Seoul 2013 : เริ่มต้นติ่งกับสิก้า วูดส์

1.

กางปีกบิน…และก้าวขาเดิน

ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาอาหารเช้าบนเครื่องแล้วค่ะ กินเสร็จนอนต่ออีกเพราะพอจะรู้ว่าอนาคตจะใช้พลังงานเกิน เพราะฉะนั้นชาร์จได้ชาร์จเลยเต็มที่ มาเริ่มตื่นเอาก็ตอนที่เครื่องใกล้จะลงจอดเราก็จัดการเตรียมตัวเช็คของนั่นนี่ให้พร้อม ด้วยความที่ KE แสนใจดีมี USB Port ไว้ทุกที่นั่งเราก็จัดการชาร์จแบตมือถือไปด้วย (แต่ปิดเครื่องนะคะ เพราะเราเป็นคนดี .. เปล่า จริงๆแล้วเพราะเปิดไปก็ไม่มีประโยชน์ต่างหาก) ตอนเครื่องลงแบตเลยเต็มทั้งคนทั้งมือถือเลย เย้!

พอเครื่องลงปุ๊บก็เดินตรงดิ่งไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็วด้วยความที่ไม่อยากต่อแถวนาน ไม่มีการบอกลาคนข้างๆ ไม่มีการทักคนที่นั่งข้างหลังใดๆทั้งสิ้น แต่สุดท้ายก็มารอกระเป๋านานแทน -__-” แผนการในวันนี้ง่ายๆคือเอากระเป๋าไปโยนไว้ที่ที่พักแถวมยองดง (Myeongdong) ก่อนแล้วก็หอบกระเป๋าใบน้อยไปเช็คอินที่ที่พักแถบอันกุก (Anguk) ที่เราจะไปพักสองคืน เดินเล่นแถมซัมชองดง (Samcheongdong) แล้วก็ไปดูละครเวที Legally Blonde ที่เจสสิก้าเล่น ส่วนทำไมเราไม่พักที่เดียวกันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่เกาหลีก็เพราะเลื่อนตั๋วมาเร็วขึ้นสองวันนั่นแหละค่ะ ที่พักที่จองไว้ตอนแรกไม่ว่างสองคืนนั้นเป๊ะ มีว่างแค่ห้องสำหรับสี่คนซึ่ง….ใหญ่ไปถ้าจะนอนคนเดียว เราก็เลยถือโอกาสนี้ลองเปลี่ยนที่พักเป็นแถวอันกุกดูบ้าง

สำหรับอากาศสององศาวันนี้พอทนไหว ไม่โหดร้ายอย่างที่คิด เกาหลีต้อนรับเราได้ใจดีมากจริงๆ คิดดูว่าดีใจถึงขนาดอีเมล์บอกแม่ที่จะมาเที่ยวอีกสัปดาห์ข้างหน้าว่าหนาวแบบรับไหว แต่วันข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่อาจทราบได้ เพราะจากพยากรณ์อากาศนี่ -15 คนที่เดินผ่านตู้แช่ในซุปเปอร์มาเก็ตแล้วจามไม่หยุดอย่างเราคิดก็สยองแล้วค่ะ ㅠㅠ

จากอินชอนเรานั่งรถลีมูซีนบัสจากเข้าเมือง ไม่ต้องบอกคงรู้ว่าสิ่งที่เราทำตอนอยู่บนรถก็คือ”นอน” เก็บสแปร์เซฟพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตื่นมาอีกทีก็ช่วงใกล้จะเข้าโซลพอดี ไม่นานนักก็ถึงมยองดงย่านถนัด ด้วยความที่เซ่อซ่าไม่รู้ว่ามีที่ให้ข้ามถนนข้างบนเพราะปกติก็ข้ามโดยใช้ทางเดินของสถานีรถไฟใต้ดิน คราวนี้เราเลยใช้สถานีรถไฟใต้ดินนั่นล่ะเป็นทางข้ามเหมือนปกติ แต่ผิดกันนิดหน่อยที่ต้องแบกกระเป๋าสิบกว่าโลขึ้นๆลงๆด้วย ถึกเป็นบ้าเลยค่ะ ใครก็ไม่รู้ -__-” มุดใต้ดินเดินขึ้นเขาแค่นี้ก็ถึงแล้วค่ะ ที่พักของเรา IB Ville

