Seoul 2012 : เดิ่นเล่นชมวัง ตอนที่หนึ่ง

มาเกาหลีทั้งทีครั้นจะไม่ไปชมวัดวังเลยก็รู้สึกแปลกๆ ถึงประวัติศาสตร์โลกเราจะอ่อนด้อยแต่ก็ยังอยากไปเดินดูบ้าง คงอารมณ์คล้ายๆกับที่ฝรั่งมาเมืองไทยแล้วอยากชมวัดพระแก้วมรกต พระบรมมหาราชวังอะไรแบบนี้ละมังคะ แต่เพราะความอ่อนด้อยของเราบวกกับที่ไปแล้วไม่มีทัวร์ ไดอารี่ครั้งนี้จึงเขียนยากผิดปกติ และอาจจะสั้นมากถึงมากที่สุด หลังจากทำใจว่าอาจจะได้อ่านบทความไร้สาระแล้ว เราไปเดินเล่นวังกันนะคะ

Day 6 : Deoksugung, Jeongdong-gil, Gwanghwamun Square, Gyeongbokgung, Cheongwadee (Blue House), Samcheongdongil

หลังจากที่หลับสนิทไปเมื่อคืนเพราะเหนื่อย เหนื่อยบวกตากฝนบ่อยจนคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นหวัด ถึงกับเดินเข้าร้านขายยาไปซื้อ Iboprofen มากินก่อนนอนเพื่อกันไม่ให้เป็นอะไรหนัก กว่าจะสื่อสารกับคุณลุงร้านขายยาได้ก็เกือบแย่ คุณลุงออกเสียงชื่อยาเป็น “อิบูโพรเพ่น” เล่นเอามึนตรึ้บ ต้องบอกคุณลุงไปว่าฟีเว่อร์ๆๆๆๆๆถึงได้ได้มา ต้องบอกว่า Iboprofen ที่นี่สีจัดมาก ชมพูแปร้ดแบบ shocking pink ทีเดียว สลบไปหนึ่งคืนตื่นมาทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ พร้อมเที่ยวได้อีกครั้ง

Deoksugung
Jeongdong-gil

How to go : รถไฟใต้ดินสาย 1 หรือ 2 ลงที่ City Hall Station, Exit 2 12
Operating hours : 09:00 – 21:00 (Ticketing 09:00 – 20:00)
Admission Fee : 1,000 KRW ถ้าจะเยี่ยมชมพระราชวังหลักซื้อบัตรแบบ Integrated Ticket of Palaces จะคุ้มมาก เพราะจะรวมค่าเข้า Gyeongbokgung Palace (3,000 won) Deoksugung Palace (1,000 won) Changdeokgung Palace (3,000 won) รวม Biwon Secret Garden (5,000 won) Changgyeonggung Palace (1,000 won) และ Jongmyo Shrine (1,000 won) ทั้งหมดในราคา 10,000 KRW โดยตั๋วมีอายุ 1 เดือนนับจากวันที่ซื้อ เพราะฉะนั้นคุ้ม! เราซื้อค่ะ!

เราเริ่มการทัวร์สารพัดวังวันแรกที่พระราชวัง Deoksugung การเดินทางจากที่พักที่มยองดงไป Deoksugung นั้นต้องไปต่อรถที่ Seoul Station ก่อนเพื่อเปลี่ยนสายไปยัง City Hall .. หลายๆคนอาจจะทราบถึงความสามารถพิเศษส่วนตัวของเราคือไม่เคยนั่งรถผิดฝั่ง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดได้บ่อยๆในการเดินทางโดยรถไฟใต้ดินเกาหลี เก่งใช่ม้า ^^ ถึงเราจะไม่นั่งผิดฝั่งแต่เรามักจะนั่งรถเลยสถานีบ่อยๆ บ่อยมากด้วยค่ะ เพราะมัวแต่กดมือถือ ที่เกริ่นมาทั้งหมดนี่ก็แค่จะบอกว่าครั้งนี้ผิดจากความสามารถพิเศษปกติของเรา..เพราะเราลงก่อนถึงป้ายค่ะ -__-:;

