของเรากับห้องน้ำที่สถานีรถไฟฟ้าอันกุกไม่ใช่เดินไกลหรือห้องน้ำสกปรกหรืออย่างไร ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นความป้ำๆเป๋อๆของเราเองที่เปิดน้ำเย็นล้างมือ แว๊บนั้นเย็บยะเยือกไปวูบนึงแต่ก็คิดว่าเอาน่ะ เดี๋ยวเป่าๆกับเครื่องเป่าลมอุ่นเดี๋ยวก็หายหนาว มือก็ยื่นไปที่เครื่องเป่าลม ฟู่เดียว…….แข็ง มันไม่ใช่ลมร้อนแต่เป็นลมเย็นได้อีก พอสมองกลับมาฟังก์ชั่นใหม่อีกครั้งหลังจากที่ชาไปสามวินาทีก็เห็นที่เค้าแปะไว้ Feel Fresh Air รู้ตัวช้านะเรา ㅠㅠㅠㅠㅠㅠ

20130316-181931.jpg

เริ่มตามล่า…

บ่ายสองปุ๊บวิ่งรี่ไปเช็คอินปั๊บ เจ้าของเกสท์เฮาส์ขอโทษขอโพยใหญ่ที่ให้เช็คอินช้าเพราะทำห้องไม่ทัน เขาแนะนำนั่นนี่เสร็จ เราก็โยนของแล้วออกเดินจากบ้านทันทีค่ะ ซัมชองดงก็เดินไปเรียบร้อยตามที่ตั้งใจไว้ เราก็เลยจะไปหาซื้อ CD I Got A Boy ไว้เผื่อเข้าไลฟ์วันต่อๆไป แถมสบโอกาสใกล้วันแฟนไซน์เลยว่าจะไปดูลาดเลาสถานที่จัดแฟนไซน์ทั้งสองวันและซื้อ CD ลุ้นไซน์นิดๆหน่อยๆพอหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าในใจที่จะซื้อคือ CD น้องซอสำหรับตัวเอง CD ที่เพื่อนฝากซื้อ และอาจจะซื้อปกรวมอีกซักแผ่น ตัดสินใจได้ดังนั้นเราก็ออกเดินทางไปที่แรกที่จะสำรวจ .. Hot Track Time Square ไม่มี I Got A Boy หน้าปกน้องซอ อะไม่เป็นไร ซื้อที่คนอื่นฝากซื้อมาก่อนแล้วก็เดินสำรวจสถานที่ก่อนมุ่งหน้าหาน้องซอที่ร้านถัดไป .. ร้านที่สอง Evan Record Coex ไม่มี ณ จุดนั้นเริ่มสงสัยว่านี่ทำมาน้อยหรือเราไม่มีดวงกันแน่ แต่ก็เอาน่า เราซื้อ CD รวมไว้เอาเข้าไลฟ์ไปแล้ว ไว้ตามล่าน้องซอต่อวันพรุ่งนี้ วันนี้พักไว้ก่อนเพราะเรามีภารกิจมิชชั่นคือดู Legally Blonde ><

การดูสิก วูดส์วันนั้นเราเริ่มจากความหิวโหย เพราะโจ๊กเมื่อเช้าย่อยไปหมดแล้ว ㅠㅠ หิวมาก แต่พอเจอสิก้าเท่านั้น อาการหิว อาการง่วง เพลีย หมดแรง หายเป็นปลิดทิ้ง พอพักก็หิวใหม่ แล้วพอสิก้าเล่นครึ่งหลังก็ลืมไปอีกรอบนึง นี่มันคือเรื่องบ้าอะไรของกระเพาะเรากันแน่คะ! ทำไมถึงแปรผกผันตามสิก้าได้ขนาดนี้ เราดูละครเวทีด้วยความสนุกสนานเต็มที่ สิก้าตัวเล็กและปกติจะแรงน้อยแต่เหมือนกับเธอให้พลังในทุกๆฉากที่แสดง เป็นเอลล์ วูดส์ที่น่ารัก น่าหยิก ดูแล้วต้องยิ้มตามเลยล่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะมิวสิคคัลดัดแปลงมาจากหนังที่เราเคยดูเลยทำให้สามารถดูเข้าใจ สนุกแบบที่หัวเราะขำและอินในช่วงเศร้าทั้งๆที่เราฟังพูดอ่านเขียนภาษาเกาหลีไม่ได้ ได้แค่ประโยคพื้นฐานหรือที่ได้ยินบ่อยๆ นี่แหละนะตัวอย่างของการสื่อสารโดยอวจนภาษา Oh! My God~