หลังจากจัดการชำระเงินค่าห้องที่จะพักในอีกสองวันข้างหน้า จัดกระเป๋าใบน้อย ฝากกระเป๋าใบใหญ่เสร็จสิ้น แล้วเราก็พร้อมแล้วค่ะ พร้อมออกจากที่พักแถบมยองดงไปโยนของไว้ที่ที่พักแถวย่านอันกุกเพื่อเริ่มต้นเที่ยวจริงๆเสียที ความบันเทิงแรกของเราในวันนี้ก็คือ .. กระเป๋าใบน้อยขาดค่ะ ต้องอธิบายย้อนกลับไปว่าตอนหยิบมาเราก็ไม่ได้ดูละเอียด แค่หยิบถุงผ้าที่เบาๆและไม่หนักมาเพราะว่าก็แค่ใส่ของใช้จำเป็นแค่ไม่กี่วันเท่านั้น จับยัดใส่กระเป๋าเดินทางเรียบร้อย จนมาถึงและจัดกระเป๋านั่นแหละก็เลยได้รู้ว่ากรุพลาดไปเยอะทีเดียว แต่เพราะกระเป๋าเองยังใส่ของได้และก็ยังเช้าอยู่พอสมควร ร้านค้ายังไม่ค่อยเปิด เราเองก็ไม่อยากเสียเวลามากนัก วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของเราคือเดินระวังๆไม่ให้ขาดเพิ่ม แค่เริ่มวันก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ -__-”

จากมยองดงมาอันกุกใช้เวลาปุ๊บเดียวเท่านั้นเอง ที่พักเราเองก็เดินไม่ไกลจากสถานีอันกุก เกสท์เฮาส์นี้เป็นเกสท์เฮาส์บ้านโบราณค่ะ ตอนจองห้องเจ้าของไม่ได้ให้โอนเงินมัดจำไปให้ แต่มีอีเมล์ยืนยันเรียบร้อยโดยที่ในอีเมล์บอกว่าให้โทรมาหาตอนที่เดินทางมาถึงแอร์พอร์ทแล้ว ด้วยปกติพักมากี่ที่ไม่เคยต้องโทรบอก เราก็เลยไม่ได้โทรไป กลับกลายเป็นว่าเราประหลาดใจเสียเองเพราะ….ไปถึงเรียบร้อยแล้วแต่ประตูบ้านปิดสนิท ไม่ว่าเคาะประตูหรือกดกริ่งยังไงก็ไม่มีใครออกมาเปิดให้ ในใจตอนนั้นคิดแค่ว่าคงยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน แล้วไม่เห็นบอกเลยว่าจะต้องเช็คอินกี่โมง ก็เลยตัดสินใจว่าต้องไปหาของกินและที่อุ่นๆก่อน เราเลยเดินย้อนกลับมานั่งทานโจ๊กที่ร้านใกล้ๆตรงนั้นเอง (แอบเห็นตอนที่เดินไปเกสท์เฮาสท์ ความจำดีมากพอเป็นเรื่องอาหาร ><) ติดต่อคุณเจ้าของอยู่พักใหญ่สุดท้ายก็สำเร็จ คุณเจ้าของบอกว่าเวลาเช็คอินที่เค้าจะจัดการทำความสะอาดห้องให้เสร็จคือบ่ายสองโมง เราเลยตัดสินใจฆ่าเวลาโดยการเดินเล่นซัมชองดงทั้งๆที่เดินถือถุงผ้าสีชมพูนั่นละค่ะ