…ไม่ขาดก็เกิน ความพอดีอยู่ไหน

จากมยองดงเรากระโดดลงที่ Seoul Station เพื่อเปลี่ยนสายรถไฟไปยัง City Hall พอกระโดดลงมาก็เดินเพลินๆ เพลินมากกกก..จนขึ้นมาโผล่บนดิน เราขึ้นมาก็เจอรูปปั้นผู้ชายคนนึงกับอาคารทรงตะวันตก ไอ่มือเราก็ไว หยิบกล้องมาถ่ายรูปแชะๆ พอถ่ายรูปเสร็จสติเริ่มมากก็เริ่มมีคำถาม “วังอยู่ไหน?” หลังจากหมุนตัวเองไปพักนึงสติเริ่มกลับมาว่าเมื่อครู่ลงที่ Seoul Station นินา ยังไม่ทันต่อรถเลย แล้วมันคงจะถึงวังเลยเซ่! นึกได้ดังนั้นก็เขกหัวตัวเองไปสามทีก่อนจะเดินลงไปต่อรถมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง Deoksugung

พอกลับมาลองหาข้อมูลว่าไปงงๆไม่รู้ตัวที่ไหนมา สรุปว่าเราไปยืนถ่ายรูป Old Seoul Station มาค่ะ อันที่จริงแล้ว Old Seoul Station เคยเป็นสถานีรถไฟเก่าจนเมื่อมีการเปิดสถานี KTX แห่งใหม่ขึ้นมาหลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะให้เป็น Culture Complex โดยที่ยังคงสถาปัตยกรรมภายนอกไว้ดังเดิม ปัจจุบัน Old Seoul Station ได้รับการลงทะเบียนเป็นโบราณสถานของเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

20120928-215738.jpg

20120928-215814.jpg

เพียงแค่ครู่เดียวจาก Seoul Station ก็ถึงสถานี City Hall จากนั้นเดินมานิ๊ดดดดเดียวก็พระราชวัง Deoksugung .. Deoksugung แปลว่า พระราชวังแห่งการมีอายุยาวนานและมั่นคง เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังที่สำคัญที่สุดของราชวงศ์โชซอนและเกาหลี จึงมีมักนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม แต่ไม่มากเท่าพระราชวัง Gyeongbokgung ค่ะ Deoksugung มีอายุกว่า 500 ปีแล้ว ส่วนประวัติที่เหลือถามอากู๋น่าจะรู้ดีกว่าเรา แฮ่~!

พระราชวัง Deoksugung เป็นพระราชวังขนาดไม่ใหญ่นัก ภายในพระที่นั่งและอาคารที่สร้างแบบตะวันตก เราเดินไปข้างในสวนที่ด้านหลังมีอาคารแบบตะวันตกเปิดโล่ง ป้ายระบุว่าเป็นส่วนที่เจ้านาย(กษัตริย์และราชวงศ์)ใช้ในการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ด้านหน้ามีคุณลุงผู้ดูแลท่าทางใจดีอยู่หนึ่งคน ถึงจะรู้ว่าเข้าไปแล้วไม่มีอะไรหรอก ก็มันมองเห็นไปด้านในหมดแล้วนินา แต่ก็นะ เรายังถอดรองเท้าอย่างทุลักทุเลเดินเข้าไปหลังจากที่สื่อสารกับคุณลุงใจดีเสร็จว่าจะเข้าไปล่ะน้า~ ภายในตัวตำหนัก(ขอเรียกแบบนี้)มีชุดโต๊ะเก้าอี้วางอยู่แล้วก็ตู้ไม้ เท่านั้นจริงๆ เราก็เดินๆดูถ่ายภาพเรื่อยเปื่อย ไม่ได้คิดอะไร พอเราจะเดินออกนี่สิคะ คุณลุงใจดีบอกให้เรากลับเข้าไปสิ เค้าจะถ่ายภาพให้ แถมปฏิเสธยังไงก็ไม่ยอม TvT