เราดูละครจบด้วยความอิ่มเอมเปรมปรีด์ แต่เราไม่ได้ไปส่งสิก้ากลับตรงที่ขึ้นรถหรอกนะคะ เรากลัวว่ารถไฟจะหมดก่อนเพราะมันจะลำบากมากทีเดียว อันกุกเองก็ไกลจาก Coex คนละโยชน์ขนาดนี้ ระหว่างทางที่นั่งเราเองก็พยายามบอกตัวเองตลอดๆว่า "อย่านั่งเลยนะ อย่านั่งเลยนะ" แต่เหมือนกับจะไม่เป็นผล เรานั่งรถไฟเลยตอนห้าทุ่มกว่าจะเที่ยงคืน ชั่วโมงนั้นภาวนาอย่างเดียวว่าขอให้รถไฟเที่ยวสุดท้ายยังไม่ผ่านไป ขอให้ยังมีรถไฟให้เรานั่งกลับไปอันกุกด้วย มือก็กดแอพรถไฟเกาหลีเช็ค สมองสั่งการไปแล้วว่าถ้าแอพบอกว่าขบวนสุดท้ายผ่านไปแล้วเราจะยอมเดินจากกวางฮวามุนกลับอันกุกเพราะมันก็แค่สถานีเดียวเอง เราเองก็เคยเดินมาก่อน แต่โชคดีว่ายังมีรถไฟมาเราเลยไม่ต้องใช้แผนการสุดท้าย เรานั่งรถไฟย้อนมาหนึ่งสถานี เดินข้ามไปซื้อของกุบกิบที่ G25 แล้วก็เดินกลับเข้าที่พัก

20130316-181945.jpg

ที่พักที่อันกุกของเราน่ารักมากค่ะ เป็นบ้านโบราณที่แบ่งห้องให้เช่าพัก ห้องเรามีห้องน้ำในตัวด้วย น่าแปลกคือด้านในบ้านอุ่นแต่แค่เปิดประตูมาก็หนาวฟู่ แต่อย่างนึงที่เราไม่ค่อยชอบที่พักแถวนี้คือย่านนี้ดึกๆแล้วมืดมาก มีคนเมาเดินเต็มถนนเลยค่ะ วันนี้วันแรกเราเจอคนเมานั่งหลับอยู่ข้างๆบนรถไฟฟ้า พอออกมาในสถานีก็เจอคุณลุงเมาๆทักอีก นอยแตกสุดๆทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่ได้อันตรายอะไรแต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี

การเริ่มเที่ยวของเราแค่วันแรกก็ป่วนๆแล้ว ไม่รู้กว่าจะจบทริปนี้จะป่วนป่วงป่วยไปถึงไหนเนอะ ㅋㅋㅋ

0.

เตรียมตัว…

แน่นอนการเดินทางก็ต้องมีการเตรียมตัวเป็นเรื่องปกติ กระเป๋าที่กองเกะกะตั้งแต่ไปรอบที่แล้วยังกางอยู่อย่างนั้นจนถึงเวลาต้องจัดกระเป๋าใหม่อีกครั้ง เก๋ไหมล่ะคนเรา การเตรียมตัวของเราก็ทั่วไป คือกำหนดวันเดินทาง จองตั๋ว ออกตั๋ว วานแผนคร่าวๆ คราวนี้คร่าวมากค่ะ คร่าวประมาณว่าหาแค่ข้อมูลของสถานที่ที่อยากจะไปและวิธีการเดินทางไว้พรึ่บๆนอกนั้นไม่ได้กำหนดเวลา เพราะพร้อมเปลี่ยนแปล้งได้เสมอ แต่การเตรียมตัวที่เพิ่มมาหน่อยคือการหาเสื้อผ้าและอุปกรณ์ท้าลมหนาวจนวันสุดท้ายก่อนปิดกระเป๋าเดินทางก็เหมือนกับว่ากระเป๋าเราจะเต็มตั้งแต่ยังไม่ทันได้เดินทางซะแล้ว ต่างจากตอนเดินทางหน้าร้อนที่ใช้กระเป๋าเดินทางไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น .. เสื้อหนาวมันหนาตรึ้บจะไม่เอาไปก็ไม่ได้นี่คะ ㅠㅠ

ถ้าถามว่าติ่งน้อยๆอย่างเราเตรียมอะไรเป็นพิเศษคงไม่พ้นหาข้อมูลวิธีการเข้าชมรายการเพลง จองบัตรคอนเสิร์ทและมิวสิคคัล อัพเดตตารางงาน หาข้อมูลแฟนไซน์ ที่หาไว้ไม่ได้จะไปทั้งหมดแต่การติ่งคือมีความเสี่ยง ผู้ติ่งควรศึกษาข้อมูลก่อนติ่ง เราคือเพื่อให้รู้ว่ามีที่ไหน อย่างไรและควรจะจัดการชีวิตอย่างไร ดูแลตัวเองบ้าง ดูสาวๆบ้างสลับกันไป