เดินๆเล่นดูนั่นดูนี่เรื่อยเปื่อยกะว่าจะวนๆให้ครบรอบแต่พอเดินไปกลับเจอคนประมาณ 20-30 คนกำลังชุมนุมประท้วงโดยมีนายตำรวจเกาหลียืนคุมเชิง ทำเอาเดินไม่เป็นเลยค่ะ หันรีหันขวางเดินไปเดินมาอยู่พักนึงก่อนที่จะตัดสินใจเลาะๆกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วก็เดินต่อไป เดินจนเมื่อยแถมฝนก็ตกแล้วก็ยังไม่บ่ายสอง ㅠㅠ สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินกลับไปนั่งหลบหนาวที่สถานีรถไฟอันกุกแล้วก็ไปใช้ห้องน้ำด้วย ㅜㅜ

ความทรงจำของเรากับห้องน้ำที่สถานีรถไฟฟ้าอันกุกไม่ใช่เดินไกลหรือห้องน้ำสกปรกหรืออย่างไร ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นความป้ำๆเป๋อๆของเราเองที่เปิดน้ำเย็นล้างมือ แว๊บนั้นเย็บยะเยือกไปวูบนึงแต่ก็คิดว่าเอาน่ะ เดี๋ยวเป่าๆกับเครื่องเป่าลมอุ่นเดี๋ยวก็หายหนาว มือก็ยื่นไปที่เครื่องเป่าลม ฟู่เดียว…….แข็ง มันไม่ใช่ลมร้อนแต่เป็นลมเย็นได้อีก พอสมองกลับมาฟังก์ชั่นใหม่อีกครั้งหลังจากที่ชาไปสามวินาทีก็เห็นที่เค้าแปะไว้ Feel Fresh Air รู้ตัวช้านะเรา ㅠㅠㅠㅠㅠㅠ

20130316-181931.jpg

เริ่มตามล่า…

บ่ายสองปุ๊บวิ่งรี่ไปเช็คอินปั๊บ เจ้าของเกสท์เฮาส์ขอโทษขอโพยใหญ่ที่ให้เช็คอินช้าเพราะทำห้องไม่ทัน เขาแนะนำนั่นนี่เสร็จ เราก็โยนของแล้วออกเดินจากบ้านทันทีค่ะ ซัมชองดงก็เดินไปเรียบร้อยตามที่ตั้งใจไว้ เราก็เลยจะไปหาซื้อ CD I Got A Boy ไว้เผื่อเข้าไลฟ์วันต่อๆไป แถมสบโอกาสใกล้วันแฟนไซน์เลยว่าจะไปดูลาดเลาสถานที่จัดแฟนไซน์ทั้งสองวันและซื้อ CD ลุ้นไซน์นิดๆหน่อยๆพอหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าในใจที่จะซื้อคือ CD น้องซอสำหรับตัวเอง CD ที่เพื่อนฝากซื้อ และอาจจะซื้อปกรวมอีกซักแผ่น ตัดสินใจได้ดังนั้นเราก็ออกเดินทางไปที่แรกที่จะสำรวจ .. Hot Track Time Square ไม่มี I Got A Boy หน้าปกน้องซอ อะไม่เป็นไร ซื้อที่คนอื่นฝากซื้อมาก่อนแล้วก็เดินสำรวจสถานที่ก่อนมุ่งหน้าหาน้องซอที่ร้านถัดไป .. ร้านที่สอง Evan Record Coex ไม่มี ณ จุดนั้นเริ่มสงสัยว่านี่ทำมาน้อยหรือเราไม่มีดวงกันแน่ แต่ก็เอาน่า เราซื้อ CD รวมไว้เอาเข้าไลฟ์ไปแล้ว ไว้ตามล่าน้องซอต่อวันพรุ่งนี้ วันนี้พักไว้ก่อนเพราะเรามีภารกิจมิชชั่นคือดู Legally Blonde ><