…ต้องถ่ายจริงๆเหรอคะ หนูโทรมโหดเลยทีเดียว

คำตอบคือถ่ายค่ะ เป็นครั้งแรกในชีวิตมั้งคะที่ถ่ายรูปเพราะความเกรงใจมากกว่าอยากจะไปอยู่ในภาพเพื่อเป็นที่ระลึก ชักภาพเสร็จก็มาคุยเจ๊าะแจ๊ะกับคุณลุงใจดีพักนึง เค้าคงเห็นว่ามาคนเดียวมั้งคะ บวกกับความประหลาดของหน้าตา คุณลุงเลยบอกว่าหน้าตาเราไม่เหมือนคนไทย กลับเหมือนคนยุโรปหรืออเมริกันมากกว่า ป้าดด~ มาประมวลผลทีหลังคิดว่าคุณลุงน่าจะเคยชินกับการเห็นคนไทยมาเป็นกลุ่ม ไม่ค่อยเห็นมาคนเดียวมั้งคะ คงไม่ใช่เพราะลุคและหน้าตาแน่ๆ

หลังจากนั้นเราเดินชมพระราชวัง Deoksugung รอบๆ ซึ่งยังมีบางส่วนที่ปิดซ่อมแซมและจะเปิดอีกทีในปี 2013 ที่นี่ใช้เวลาไม่นานก็เดินทั่วจริงๆนะคะ สบายขาดีจริงๆ เราเดินไปหนึ่งรอบแถมพยายามขอเค้าออกทางด้านหลังเพื่อที่จะเดินดูถนนข้างวังต่อ แต่ว่าเค้าบอกว่าต้องออกทางด้านหน้าก็เลยต้องเดินย้อนกลับมาด้านหน้า .. เพื่อที่จะเดินเข้าไปชิวริมรั้วด้านหลังของวังอีกที -_-”

20120928-215953.jpg

20120928-220028.jpg

20120928-220139.jpg

20120928-220243.jpg

20120928-220343.jpg

20120928-220417.jpg

20120928-220446.jpg

20120928-220544.jpg

20120928-220626.jpg

20120928-220652.jpg

20120928-220713.jpg

ตอนที่เดินกลับมาด้านประตูหน้าเป็นตอนที่ทหารเปลี่ยนกะพอดีเราเลยได้ดูการเปลี่ยนกะของทหารที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เราได้ดูจากด้านหลังค่ะ -_-” ไม่ได้เห็นอะไรเท่าไรหรอก

20120928-220821.jpg

20120928-220849.jpg

เอาล่ะต่อจากนี้ถึงเวลาที่จะต้องบอกตัวเองว่าเราจะต้องอดทนมากๆเพราะเราจะเริ่มเดินทางไกลกันแล้วล่ะ

ถนนเลียบกำแพงหิน Deoksugung หรือที่เรียกว่าชองดงกิล (Jeongdong-gil) ได้ชื่อว่าเป็นถนนที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกที่สุด โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงที่เจ้าใบแปะก๊วยจะหล่นลงมาที่พื้นจนเต็มไปหมด ได้ยินมาว่าที่ไม่มีการกวาดเจ้าใบแปะก๊วยพวกนี้ไปเพราะเป็นนโยบายของท่านรัฐมนตรีท่านนึงที่บอกว่าไม่ต้อง เพราะมันทำให้ถนนสายนี้โรแมนติกที่สุดนั่นเอง

เท่าที่เราหาพบมีความเชื่อเดี่ยวกับเจ้าถนนสายนี้อยู่สองแบบ แบบแรกคือเชื่อว่าถ้าคู่รักคู่ไหนได้เดินด้วยกันที่ชองดงกิลแล้วความรักของพวกเค้าจะยั่งยืนตลอดกาล แต่อีกเรื่องกลับบอกว่าถ้าคู่รักคู่ไหนเดินบนถนนเส้นนี้ด้วยกันก็จะมีอันต้องเลิกรากันไปในที่สุด เราเองไปเดินคนเดียวก็เลยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมมติฐานไหนเป็นจริงอย่างมีนัยสำคัญ ^^”