ว่ากันไปทริปนี้ป่วงตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้วค่ะ ด้วยความที่จองตั๋วแล้วก็ออกตั๋วเลยแต่เครื่องซิปแซ็ปที่ใช้รูดบัตรของเอเจนท์พัง ทำเอางงไปพังใหญ่ว่าจะออกตั๋วได้ไหม หรือยังไง ผ่านไปเกือบอาทิตย์กว่าจะหายพังและเอามารูดปรี้ดๆได้อีกครั้ง นึกว่าจะไม่ได้ออกตั๋วซะแล้ว ตอนแรกเราก็ลาก่อนเดินทางหนึ่งวันและหลังเดินทางหนึ่งวันตามแบบฉบับคนชอบเดินทางสบายๆ มีเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางและมีเวลาให้พักหลังเดินทางบ้าง สุดท้ายแผนการพังทลาย ยอมลาเพิ่ม ไม่หยุดล่วงหน้าเพราะนายอาจจะด่า ทั้งหมดเพื่อเลื่อนวันเดินทางให้ตัวเองสามารถไปดู Mcountdown ได้ทัน อย่างน้อยภารกิจมิชชั่นที่จะต้องทำในครั้งนี้จะได้สำเร็จไปหนึ่งอย่าง เลื่อนตั๋วที่เหมือนง่ายแต่จริงๆแสนจะยากเย็นเพราะแค่ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เราออกตั๋วไปไฟล์ทก็เต็ม! เต็ม!! เต็ม!!! นี่บินฟรีกันรึเปล่าคะ!!! สุดท้ายได้มาหนึ่งที่นั่งวันที่ 23 เราจึงจัดการเปลี่ยนเลยค่ะ เสียอะไรไม่ว่าต้องเอาที่นั่งนั้นมาให้ได้

ถึงจะดูเหมือนไร้สาระและเหตุผลในการยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถไปลงชื่อรายการเพลงรายการนึงได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ดู แต่การเลื่อนไฟล์ททั้งทีมันก็มีอะไรดีๆมากไปกว่านั้น มันทำให้เราไปทันละครเวที Legally Blonde รอบที่เจสสิก้าเล่นพอดี เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องมานั่งกดคลิกๆๆๆจองบัตรละครเวทีด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ถึงจะเคยมาดูคอนเสิร์ทที่เกาหลีแล้ว มีบัตรคอนเสิร์ทโบอาและบัตรละครเวที Catch Me If You Can อยู่ในมือแล้วแต่นั่นอาศัยมือคนอื่นคลิกล้วนๆ เก็บครั้งแรกไว้ให้เธอคนเดียวเลยนะสิก้า ><

คราวนี้เราทำงานจนเย็นวันสุดท้ายก่อนบินเลยค่ะ ทำงานเสร็จดิ่งกลับบ้าน อาบน้ำ กินข้าว ปิดกระเป๋า เดินทาง! ก่อนปิดกระเป๋านี่มาดราม่าน้องหมาเล็กๆน้อยๆ ตอนที่เราเดินหย่อนของ นั่นนิดนี่หน่อย หันมาอีกทีกำลังจะปิดกระเป๋า .. แบมแบมไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ในกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยเลยค่ะ ฮืออออออออ จะขำก็ขำ จะจ๋อยก็จ๋อย เหมือนหมาน้อยจะรู้ทุกครั้งที่เราจะเดินทางว่าเราจะหนีเที่ยวอีกแล้ว เจ้าของทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หัวเราะทั้งน้ำตา ㅠㅠ

20130225-230703.jpg

เดินทางได้…ไหม

หลังจากที่ทำพิธีกรรมร่ำลาน้องหมาเสร็จสิ้น เราก็พร้อมออกเดินทางล่ะค่ะ แอบตื่นเต้นไม่น้อยตอนที่คิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งที่เดินทางคนเดียวจริงๆเป็นครั้งแรก คราวที่แล้วเที่ยวคนเดียวแต่ก็ยังมีผู้มีอุปการคุณที่เดินทางไปพร้อมกัน แถมยังจะไปติ่งคนเดียวด้วย .. ชักจะกล้าเดินไปแล้วนะ!