การดูสิก วูดส์วันนั้นเราเริ่มจากความหิวโหย เพราะโจ๊กเมื่อเช้าย่อยไปหมดแล้ว ㅠㅠ หิวมาก แต่พอเจอสิก้าเท่านั้น อาการหิว อาการง่วง เพลีย หมดแรง หายเป็นปลิดทิ้ง พอพักก็หิวใหม่ แล้วพอสิก้าเล่นครึ่งหลังก็ลืมไปอีกรอบนึง นี่มันคือเรื่องบ้าอะไรของกระเพาะเรากันแน่คะ! ทำไมถึงแปรผกผันตามสิก้าได้ขนาดนี้ เราดูละครเวทีด้วยความสนุกสนานเต็มที่ สิก้าตัวเล็กและปกติจะแรงน้อยแต่เหมือนกับเธอให้พลังในทุกๆฉากที่แสดง เป็นเอลล์ วูดส์ที่น่ารัก น่าหยิก ดูแล้วต้องยิ้มตามเลยล่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะมิวสิคคัลดัดแปลงมาจากหนังที่เราเคยดูเลยทำให้สามารถดูเข้าใจ สนุกแบบที่หัวเราะขำและอินในช่วงเศร้าทั้งๆที่เราฟังพูดอ่านเขียนภาษาเกาหลีไม่ได้ ได้แค่ประโยคพื้นฐานหรือที่ได้ยินบ่อยๆ นี่แหละนะตัวอย่างของการสื่อสารโดยอวจนภาษา Oh! My God~

เราดูละครจบด้วยความอิ่มเอมเปรมปรีด์ แต่เราไม่ได้ไปส่งสิก้ากลับตรงที่ขึ้นรถหรอกนะคะ เรากลัวว่ารถไฟจะหมดก่อนเพราะมันจะลำบากมากทีเดียว อันกุกเองก็ไกลจาก Coex คนละโยชน์ขนาดนี้ ระหว่างทางที่นั่งเราเองก็พยายามบอกตัวเองตลอดๆว่า "อย่านั่งเลยนะ อย่านั่งเลยนะ" แต่เหมือนกับจะไม่เป็นผล เรานั่งรถไฟเลยตอนห้าทุ่มกว่าจะเที่ยงคืน ชั่วโมงนั้นภาวนาอย่างเดียวว่าขอให้รถไฟเที่ยวสุดท้ายยังไม่ผ่านไป ขอให้ยังมีรถไฟให้เรานั่งกลับไปอันกุกด้วย มือก็กดแอพรถไฟเกาหลีเช็ค สมองสั่งการไปแล้วว่าถ้าแอพบอกว่าขบวนสุดท้ายผ่านไปแล้วเราจะยอมเดินจากกวางฮวามุนกลับอันกุกเพราะมันก็แค่สถานีเดียวเอง เราเองก็เคยเดินมาก่อน แต่โชคดีว่ายังมีรถไฟมาเราเลยไม่ต้องใช้แผนการสุดท้าย เรานั่งรถไฟย้อนมาหนึ่งสถานี เดินข้ามไปซื้อของกุบกิบที่ G25 แล้วก็เดินกลับเข้าที่พัก

20130316-181945.jpg

ที่พักที่อันกุกของเราน่ารักมากค่ะ เป็นบ้านโบราณที่แบ่งห้องให้เช่าพัก ห้องเรามีห้องน้ำในตัวด้วย น่าแปลกคือด้านในบ้านอุ่นแต่แค่เปิดประตูมาก็หนาวฟู่ แต่อย่างนึงที่เราไม่ค่อยชอบที่พักแถวนี้คือย่านนี้ดึกๆแล้วมืดมาก มีคนเมาเดินเต็มถนนเลยค่ะ วันนี้วันแรกเราเจอคนเมานั่งหลับอยู่ข้างๆบนรถไฟฟ้า พอออกมาในสถานีก็เจอคุณลุงเมาๆทักอีก นอยแตกสุดๆทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่ได้อันตรายอะไรแต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี

การเริ่มเที่ยวของเราแค่วันแรกก็ป่วนๆแล้ว ไม่รู้กว่าจะจบทริปนี้จะป่วนป่วงป่วยไปถึงไหนเนอะ ㅋㅋㅋ

ใส่ความเห็น