20120928-221028.jpg

20120928-221124.jpg

ชองดงเคยเป็นศูนย์กลางของชุมชนคนต่างชาติในเกาหลี ที่พักคณะฑูต รวมไปถึงโบสถ์ของชาวคริสเตียน เพราะฉะนั้นระหว่างทางที่เดินเราก็จะพบกับอาคารต่างๆที่บ่งบอกถึงอดีตเลยล่ะค่ะ เราตั้งใจเดินผ่านพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งกรุงโซล .. โบสถ์ชองดงซึ่งเป็นโบสถ์โปรเตสเทนท์ยุคแรกของเกาหลี .. จองมยอนจอน (Jeongmyeongjeon) ที่พักของมิชชันนารีที่ถูกสร้างแยกออกมาจากวัง ปัจจุบันจองมยอนจอนเปลี่ยนไปเป็นห้องจัดแสดงความเป็นมาเล็กๆแล้ว .. จากนั้นก็เดินเตาะแตะไปจนถึงซากหอคอยที่ยังคงเหลืออยู่ของอาคารสถานฑูตรัสเซียเก่า (Former Russia Legation) ที่เราอยากดูนักหนา สถานฑูตรัสเซียเก่าสร้างขึ้นแบบเรเนซองค์น่าจะสวยมากเลยล่ะค่ะ น่าเสียดายที่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ซากหอคอย ขนาดแค่ซากหอคอยก็ยังสวยมากจนเราอยากย้อนเวลากลับไปดูว่าทั้งอาคารนั้นจะสวยแค่ไหน

20120928-221359.jpg

20120928-221233.jpg

20120928-221259.jpg

20120928-221519.jpg

20120928-221553.jpg

20120928-221620.jpg

20120928-221643.jpg

20120928-221713.jpg

20120928-221737.jpg

20120928-221822.jpg

20120928-221851.jpg

หลังจากที่ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองอยากจะเห็นแล้วเราก็เดินกลับมาเลาะไปตามกำลังด้านหลังของพระราชวัง Deoksugung ผ่านอาคารสำนักงานใหญ่ขององค์กรการกุศล Salvation Army Headquarters เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังจตุรัสกวางฮวามุน

20120928-222019.jpg

20120928-222055.jpg

20120928-222205.jpg

Gwanghwamun Square
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 5 ลงที่ City Hall Station Gwanghwamun Station, Exit 2 3
Operating hours : จตุรัสกวางฮวามุนเปิดตลอด (แหงแซะ) แต่พิพิธภัณฑ์พระเจ้าเซจงและนายพลยี ชุนชินเปิดวันอังคาร – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10:30 – 22:30 hrs (Last entry 22:00 hrs)
Admission Fee : Free

ทำเป็นพูดดีว่าจะมุ่งหน้าไปจตุรัสกวางฮวามุน เปล่าหรอกค่ะ เราก็เดินไปเรื่อยๆนั่นแหละ เพราะความที่เราไม่ได้กางแผนที่เดินมันทุกแยก เราเดินไปเรื่อยๆจับทิศเอาอย่างเดียวเพราะทางตรงนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร แล้วก็ไปคนเดียวด้วยค่ะเลยไม่ค่อยคิดอะไรมากเท่าไร สุดท้ายเพราะความชิวก็ทำให้มึน เราออกมาถึงถนนใหญ่แต่กลับต้องปรับศูนย์ใหม่เพื่อหาทางไปจตุรัสกวางฮวามุน คลำไม่นานหรอกค่ะ แค่ซักระยะเท่านั้นเอง ㅠㅠㅠㅠ

พอทิศทางเริ่มได้ ความมั่นใจเริ่มมา เราก็เดินเตาะแตะไปจตุรัสกวางฮวามุนจริงๆแล้วค่ะ หาไม่ยากเลยเพราะว่าอนุสาวรีย์พระเจ้าเซจงโดดเด่นเป็นสง่ามากๆ แต่การเดินแถวๆนั้นต้องทำใจนะคะ ก็บริเวณจตุรัสกวางฮวามุน พระราชวัง Gyeongbokgung Samcheongdongil นั้นใกล้กับบ้านพักประธานาธิบดีเกาหลีหรือที่เรียกกันว่า Blue House มากแถมยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญเช่นพวกสถานฑูต ก็เลยจะมีตำรวจอยู่เป็นระยะๆและบางทีก็มีปิดถนนด้วย เราเองก็เจอมาเหมือนกันระหว่างทางไปกวางฮวามุนนี่ล่ะค่ะ