ก่อนเดินทางปัญหาเกิด เกิดอะไร? ขอเริ่มต้นด้วยประโยคบอกเล่าสั้นๆว่า “มือถือเราใช้ McAfee Scan Virus” ค่ะบางคนอาจจะบอกว่าแล้วไง ไม่แล้วไงค่ะ มันก็ดี อาจจะดีเกินไปหน่อยสำหรับคนความจำสั้นอย่างเรา ㅠㅠ ที่เราวางแผนไว้ในครั้งนี้คือจะไม่ใช้น้องไข่ไวไฟค่ะ เพราะการเดินทางคนเดียวทำให้รู้สึกว่าไม่อยากพะวงหลายๆเรื่องและราคาก็ไม่ต่างกันเท่าไร (ไม่มีคนหารนั่นเอง) เพราะงั้นเพิ่มเงินซักหน่อยให้มือถือเราสามารถใช้ Data Roaming ได้ไม่จำกัดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเรา เราจะได้ไม่ต้องพะวงว่าไข่จะหาย (หะ?) สายชาร์จจะอยู่ไหม แบตอะไรจะหมด แค่ดูแลมือถือให้ดีก็พอ โดยทางเลือกของเราคือ Prepaid ของค่ายนึง เพราะมือถือค่ายที่เราใช้อยู่ไม่มี Unlimited Data Roaming ค่ะ ก็กลัวจะติ่งไม่พอ เลยจัดการไปตระเตรียมซื้อซิมใหม่ซะให้เรียบร้อยดิบดี แต่ไม่เคยลองใช้ พอวันเดินทางเราก็ไปเติมเงินเพื่อจะใช้แพคเกจที่สนามบิน แค่เปลี่ยนใส่ซิมใหม่เท่านั้นแหละ McAfee ผู้แสนดีก็ให้ใส่รหัสรหัสที่เราจำไม่ได้ ใส่ผิดและ….เครื่องล็อค ไม่สามารถทำอะไรกับเครื่องได้นอกจากหาพินที่ถูกมาใส่ Restart ได้แค่นั้น โทรศัพท์ยังเรียกร้องพินอยู่ร่ำไป Restore ก็ไม่ได้ ณ จุดนั้นที่กำลังใกล้จะบิน เจ้า McAfee บอกเราผู้เป็นเจ้าของเครื่องว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ไม่ใช่ของแก เอาไปคืนเจ้าของซะ หรือไม่ก็ติดต่อขอพินบั้ดดี้ซะ โชคดีมากที่เราติดต่อบั้ดดี้คือแม่ให้ดูรหัสที่ McAfee ส่งไปทางข้อความได้หลังจากโทรไปหลายรอบ ไม่งั้นมือถือจะมีค่าแค่ที่ทับกระดาษ ㅠㅠ

โชคดีที่ในที่สุดเราก็สามารถจัดการทุกอย่างได้สำเร็จก่อนเวลาเครื่องขึ้น และโชคดีกว่านั้นที่มีปัญหาซะตั้งแต่ที่เมืองไทย เพราะถ้าไปพินผิด เครื่องล็อค ช็อคโลกอย่างนี้ที่เกาหลีสงสัยชีวิตพังเป็นยังไงคงได้รู้จักแน่ เพราะข้อมูลและแผนการเดินทางและข้อมูลทั้งหมดของเราอยู่ในโทรศัพท์มือถือค่ะ ไม่ได้สำรองไว้ในไอแพดซะด้วย สุดยอดมากๆ ขอบคุณ McAfee ที่ดูแลคุ้มครองมือถือเราอย่างดี(เกินไป)มา ณ ที่นี้ด้วย

20130225-231011.jpg

เจอเรื่องปวดเศียรตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่อง แต่เรายังใจเต้นตึ่กๆอยู่เลย ชั่วโมงนั้นที่ทุกคนกระหน่ำส่งข้อความทางไลน์ ทวิตเตอร์ และแม่ก็พยายามโทรหา ปวดหัวไม่น้อยเลยค่ะ เพราะนัดเจอเพื่อนที่จะไปดูคอนเสิร์ทโบอาด้วยกันไว้ใน Custom แต่ติดต่อกันไม่ได้เพราะมือถือล็อคไปพักนึง พอเอามันกลับมาได้มือถือก็พร้อมใจกันเตือนทุกแอพเหมือนจะระเบิด ตื่นเต้นหนักเลยทีนี้ ความตื่นเต้นทั้งหลายทั้งปวงของเรามันจบลงตอนที่ที่นั่งข้างๆของเรามีคนมานั่งด้วยและเพื่อนร่วมทางเป็นคนทำงานด้านพลังงานอย่างนึง เค้าเป็นมิตรนะคะ ชวนคุยนั่นนี่ แล้วก็เลคเชอร์เรื่องพลังงานทดแทนนิดหน่อย ในขณะที่เบาะด้านหลังเป็นโซวอนล้านเปอร์เซ็นต์เพราะได้ยินชื่อยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า สลับกันไป ในใจน่ะอยากจะหันไปคุยด้วยคน แต่จะปีนพนักไปก็กระไร สุดท้ายในขณะที่ด้านหลังยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้าและด้านหน้าพลังงาน พลังงาน พลังงานอยู่นั้นเราเลย……หลับตัดหน้าทุกคนไปอย่างสวยงาม ฮ่า!