มาถึงจตุรัสกวางฮวามุนแบบเต็มไปด้วยผู้คน เราเดินชมอยู่ด้านบนซักพักก็เดินลงไปพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ใต้ฐานอนุสาวรีย์พระเจ้าเซจง เจ้าพิพิธภัณฑ์ใต้ดินนี้แบ่งเป็นสองส่วนค่ะ ส่วนนึงแสดงประวัติและผลงานของพระเจ้าเซจงมหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเกาหลี ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสิ่งต่างๆมากมาย ตั้งแต่เครื่องดนตรี นาฬิกาแสงอาทิตย์ แผนที่ดวงดาว อาวุธ ตลอดไปจนประดิษฐ์ตัวอักษรเกาหลีที่ใช้มาจนทุกวันนี้ อีกส่วนเป็นส่วนแสดงประวัติและผลงานของนายพลยี ซุนซิน แม่ทัพเรือฝ่ายซ้ายแห่งมณฑลจอนลา ผู้นำเกาหลีชนะญี่ปุ่นหลายศึก นอกจากจะมีประวัติของท่านก็ยังมีเรือเต่าหรือที่ในภาษาเกาหลีเรียกว่าเรือโคบุกชอนที่ท่านคิดค้นขึ้นและเป็นส่วนสำคัญในชัยชนะของเกาหลี รวมไปถึงประวัติศาสตร์เกาหลีเกี่ยวกับการสงครามในสมัยนั้นด้วย เราว่าพิพิธภัณฑ์นี้เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่สนใจ เพราะว่านอกจากส่วนแสดงที่ให้ความรู้แล้วก็ยังมีเกมให้เด็กๆเล่น ทั้งหมดนี่ฟรีค่ะ ถูกใจคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างเรามาก *-*

20120928-222402.jpg

20120928-222442.jpg

20120928-222507.jpg

20120928-222533.jpg

20120928-222629.jpg

20120928-222655.jpg

20120928-222741.jpg

20120928-222900.jpg

20120928-222928.jpg

20120928-223006.jpg

20120928-223025.jpg

ก่อนกลับเราเห็นด้านในมีมุมให้ทดลองเขียนภาษาเกาหลีโดยใช้พู่กันเขียนบนกระดาษข้าวเลยลองเดินไปถามเค้าว่าเราเขียนได้ไหม เค้าบอกได้ค่ะ เชิญนั่ง .. พนักงานถามชื่อเราไปเราเลยบอกชื่อที่ปกติใช้ว่าเจดพร้อมสะกดให้ด้วย Jade นะ จะได้ไม่ออกเสียงผิด พนักงานก็เขียนมาให้เป็นตัวอย่างเพื่อให้เราเขียนตาม พอเห็นแล้วถึงจะอ่านเกาหลีไม่แตกฉานแต่ก็เดาได้ว่ามันคือ “เจ-เอ-ดี-อี” เป็นภาษาเกาหลีจริงๆ ไม่สามารถจะขำกว่านี้ได้อีกแล้วค่ะ เราก็เขียนไปตามนั้นแหละ คุณพนักงานก็เฝ้ามองเราเขียนไปให้กำลังใจไปว่าลายมือน่ารัก แล้วชื่อเรา “เจ-เอ-ดี-อี” ก็ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ

20120928-223128.jpg

20120928-223157.jpg

Gyeongbokgung
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงที่ Gyeongbokgung Palace Station, Exit 5 หรือรถไฟใต้ดินสาย 5 Gwanghwamun Station, Exit 2.
Operating hours : ปิดวันอาทิตย์
March-October: 09:00-18:00
November-February: 09:00-17:00
* Last admission: 1 hr before closing.
* Operating hours are subject to change depending on circumstances.
Admission Fee : 3,000 KRW แต่เราซื้อบัตรแบบ Integrated Ticket of Palaces สบายค่า

มองนาฬิกาแล้วมีเวลานิดหน่อยที่จะเดินไปดูทหารเปลี่ยนกะ(จากด้านหน้า)ที่พระราชวัง Gyeongbokgung เราเลยแทบจะถลาออกจากพิพิธภัณฑ์นั้น แต่ประเด็นมันคือเราไม่ได้โผล่มาตรงทางที่เราลงนี่สิคะ .. อะไรเนี้ยยยย .. แล้วเราก็แพ้ทางใต้ดินตลอดเหมือนตอนที่สิงคโปร์เลย พอลงไปใต้ดินขึ้นมาจะเหมือนสูญเสียสรรถภาพด้านทิศทาง ประหลาดมากเพราะหันไปเห็น Gyeongbokgung อยู่ลิบๆก็ยังจะเดินไปฝั่งตรงกันข้ามเพราะไม่เชื่อว่าเป็นวังจริงๆ แล้วก็ต้องเดินย้อนกลับมา

…วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเรา เดินมึนงงเหมือนคนไร้สติ

…หรือเราจะไร้สติมาตลอดตั้งแต่มาที่นี่หว่า

เราเผื่อเวลาไว้นิดหน่อยในการเดิน เพราะฉะนั้นพอเดินกลับมาเค้าก็เปลี่ยนกะกันพอดีอีกแล้ว แต่เราน่ะ…อยู่อีกฝั่งของถนนน่ะสิ ข้ามไปไม่ทัน ยังสงสัยตัวเองอยู่นิดๆว่าคงไม่มีดวงจะได้ดูทหารเปลี่ยนกะแบบเป็นเรื่องเป็นราวกับเค้าซักทีละมั้ง ครั้งแรกได้ดูจากด้านหลัง ครั้งที่สองได้ดูจากด้านหน้าแบบไกลๆ -__-“ แต่ก็เอาเถอะค่ะ ตัดใจๆ คิดได้ดังนั้นก็เดินเตาะแตะเข้าไปในวัง

พระราชวัง Gyeongbokgung แปลว่า “พระราชวังแห่งพรที่ส่องสว่าง” เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังใหญ่และเป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดของราชวงศ์โชชอน และได้กลายเป็นพระราชวังหลวงหรือวังหลักสำหรับประทับว่าราชการของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์ของเกาหลีมาโดยตลอด ถึงแม้ในอดีตบางส่วนของพระราชวังจะถูกเพลิงเผาในช่วงที่ญี่ปุ่นรุกรานเกาหลีแต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้สวยงามดังเดิม

นักท่องเที่ยวจำนวนมาก หลายชาติหลากภาษาเลยค่ะที่มาเยี่ยมชมพระราชวัง Gyeongbokgung สมกับที่เป็นพระราชวังหลัก ทุกอย่างใน Gyeongbokgung ยิ่งใหญ่และแตกต่างจาก Deoksugung ที่เราไปเมื่อเช้า เราใช้เวลาพักนึงที่นี่ แต่ไม่นานเท่าไรค่ะเพราะว่าเป็นพวกไม่ถูกโรคกับสถานที่ที่คนเยอะ ทั้งๆที่ในตอนแรกตั้งใจจะเดินออกทางด้านหลังของวังที่จะเดินไป Cheongwadae หรือ Blue House ใกล้ขึ้น แต่เพราะอะไรไม่รู้ เราเดินมาออกทางประตูด้านทิศตะวันตก คงเพราะอยากเดินดูให้ทั่วจริงๆแม้จะไม่รู้เรื่องก็ตาม

…ถึงตอนนี้แอบเสียดายเบาๆที่ไม่ดูหนังประวัติศาสตร์ของเกาหลี ไม่งั้นคงซึมซาบอะไรได้มากกว่านี้

20120928-223353.jpg

20120928-223416.jpg

20120928-223443.jpg

20120928-223503.jpg

20120928-223524.jpg

20120928-223558.jpg

20120928-223627.jpg

20120928-223652.jpg

Cheongwadee (Blue House)
How to go : Cheongwadae อยู่ด้านหลังพระราชวังGyeongbokถ้านั่งรถไฟใต้ดินก็ขึ้นสาย 3 ไปลงที่ Gyeongbokgung Palace Station, Exit 5
Operating hours : Every Sunday, Monday and National holidays การเข้าชมด้านในจะต้องเข้าชมกับทัวร์ซึ่งต้องจองล่วงหน้านะคะ

Cheongwadae หรือ Blue House คือบ้านพักของประธานาธิบดีเกาหลี เพราะฉะนั้นถนนโดยรอบเลยเต็มไปด้วยตำรวจ ตำรวจ ตำรวจ และตำรวจ เราแค่เดินออกมาจากวังก็เจอเลยค่ะ คุณตำรวจเกาหลีหน้าใสคอยตั้งด่านอยู่ สงสัยท่าทางเราคงน่าสงสัยไปหน่อยเพราะเค้าถามเราด้วยว่าเป็นคนชาติไหนและจะไปไหน .. แง้ ทำไมกลุ่มก่อนหน้านี้ที่เดินผ่านไปไม่เห็นถามเลย ทำร้ายจิตใจกันน่าดู T^T .. แต่คุณตำรวจก็ถามแค่นั้นแหละค่ะ แล้วก็ปล่อยเราให้เดินต่อไป ส่วนเค้าก็ไปคุยกับนายตำรวจอีกคน คิดว่าคงจะ FYI ให้กันทราบเกี่ยวกับเรา

เราเดินเรื่อยๆเลียบไปทางกำแพงฝั่งตะวันตกของ Gyeongbokgung ไม่นานก็เห็นอนุสาวรีย์รูปนกฟินิกซ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อยู่หน้า Cheongwadae จุดนี้น่าจะเป็นจุดฮิตอีกจุดนึงที่นักท่องเที่ยวจะมาถ่ายภาพเลยล่ะค่ะ ในบริเวณใกล้ๆ Cheongwadae นี้จะนอกจากจะเห็นคุณตำรวจมาคอยตั้งด่ายแล้วก็จะเห็นป้อมไฟแดงแบบมีคุณตำรวจอยู่ด้านในด้วย .. เจ๋งอ่ะ .. ทำไมถึงต้องป็นฟีนิกซ์ เคยอ่านเจอว่าที่เป็นนกฟีนิกซ์ก็เพราะฟีนิกซ์ไม่มีวันตาย เปรียบเสมือนชาวเกาหลีที่ไม่ว่าจำผ่านสงครามก็จะสามารถฟื้นคืนประเทศขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้งนั่นเอง

20120928-223755.jpg

20120928-223926.jpg

20120928-223959.jpg

จากอนุสาวรีย์นกฟีนิกซ์เราก็เดินเลาะๆทางกำแพงของพระราชวัง Gyeongbokgung จนมาเจอประตูวังด้านทิศใต้ ตรงนั้นมองเข้าไปก็จะพบกับอาคารหลังคาสีฟ้าหรือ Blue House นั่นเอง ว่ากันว่า Cheongwadae ตั้งอยู่ในตำแหน่งฮวงจุ้ยดีที่สุดของกรุงโซล คือด้านหลังเป็นภูเขาด้านหน้าเป็นแม่น้ำ ตรงนี้มีเขต Photo Zone อีกแล้วค่ะ ห้ามเดินเข้าไปถ่ายรูปเลยเส้นเหลือง ประหนึ่งเดจาวูจากที่เราไป DMZ อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะว่า Cheongwadae คือที่พักประธานาธิบดีก็เลยเฮี้ยบเนื่องจากเป็นสถานที่สำคัญของประเทศ

20120928-224103.jpg

20120928-224133.jpg

เหตุผลที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมาโฉบ Cheongwadae ก็เพราะเป็นธรรมเนียมว่าควรจะต้องมาทักทายกับผู้นำประเทศถึงแม้จะไม่ได้เห็นประธานาธิบดีก็ตาม ทัวร์ต่างๆก็เลยมักจะพาลูกทัวร์ของตัวมากัน

เดินเลยอาคารหลังคาฟ้ามาอีกมีอาคารหินสวยมากจนอยากจะถ่ายภาพ เราเองนึกว่าเขตห้ามถ่ายรูปมีแค่ตรงนั้น แถวนี้คงอนุญาติให้ถ่ายได้ตามชอบใจ มือไวเท่าความคิดก็ยกกล้องขึ้นมาฉับฉับ แต่ได้แค่นั้นแหละค่ะ แค่ยกกล้องขึ้นมา คุณตำรวจยกมือกันพรึ่บแทบจะพร้อมกันแล้วบอกว่า “No Photo” ใจหายว้าบไปอยู่ตะตุ่มเลย เกือบไปแล้วค่ะ เกือบทำผิดโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว อาคารสวยหลังนั้นคาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ Cheongwadae เพราะตั้งอยู่ในเขตนั้น แหมเรา เกือบจะไม่ได้ไป Samcheongdongil ซะแล้วสิ

Samcheongdongil
How to go : อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระราชวัง Gyeongbokgung ถ้านั่งรถไฟใต้ดินก็ขึ้นสาย 3 ไปลงที่ Anguk Station ค่ะ

ถัดจาก Changdeokgung เดินไปอีกนิดก็ถึง Samcheongdong .. Samcheongdong เป็นอีกที่ที่มีเอกลักษณ์ที่นึงของโซลเลยค่ะ Samcheongdong ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างพระราชวัง Gyeongbokgung และพระราชวัง Changdeokgung ทางเหนือเป็น Cheongwadae และทางใต้เป็น Insadong ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วถือว่าเป็นที่ที่ดีมากเลย Samcheong (Sam คือสาม Cheong แปลว่าสะอาด, ดี) เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพราะมีสิ่งดีๆที่มีในย่าน Samcheong ก็คือน้ำสะอาด ล้อมรอบด้วยภูเขาสวย และผู้อยู่อาสัยที่จิตใจดี

ตอนแรกที่เดินเลาะมาจากกำแพงข้างวังเราเห็นบันไดเดินลงก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นทางเดินที่จะพาเราไปย่าน Samcheongdong (ไม่ยอมกางแผนที่อีกเช่นเดิม) แต่สุดท้ายงงเต๊กเพราะหาทางไปร้านดังที่จะเป็น RC ไม่พบ .. แหงล่ะ ทำหยั่งกะเป็นคนเกาหลี .. เลยต้องเอาแผนที่มาดู แต่แผนที่ที่เรามีดั๊นนนไม่มีอัพเดตซักกะอัน งงค่ะ เราก็เดินเปะปะไปกับแผนที่ไม่อัพเดตบนมือถือ อากู๋แมพของเกาหลีก็ดันเป็นภาษาเกาหลี ทำเอาเพลีย สุดท้ายไปเจอแผนที่เจ๋งที่สุดคือในร้านกาแฟ แปะอยู่ตรงหน้าร้าน พุดโธ่! บ่นอะไรไม่ได้ค่ะ ถ่ายรูปเก็บเอาใช้ประโยชน์ในอนาคตอันใกล้เอาแล้วกัน

20120928-224343.jpg

20120928-224431.jpg

20120928-224522.jpg

ระหว่างทางที่เดินใน Samcheongdong จะเจอร้านน่ารักๆ ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของ ไปจนถึงแกลลอรี่ค่ะ น่ารักมาก เราทราบเหมือนกันว่าแถวนั้นมีหมู่บ้านบุกชอนที่เป็นบ้านโบราณของเกาหลีแต่เราไม่ได้ไปดูค่ะ เดินไม่ไหวแล้วก็มีนัดทานอาหารเย็นกับผู้มีอุปการะคุณตอนหัวค่ำ กลัวเดินช้าๆเนิบๆเพราะความเมื่อยด้วยเดินมาทั้งวันจนขาจะหลุดจะทำให้ผิดเวลาก็เลยตัดสินใจว่าแค่ Lemonade จากร้าน Lemon Aid แทน แถมยังล้มแผนการที่จะไปกินร้านเด็ดร้านดังแลกกับเนื้อย่างร้านอร่อยแถวมยองดงแทน

…อุตสาห์พยายามได้แผนที่มาเพื่อ?

20120928-224616.jpg

20120928-224707.jpg

20120928-224800.jpg

20120928-224901.jpg

20120928-224951.jpg

20120928-225013.jpg

20120928-225040.jpg

20120928-225114.jpg

20120928-225135.jpg

วันนั้นเรากลับที่พักด้วยความตั้งใจแน่วแน่มากว่าเราจะกลับมาเดิน Samcheongdong อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่แล้วก็ไม่ได้กลับไป รู้สึกเสียดาย แต่เรายังมีอะไรให้เดินอีกเยอะในเกาหลี .. พรุ่งนี้เราไปเที่ยววังกันต่ออีกวันนะคะ ไปกันแบบงงๆอย่างวันนี้นี่แหละ ^^

ใส่ความเห็น