เจอกันอีกทีก็อาหารเช้า เราพร้อมจะลงจอดที่เกาหลีแล้ว .. ส่วนทำไมเบาะหลังถึงยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ยุนอา ทิฟฟานี่ เจสสิก้านั้น แล้วก็จะได้รู้ในไดอารี่วันถัดๆไปค่ะ ตอนนี้เราพร้อมลั้นลากันแล้ว ไปกันดีกว่าเนอะ ^^

เกาหลีรอบที่สองของเรากลับมาเร็วกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว

เรื่องมันเริ่มที่แม่บ่นอยากไปเที่ยวเกาหลีตั้งแต่ปลายปี 2011 ได้ จนเมื่อปีที่แล้วลูกสาวไปแว๊นเกาหลีมาก่อนเป็นที่เรียบร้อยแม่ก็ยังไม่ได้ไป สุดท้ายก็จัดสรรตารางได้แล้วบอกว่าจะไปปลายกุมภาพันธ์ เจรจากันไปมาเลยตกลงกันว่าแม่ควรจะไปเที่ยวกับทัวร์แต่ขอให้แม่เลื่อนมาเป็นช่วงปลายมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์แทนได้ไหม ซึ่งแม่ก็โอเค หารู้ไม่ว่าลูกสาวมี hidden agenda ว่าจะอยากอยู่เกาหลีในวันเกิดของโจว คยูฮยอน แฮ่~!

ทริปนี้เรากำหนดวันไว้และออกตั๋วตั้งแต่ปลายปีแล้วว่าจะไปช่วงไหน ยังไงเสียก็เล็งไว้แล้วว่าวันเกิดของคยูคงเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่สาวๆจะมี Arena Tour ที่ญี่ปุ่นก็เดาไว้ว่าถ้าสาวๆไม่ออกอัลบั้มช่วงที่เราจะไปก็คงเป็นหลัง Arena Tour ช่วงเมษายนไปเลยซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะเที่ยวให้เต็มที่ ส่วนที่เหลือค่อยว่ากันอีกที ด้วยความที่วันเดินทางเป็น fixed schedule ไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกแล้วเนื่องด้วยหน้าที่การงานก็มี เราเลยทำได้แค่เฝ้าภาวนาให้รอบละครเวทีของหนุ่มๆสาวๆ การคัมแบ็คของ SNSD อยู่ในช่วงที่เราจะไป ทำได้เท่านั้น .. ใครจะเชื่อว่ามันจะเป็นจริง

ทริปนี้กลายเป็นทริปติ่งขั้นสุดสำหรับเราเมื่อช่วงนั้นมีคอนเสิร์ทโบอาครั้งแรกในรอบ 12 ปีตั้งแต่เธอเดบิวท์ คยูฮยอนเปลี่ยนรอบละครเวที Catch Me If You Can กับนักแสดงท่านอื่นมาเล่นในช่วงนั้น มีรอบละครเวที Legally Blonde ที่ Jessica เล่นพอดิบพอดี และที่สำคัญตรงกับ SNSD Comeback อัลบั้มใหม่ด้วย และนอกจากติ่งขั้นสุดแล้วสงสัยเราจะเพลิดเพลินกับอาหารมากไปจนมีคนเรียกทริปนี้ว่า “ชิมไปติ่งไป” เลยทีเดียว

และตามธรรมเนียมที่ปกติจะกลับมาแล้วเขียนไดอารี่ แต่บอกตรงๆคราวนี้ไม่รู้จะเขียนอะไร เพราะก็ไม่ได้ไปที่ที่เสริมสร้างความรู้แต่อย่างใด สุดท้ายก็ได้หนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ซื้อมาเป็นแรงบันดาลใจว่าจะลองชิมไปติ่งไปเวอร์ชั่นการ์ตูนติ่งนะคะ .. อาจจะมีการ์ตูนป่วยๆบ้าง ไว้ลองมาดูกันว่าเวอร์ชั่นการ์ตูนติ่งจะเขียนเสร็จทันการไปเที่ยวครั้งต่อไปหรือไม่

ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ ><